My Life; My Destiny.
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
The Diary of my Back Pain (7) : เมื่อความซวย มาเยือนอีกรอบ

  สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ขอโทษที่หายไปหลายสัปดาห์นะคะ พอดีแว๊บไปเซอร์ไพร์สหม่อมแม่ที่กรุงเทพมาค่ะ Smiley


สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่หลังจากผ่าตัดครั้งแรก ก็วิ่งเข้าวิ่งออกห้องฉุกเฉิน จนเป็นเหตุให้ถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกติดยา นัยว่า มาห้องฉุกเฉินเพื่อจะรับมอร์ฟีน จากนั้นก็มีงานเข้าเยอะแยะไปหมด ต้องช่วยคุณอาจัดการงานศพให้สามีเค้า และต้องอยู่ช่วยดูแลคุณอาไปด้วยในตัว ตอนนั้นกระโดดข้ามรัฐเป็นว่าเล่นเลย ตอนนั้นเราเครียดมากนะ แบบสติจะแตกอ่ะ 

เมื่อทางวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถช่วยคลายความเจ็บปวดได้ เราเลยหันเข้าทางธรรมซะเลย ตอนนั้นก็บ้าสวดมนต์ กับนั่งสมาฺธิมาก พอมีสติ เลยคิดว่าหางานทำน่าจะดีที่สุด อย่างน้อย ๆ ก็จะได้คลายความประสาทไปได้บ้าง ตอนนั้นเราก็เลยรับงานแบบสัญญาสั้น ๆ ค่ะ ซึ่งจะไปสิ้นสุดประมาณกลาง ๆ เดือนกรกฎาคม ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี 


ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิปีนั้น พอดีสวนสาธารณะแถว ๆ บ้าน มีการแข่งแรลลี่จักรยาน โดยมีบูธทางด้านสุขภาพมาเปิดเยอะ บูธหนึ่ง เป็นบูธของ Spines & Sports Institute ซึ่งตอนนั้นเค้าก็มีการมานวดนักปั่นจักรยาน 

นายจอมยุ่งเห็นดังนั้น ก็ "รี่" เข้าไปเลย เผื่อฟลุ๊คจะได้นวดฟรี อิอิ Smiley เอ้ย...ไม่ใช่ค่ะ เฮียแกอยากจะเข้าไปปรึกษาว่า อย่างเราเนี่ย ยังมีทางรักษาให้หายมั้ย ? เพราะเราหามาหลายแผนแล้ว ฝังเข็มก็ทำมาแล้ว หาจิตแพทย์ก็หามาแล้ว 

วันนั้นโชคดี ได้เจอกับคุณหมอเคทลิน เธอจับหลังเราปุ๊ป เธอก็บอกทันทีว่า ที่เราเจ็บหลังเนี่ย เป็นเพราะ "ผังผืด (Scar Tissue)" จากการผ่าตัด มันยึดติดกัน ต้องนวดออก แล้วถึงจะคลายความปวด เธอก็บอกว่า ถ้าเราสนใจ เธอจะรับเป็นคนไข้ให้ เพราะเห็นท่าเดินเราแล้ว เธอบอกว่า รู้เลยว่าเจ็บมาก 

นาทีนั้น น้ำตาจะไหลค่ะ มันเหมือนกับว่า ในที่สุด ก็มีคนเข้าใจความปวดของเราซะที 5555 สัปดาห์ต่อมา เราก็จัดการนัดพบคุณหมอเคทลินได้ เสียแต่คลีนิคเธอ อยู่ไกลเวอร์อ่ะ ต้องขับรถไปเกือบ ๆ 50 นาทีได้ แต่เราก็ไปสัปดาห์ละ 2 ครั้งนะ 


