My Life; My Destiny.
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
15 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
เยี่ยมเมืองไทย 01/2010 ตอน Flying to the US after the X’mas 2009 Terrorist Attack.



เพื่อน ๆ คงทราบกันดีแล้วว่า เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ก่อการร้าย บนเครื่องบินนอร์ทเวสต์ ซึ่งเดินทางจากเมือง Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ สู่เมือง Detroit ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ โชคดีที่การก่อการร้ายไม่บรรลุผล เนื่องจากมีผู้โดยสารอีกท่าน เห็นท่าไม่ดี และได้ช่วยระงับเหตุไว้ก่อนค่ะ

แน่นอนว่า รัฐบาลมะกันประสาทแตกอยู่แล้ว ที่ว่าบ้า ๆ อยู่แล้ว เลยยิ่งบ้าหนักเข้าไปอีก คราวนี้ไม่รู้จะมีหมอที่ไหนรับรักษาหรือเปล่า ดังนั้น จึงมีการออกข่าวว่า จะออกมาตราการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดไปกว่าเดิม รวมไปถึงว่า จะมีการนำเครื่อง Body Scan มาใช้อีก ซึ่งถ้าเอามาใช้จริง ๆ เราก็ไม่ขัดอยู่แล้ว แต่ชาวมะกันบ้าเรื่อง Privacy มาก ๆ เราก็นึกในใจว่า จะเอาแบบบินแล้วปลอดภัย หรือ จะเอาแบบได้ Privacy ว่ะ ?



ไอ้เรานั่ง ๆ ฟังข่าวบ้าง อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง ก็เห็นเค้าว่า จะมีการห้ามไม่ให้ผู้โดยสารลุกจากที่นั่ง 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องลง นอกนั้นก็มาแนว ๆ ว่า ห้ามเอาอะไรมาวางบนตัก ห้ามใช้ผ้าห่ม ใช้หมอน ฯลฯ ก็เกิดความสงสัยว่า แล้วเที่ยวบินยาว ๆ ที่บินมาจากต่างประเทศ มันจะปฏิบัติได้หรือ ?

ว่าแล้วก็ขอไปตั้งกระทู้ถามในพันทิป ก็มีทั้งผู้โดยสาร ทั้งแอร์ ทั้งสจ๊วต มาร่วมด้วยช่วยกัน ตอบว่า “ห้ามลุกจากที่นั่ง 1 ชั่วโมงก่อนเดินทาง“ อันนี้เฉพาะเที่ยวบินที่มีปลายทาง ที่สนามบินในสหรัฐนะคะ (อาจจะรวมแคนาดาด้วย ไม่แน่ใจ)

ซวยล่ะซิ…ห้ามลุกจากที่นั่งตั้ง 1 ชั่วโมง เรายิ่งเป็นโรคท่อรั่วอยู่ด้วย ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำประจำ แล้วจะทำไงดีว่ะ ? คิด ๆๆ ปรึกษานายจอมยุ่ง เฮียก็บอกว่า “เอากระป๋องขึ้นไปฉี่มั้ย ?” ฮ่า ฮ่า ไอ้บ้าพูดเป็นเล่นไป เดี๋ยวก็เอาจริงหรอก เครียดนะเนี่ย !

สรุป…เฮียเลยบอกว่า “ก็หล่อนก็กินน้ำให้มันน้อย ๆ ดิ“ แถมมีการดักคออีกนะว่า รู้นะที่ต้องกินน้ำบ่อย ๆ เพราะคอมันแห้ง เนื่องจากกินเหล้าเยอะ ดังนั้น ก็ไม่ต้องกินเหล้าเยอะ บลา บลา บลา …พูดไปเถอะ เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา



ถึงวันเดินทาง เราออกจากบ้านเร็วกว่าเดิมอีกหน่อย เผื่อแถวที่ Security จะยาว ปรากฎว่า โชคดีค่ะแถวสั้นมาก ๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี ก็ได้เข้าไปนั่งที่เกทแล้ว (ซึ่งถือว่าเร็วมาก ๆ สำหรับสนามบินที่เป็น Hub ใหญ่ ๆ)

ระหว่างเที่ยวบิน ตั้งแต่อเมริกา ไปญี่ปุ่นจนถึงเมืองไทย ก็ไม่ได้มีการปฏิบัติอะไร ผิดแปลกไปกว่าเดิมค่ะ รอไปลุ้นตอนขากลับเข้าอเมริกาเลยละกัน ว่าจะมีอะไรพิเศษหรือเปล่า