นับจากไปพบคุณหมอเคทลิน ก็เหมือนกับทุกอย่างมันดีขึ้น จนกระทั่ง วันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติของชาวอเมริกัน ความซวยก็มาเยือนอีกครั้ง คืนวันนั้นเราก็เล่นดอกไม้ไฟกันในสวน กรี๊ดไปกรี๊ดมา จากที่ยืนอยู่บนบันไดทางลงสวน ก็ "ร่วงตุ๊บ" ลงไปคลานอยู่ในสนามซะงั้น หมดกัน...หมดอารมณ์เล่นพลุ เลิก ๆๆๆ เสียอารมณ์มาก 

2-3 วันหลังจากนั้น เราก็ไปพบคุณหมอเคทลินตามนัด ก็บอกเธอว่า เราหกล้มในสนาม และเราก็บอกว่า สัปดาห์หน้าคงมาไม่ได้ เพราะเราจะไปกรุงเทพ คุณหมอเธอก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไร คือ เธอยังไม่อยากจะให้เรานั่งนาน ๆ แต่ก็นะ คนมันจะดื้อค่ะ ก็ไม่ฟังหมอ ก็โบยบินไปซบอกหม่อมแม่ที่กรุงเทพ 

ทริปนั้น นายจอมยุ่งบอกว่า จะไปก็ได้ (ถึงห้ามก็ไม่ฟังอยู่แล้ว อิอิ) แต่จะต้องรีเควส Wheelchair กับสายการบิน  ซึ่งก็สบายมากคะ่ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ แถมยังได้ตัดคิวชาวบ้าน ทั้งตอนผ่านด่านตรวจความปลอดภัย และตอนขึ้นเครื่องบินอีกต่างหาก 


23 กรกฎาคม วันนั้นเป็นวันเกิดเราค่ะ รู้อยู่แล้วว่าแม่เตรียมของไว้ให้ใส่บาตร เราตื่นขึ้นมาตอนตี 5 (พระมาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง) ลุกจากเตียงปุ๊ป ก็ร่วงลงไปนอนกับพื้่นเลยค่ะ ตั้งแต่กระดูกก้นกบลงไป ถึงปลายเท้ามันเจ็บมาก และไม่มีแรง ไม่สามารถลงน้ำหนักไปที่ขาได้เลย เกิดมาไม่เคยเจ็บเท่านั้นมาก่อนค่ะ เราก็ลุกขึ้นมาใหม่ เดินได้ 2 ก้าว ต้องกลับไปนอนที่เตียงต่อ นั่งก็ไม่ได้นะคะ เจ็บมาก ตอนนั่งในห้องน้ำนี่ เป็นอะไรที่ทรมานสุด ๆ อ่ะค่ะ...กว่าจะลุกไปถึงห้องน้ำได้ เพราะลุกแล้วเดินได้ไม่กี่ก้าว แล้วต้องกลับมาตั้งหลักที่เตียงใหม่  วนไปเรื่อย ๆ กินเวลาไปเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงค่ะ คือพอลุกยืนได้ มันเหมือนส่วนล่างกับส่วนบนของลำตัว มันจะหลุดออกจากกัน

ตอนเดินจากตัวบ้าน มาที่หน้าบ้าน ต้องใช้ไม้เท้า ทุกย่างก้าวเจ็บปวดมากค่ะ เดินไปน้ำตาไหลไปอ่ะ แม่กำลังจัดทานอาหารพระอยู่ พอเห็นหน้าเรา แม่ตกใจสุด ๆ 

จากวันนั้น ไปจนถึงวันบินกลับอเมริกา เราก็นอนอยู่แต่ในห้องค่ะ เพราะนั่งไม่ได้ นั่งแล้วเจ็บมาก ตอนนั้นไม่ได้คิดว่ามันเป็นอะไรมากมาย แม่ก็อุตส่าห์ไปซื้อลูกประคบมาประคบให้วันละหลาย ๆ รอบ สัปดาห์นั้นเป็นอะไรที่ทรมานมากค่ะ ทุก ๆ วัน กว่าจะลุกจากเตียงได้ จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง บางทีก็เดินมั่ง คลานมั่ง เราเลื่อนตั๋วเครื่องบิน เพิ่มไปอีก 1 สัปดาห์ เพราะจะให้เดินทางตอนนั้น ไม่ไหวแน่นอน 