เกือบจะตกเครื่องบินซะแล้ว


1 สัปดาห์ผ่านไป ถึงเวลาต้องกลับไปสู้ลมหนาวแล้ว จริง ๆ แล้วเกือบ ๆจะได้ตกเครื่องบินค่ะ เนื่องจากเกือบจะไปเช็คอินไม่ทัน

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ปกติเครื่อง NWA ซึ่งปัจจุบันคือ สายการบินเดลต้าเนี่ย มันจะออก 6 โมงเช้าพอดี แต่ซัก 2 ปีหลังนี่ มันเลื่อนไปเลื่อนมา เป็น 5:55 บ้าง 5:50 บ้าง แต่ครั้งนี้มันเลื่อนมาเป็น 5:40 ค่ะ ตามปกติเค้าจะปิดเค้าท์เตอร์เช็คอิน 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก ซึ่งก็คือ 4:40
คืนก่อนเดินทาง คุณป๋าก็บอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับตีสามครึ่ง จากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ ก็ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็บอกพ่อว่า ไม่ได้นะ ต้องมารับตีสาม ไม่งั้นเดี๋ยวมันปิดเค้าท์เตอร์ก่อน พ่อก็บอก …เออ ๆ งั้นเดี๋ยวมารับตีสาม



ปรากฎว่า ตีสามยี่สิบ ยังไม่เห็นหน้าคุณพ่อเลยค่ะ นั่งรอหน้าบ้าน ยุงก็กัด ร้อนก็ร้อน อยากจะกอดน้องดีโอก็ไม่ได้อีก เพราะใส่เสื้อดำ โทรเข้ามือถือ พ่อก็บอกว่า ใกล้ถึงแล้ว อยู่ตรงเซียร์รังสิต (ซึ่งกว่าจะมาถึงบ้านเรา ก็อย่างน้อย ๆ อีก 15 นาที) ใจเต้นตุ๊บ ๆ ถ้าไปเช็คอินไม่ทัน ชะตาขาดแน่ ๆ

ตีสามครึ่งพอดี พ่อก็มาถึงบ้าน เราหน้างอไปแล้วอ่ะ เพราะกว่าจะไปถึงสนามบิน มันก็ตีสี่ครึ่งแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 10 นาที สำหรับวิ่งไปเช็คอิน แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรนะ ถ้าไม่ทันก็คือไม่ทัน ดีกว่าพูดไปแล้วพ่อเสียใจ

เช้าวันนั้น พ่อเหยียบคันเร่งน่าดู ขับจากดอนเมืองมาถึงสุวรรณภูมิ ได้ในเวลา 40 นาทีค่ะ มาถึงสนามบินตีสี่นิด ๆ พอดี เลยรอดตัวไป



ขั้นตอนรักษาความปลอดภัย จากกรุงเทพ - อเมริกา ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนัก ยังคงต้องตอบคำถามเดิม ๆ ก่อนเช็คอิน ว่าใครเป็นคนแพคกระเป๋า ? มีใครฝากของมามั้ย ? มีของมีคม หรือของที่เป็นวัตถุไวไฟมั้ย ? หลังผ่านต.ม ก็ต้องผ่าน Security อีกรอบ และอีกรอบที่หน้าเกท จะมีการ Patch Down และตรวจกระเป๋า

ส่วนที่ญี่ปุ่น ที่เปลี่ยนไปคือ จะมีการสุ่มตรวจกระเป๋า หลังจากที่เราเข้าไปที่ Jetway แล้ว เราก็โดนแจ๊ตพ๊อตกับเค้าเหมือนกัน พี่ยุ่นโค้งขออนุญาตตรวจซะเกือบจะหัวชนโต๊ะ ฮ่า ฮ่า ซึ่งการสุ่มตรวจนี้ ก็ไม่ใช่ของใหม่ ตอนหลังเหตุการณ์ 9/11 เค้าก็ทำกันแบบนี้ ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายค่ะ



อ่ะ…ตานี้มาถึง 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องจะลงที่อเมริกาบ้าง จะลุกจากที่นั่งไม่ได้จริง ๆ หรือเปล่า ?