เมื่อถึงวันเดินทางกลับ ก็งัดเอารถเข็นของคุณย่าใส่ท้ายรถไปด้วย พนักงานที่สายการบิน ก็ดูแลเป็นอย่างดีค่ะ จากรถเข็นของคุณย่า ก็เปลี่ยนไปนั่งรถเข็นของสายการบิน มีคนเข็นให้ไปถึงเครื่องบิน เข้าไปช่วยเก็บของในเครื่องให้เรียบร้อย และทำแบบนี้ต่อ ๆ ไป จนถึงปลายทางที่นายจอมยุ่งรอรับอยู่ 

วันถัดไป เราก็ไปพบคุณหมอเคทลินตามนัด หลังจากที่เธอจัดการให้เราทำกายภาพบำับัด พร้อมกับนวดเส้นให้เสร็จ เราก็บอกว่า เราไม่รู้สึกว่าดีขึ้นเลย คุณหมอเธอก็ขมวดคิ้ว ลงมือนวดใหม่ ก็ยังไม่ดีขึ้น เธอเลยถามเราว่า เราคิดยังไงถ้าเธอจะส่งเราไปแสกน MRI อีกรอบ ?

เราก็บอกว่า เราไม่คิดยังไงเลย นาทีนี้เอายังไงก็ได้ เธอเลยส่งเราไปที่คลีนิคอีกแห่งใกล้ ๆ บ้านเรา เธอเขียนใบสั่งให้เราฉีดสเตอรอยต์เข้าไขสันหลังอีกรอบ ดังนั้น เราจึงต้องไปแวะรับนายจอมยุ่งที่ทำงาน เนื่องจากฉีดยาเสร็จ จะต้องมีคนขับรถให้ 

ตอนแสกนหลัง จากปกติที่ไม่เคยมีปัญหากับการฉีดสีเลย วันนี้เกิดอะไรไม่รู้ พอเค้าฉีดสีเข้ากระแสเลือด แล้วส่งเราไปในอุโมงค์อีกรอบ เราก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวมาก แต่ก็พยายามไม่กระดุกกระดิกนะคะ สุดท้ายไม่ถึง 3 นาทีดี ต้องกดออดเรียกเจ้าหน้าที่ พร้อมบอกว่า ไม่ไหวแล้ว "จะอ้วก" เจ้าหน้าที่วิ่งพรูเข้ามาพร้อม ๆ กัน 3 คน พร้อมกับถังขยะ 1 ใบ สงสัยกลัวเราจะอาเจียน ใส่เครื่องแสกนราคาหลายล้านเหรียญล่ะมั้ง 

หลังการแสกนหลัง คุณหมอทางด้านเส้นประสาท ก็เข้ามาฉีดยาสเตอรอยด์ เข้าไขสันหลังให้ จากนั้นก็ส่งกลับบ้าน 


เย็นวันเดียวกัน คุณหมอเคทลินโทรกลับมา ฝากข้อความไว้ว่า ผลแสกนออกมาแล้ว และเธอได้ขอความเห็นกับคุณหมอท่านอื่น ๆ เห็นว่า เรามีความจำเป็นจะต้องผ่าตัด เนื่องจากหมอนรองกระดูกสันหลังแตกเยอะมาก จำเป็นจะต้องตัดส่วนที่ทับเส้นประสาทออก หากทิ้งไว้นาน ก็ทำความเสียหายให้แก่รากประสาทได้

เช้าวันรุ่งขึ้น เราโทรกลับหาเธอ ถามว่าคุณหมอคิดว่าจำเป็นต้องผ่ามั้ย ? เพราะเราจำได้ว่า ครั้งแรกที่มาปรึกษากับเธอ เธอบอกว่า เธอไม่ค่อยอยากให้คนไข้ผ่าหลัง เพราะส่วนมาก ผ่ามาแล้วก็ไม่หายอยู่ดี 

เธอก็บอกว่า กรณีของเรานี้ มันเยอะเกินกว่าที่การรักษาทางอื่น ๆ จะช่วยได้ เธอก็ว่าถ้าเราตกลง เธอจะติดต่อหมอผ่าัตัดมือหนึ่งของรัฐให้ เราก็ตกลงตามนั้นค่ะ เธอก็ให้ชื่อศัลยแพทย์ทางด้านเส้นประสาทมา (Neuro Surgeon) 

พอเราได้ชื่อคุณหมอมา เราก็จัดการกูลเกิ้ลประวัติคุณหมอซะละเอียดยิบ ก็เป็นการคอนเฟิร์มว่า คุณหมอท่านนี้มือหนึ่งจริง ๆ ได้รางวัลมาก็เยอะ จึงค่อนข้างโล่งใจ และค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้เจอท่าน 

แต่เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป ติดตามต่อตอนหน้านะคะ อิอิ 

ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่แวะมาทักทาย และส่งกำลังใจให้นะคะ


จ บ ต อ น




Create Date : 30 สิงหาคม 2556
Last Update : 30 สิงหาคม 2556 2:06:58 น. 14 comments
Counter : 1851 Pageviews.

 
เจิมก่อนค่ะ อิอิ


โดย: schnuggy วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:2:41:00 น.  

 




สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ นาทีนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าสุขภาพเนาะ
ขอให้กลับมาดีเหมือนเดิมนะคะ ปราศจากความเจ็บปวด
ขอให้สุขภาพดียิ่งๆขี้่นไป มีความสุขมากๆค่ะ

โห..เป็นเรามั่ง ตอนมีคนเข้าใจถึงความเจ็บนี่ คงน้ำตาซึมเนาะ
อ่านถึงตอนนวดนี่เริ่มยิ้มแระ แต่แหม..อ่านต่อๆไปยิ้มไม่ออก

เป็นกำลังใจให้นะคะ



โดย: schnuggy วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:2:46:34 น.  

 
มานั่งอ่าน จนจบ ก็ขอเป็นกำลังใจให้หายเร็วๆเจอคุณหมอที่เก่งและถูกกะโรคที่เป็นอยู่นะขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:6:23:54 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังค่ะขอให้หายเร็วๆนะคะ
สู้สู้ค่ะเช่ือว่าคุณแพทต้องหายค่ะ


โดย: Sheer bliss IP: 198.228.216.17 วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:10:43:18 น.  

 
สวัสดีค่ะ วิสกี้เข้ามาอ่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ไม่ได้ล๊อกอินเลยยังไม่ได้เมนท์

อ่านแอบรู้สึกตามไปด้วยเลยค่ะ เอาใจช่วยให้สุขภาพกลับมาดีเป็นปกติอย่างเร็ววันนะคะ

รออ่านตอนต่อไปค่ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:0:04:20 น.  

 
มาแล้วค่ะ....
พอดีช่วงนี้ ก็ไม่ค่อยเข้าบล็อกเหมือนกัน


อ่านเวลาที่บรรยายตอนเจ็บๆ.....โอ้
เป็นคนเก่งจริงๆนะคะนี่ ขนาดเจ็บอย่างนี้ ยังเดินทางได้ ใจเข้มแข็งมากค่ะ


โดย: little mouse in big apple วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:19:53:56 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

Lilac Girl Diarist ดู Blog


เป็นงันบ้างขอรับ..หลังกลับมาจากเยี่ยมบ้าน คงมีกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 1 กันยายน 2556 เวลา:23:35:47 น.  

 
แวะมาทักทายขอรับ คุณท่านขุนฯช่วงนี้ก็มีปัญหาเรียนสุขภาพขอรับ เป็นที่มือข้างขวา เวลาไปเรียนหนังสือจะเขียนก็ไม่ได้ครูเลยบอกว่าเดียวเขียวให้ เป็นประเภทนิ้วล็อก ก็ใช้ประกันของที่ทำงาน แต่มันโครตช้ามากๆไปหาหมอมาสองหน ก็ไม่ใช่หมอหรอกขอรับ เป็นพยาบาล ที่ออกไปสั่งโน้นนี้ให้เราได้ ก็มีผลต่อกฏหมาย ทำให้ทางบริษัทต้องยินยอมเราได้นิดหน่อย อย่างเช่นหยุดงานได้ แต่ก็ไม่วางใจ ท่านขุนฯต้องโทรหาทนาย เพราะประกันทำท่าไม่ค่อยน่าไว้ใจขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 17 กันยายน 2556 เวลา:1:26:40 น.  

 
โห้คุณนะดูแลตัวเองแล้วยังมีน้องหมาบาดเจ็บอีกยังงี้สุดยอดขอรับ.. สมัยก่อนตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นเคยเลี้ยงสุนัขขอรับ มันเป็นอะไรไปเราก็เศร้า เลยเข็ดขอรับเลี้ยงสัตว์แล้วผูกพันกะมัน

ส่วนมือของท่านขุนฯเป็นตรงข้อมือพอข้อมือหาย(ไม่ได้หายดี)มาต่อนิ้วโป้ง(หัวแม่มือ)ที่นี้เป็นหนักเลยขอรับ ไปทำงานแบบงานเบาๆอย่างหยิบกระดาษ ที่นี้มันเกิดใช้นิ้วโป้งด้วยมากไปหรืองัย ต้องขอหยุดงานเขาให้หยุด 2 สัปดาห์ เพราะต้องรอพิสูจน์ ทางบริษัทมีประกันให้ แต่เป็นประกันที่บริษัทซื้อให้พนักอีกที่หนึ่ง ดูวุ่นๆน่าดูแต่ก็ต้องรอและยอมเพราะไม่อยากออกค่ารักษาเอง..มันเจ็บมาจากทำงาน ก็อย่างที่เล่าแต่ต้น.. แต่ว่าไปคงไม่มีอะไร ที่แย่คือเราต้องรอนี่สิ มันไม่รวดเร็วเลยของฟรีนี่... ตอนที่ต้องตอบคำถามของบริษัทประกัน.. เกือบสติแตกขอรับ ถามๆวนๆคงอยากให้เราหลงเผลอตอบผิด สรุปต้องตอบประกันเกือบ 50 คำถามเกือบๆ1ชม ... หากว่าทุกอย่างผ่าน วันหยุดเขาก็ต้องจ่ายให้เราขอรับ.... หากเล่นตุกติกกันก็คงให้ทนายไปคุยขอรับ...ไว้มีอะไรเคือบหน้าเด๋วจะแวะมาคุยให้ฟังขอรับ...คุณก็รักษาสุขภาพด้วยนะขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 17 กันยายน 2556 เวลา:3:24:59 น.  

 
อู้ว คุณแพท เจอมาเยอะเลยซัมเมอร์
เราว่าเรายุ่งแล้วนะ นี่สุดๆเลย
ยุ่งกับเรื่องสุขภาพนี่น่าเห็นใจจัง
มีต้องเดินทางอีกแน่ะ ดีที่ทางสายการบินบริการดีนะคะ
แล้วจะมาติดตามตอนหน้านะคะ

ลาบทูน่าสะดวกง่ายสุดๆค่ะ
ช่วงนี้สะระแหน่เยอะ ทำลาบบ่อยๆเลยค่ะ


โดย: anigia วันที่: 17 กันยายน 2556 เวลา:21:00:15 น.  

 
แวะมาเยี่ยมขอรับ ..ท่านขุนฯเพิ่งกลับมาจากโรงบาลขอรับ... หยุดอยู่บ้าน 10 กว่าวัน กำลังสงสัยตัวเองว่ามีซึมเศร้า และเครียดเงียบคือโรคเครียด(ที่เข้ามาโดยเราไม่รู้ตัว)หรือเปล่า ที่กลัวคือโรคซึมเศร้า เพราะบางเรื่องที่มีทำให้เสียใจ บางครั้งเราก็เก็บไว้นานจนรู้ว่ามันคล้ายๆกับโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวตลอดเวลา... คิดว่าคงไม่ใช่ทั้งสองอย่างขอรับ เพียงแต่จิตคงตก ...แล้วคุณล่ะน้องหมาเป็นงัยบ้าง ..ส่วนโรคประจำตัวของคุณล่ะ หาหมออีกเมื่อไร..ว่างๆเข้าไปคุยกะท่านขุนฯบางนะขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 25 กันยายน 2556 เวลา:2:52:05 น.  

 
แวะมาทักทายก่อนเที่ยงค่ะ


โดย: เตยจ๋า วันที่: 29 กันยายน 2556 เวลา:10:28:21 น.  

 
สวัสดีขอรับคุณแพท...(ขอเรียกตามเพื่อนท่านหนึ่งข้างบนนี้นะขอรับ)..ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ถามข่าวเรื่องมือ..พรุ่งนี้หมอนัด..ขอรับ..ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้านัก ต้องรอหมอเฉพาะด้าน แต่ละครั้งนานสองสัปดาห์ เพราะว่าหมอ(โรคนี้มีน้อยมากๆ)และคนป่วยโรคเดียวกะท่านขุนฯมีเยอะเลยต้องสะกดตัว"รอ"จนกว่าถึงคิวของเรา...หากว่ามีเวลาลองเก็บเรื่องราวของน้องหมาของคุณแพทมาเล่าลงบล็อกก็ดีนะขอรับ..ปกติเขาบอกว่าสัตว์เลี้ยง ก็คือหมอใกล้ตัวเราเช่นกันสุนัขช่วยให้สุขภาพจิต เราดี หลายเรื่องสุนัขเข้าใจเรามากกว่าคนซะอีกฮ่าพูดไปนั้น....ก็รักษาสุขภาพด้วยนะขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 7 ตุลาคม 2556 เวลา:20:56:49 น.  

 
เป็นหมอที่รู้เรื่องกระดูก..และนิ้วล็อกขอรับคุณแพท.. พอดีว่าเพิ่งนึกอะไรออกว่า..ตอนที่โดนตรวจ กล้าเนื้อและนิ้วล็อก ..นิ้วโป้ง ..เขาใช้กระแสไฟฟ้าหรืออะไรบางอย่างมันวิ่งไปที่หัวหัวใจทุกครั้ง..มือด้านขวาโดนไปสิบกว่าครั้งทุกครั้งมันจะโดนคลื่นวิ่งเข้าที่หัวใจ..และระบบประสาท..อันนี้คงเกิดผลข้างเคียง..เพราะหลังจากนั้นท่านขุนฯเปลียนไปขอรับ เป็นคนซึมเศร้าอย่างแรง..จากเมื่อก่อนเป็นเพียงซึมเศร้าอ่อนๆ พอรับมือกับมันได้.. แถมความจำสั้น มึนๆ ทึบๆในสมองอย่างบอกไม่ถูก.. แต่สองวันนี้เริ่มดีขึ้น ไม่ค่อยเศร้า เช้ามีมึน แต่เย็นนี้ค่อยๆเบาสบายขึ้นเยอะขอรับ..ไว้พรุ่งนี้หากไม่ยุ่งกับเรื่องที่ต้องตัวกลับไปทำงาน..ก็จะเข้ามาเล่าให้ฟังขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 8 ตุลาคม 2556 เวลา:12:04:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.