คำตอบ คือ เปล่าเลยค่ะ เพราะเราเองนั่นแหละ ยังลุกตอน ½ ชั่วโมงก่อนเครื่องลงเลย เพราะเพิ่งตื่นอ่ะ ต้องรีบวิ่งไปแปรงฟันเป็นอย่างด่วน จะได้เตรียมไว้สำหรับ “ยิ้มสยาม“ ให้ US Custom ซะหน่อย ส่วนหมอน ผ้าห่ม ก็ใช้กันได้ตามสะดวก ไม่เห็นป้าแอร์จะว่าอะไร

คราวนี้เราออกจากเครื่องบินเป็นคนแรก ต่อแถว ต.ม เป็นคนแรก ซึ่งใช้เวลา 2 นาที เสร็จสรรพด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปรับกระเป๋า ตอนแรกเราไม่คิดว่าวันนี้จะซวยเลย เพราะแทบจะไม่ได้ขนอะไรมาเลย กระเป๋าเบามาก ๆ ด้วยซ้ำ มีแค่ปลาสลิด กับปลาอินทรีทอด และพวกทองหยิบ ทองหยอด ที่ขนมาฝากรุ่นน้องเท่านั้นเอง นอกนั้นก็มีที่นอนพับได้ 1 อันใหญ่ ๆ ซึงเราโหลดทั้งอันแบบนั้นไปเลย

ตอนเดินผ่านศุลกากร ก็ยิ้มหวานเชียว อุตส่าห์ Good morning กับมัน มันเสือกไม่ตอบ กลับบอกว่า โน้น…เอากระเป๋าไปเข้าเครื่องเอกซ์เรย์ เพราะที่นอนอาจจะมี “ฟาง“ บางชนิด ที่นำเข้าประเทศไม่ได้

เราก็นึกในใจว่า “ที่นอนบ้านโคตรป๊าแกเหรอ ใช้ฟาง มึงนอนในโรงนาเหรอ

อ่ะ..ก็เดินไปที่เครื่องเอ็กซ์เรย์ เจ้าหน้าค่อนข้างอายุมากหน่อย เราก็ถามว่า จะให้โยนขึ้นเครื่องให้หมดเลยป่ะ ? หรือว่าจะเอาแค่ที่นอน ? เค้าก็บอกว่า ให้โยนให้หมด ปรากฎว่า ดิฉันแรงเยอะไปหน่อยค่ะ นอนเต็มอิ่มจัด โยนกระเป๋าดังโครม เสียงดังสนั่น เจ้าหน้าที่ต้องหันมา จุ๊ ๆ ปาก บอกว่า “เบา ๆ หน่อย ยังเช้าอยู่ !”

ไม่รู้เป็นเพราะโยนกระเป๋าดังไปป่ะ เพราะว่าทันใดนั้นแจ๊กพ๊อตก็แตกเลย เค้าขอเปิดกระเป๋าทันที ส่วนที่นอนพับไม่เป็นไร ตาศุลกากรเป็นมะกันหนุ่ม ๆ ค่อย ๆ เปิดกระเป๋าออกแบบพิถีพิถันมาก ๆ สงสัยกลัวตัวอะไรจะกระโดดออกมามั้ง เล่าให้จอมยุ่งฟัง เฮียบอกว่า “วันไหนเอางูเห่าใส่กระเป๋ามาหน่อย“

ไอ้บ้า…หาเรื่องให้ชั้นไปนอนในคุกซะแล้ว !



โอเค ก่อนเปิดเค้าก็จะถามอีกรอบว่า มีเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์มาหรือเปล่า ? สำหรับใครที่มีของพิสดารมา นาทีนี้เป็นโอกาสดีที่จะสารภาพค่ะ เพราะยังไงเค้าก็ต้องเจอ ส่วนตัวเรา ไม่มีเนื้อสัตว์มา แต่ก็บอกว่า มีแค่ปลาแห้งทอดเท่านั้น เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร (แต่แอบอยากให้มันเอาปลาเค็มมาดมว่ะ)

อ่ะ..เค้าก็ค่อย ๆ ดึงโน้นดึงนี่มาดู เราก็ค่อย ๆ บรรยายไปว่า อะไรเป็นอะไร พอมาถึงกล่องปลาเค็ม ซึ่งเราดันเอาใส่กล่องไส้กรอกเวียนนามาอ่ะ หน้ากล่องมันก็เป็นรูปหมูใช่ป่ะ เค้าก็ถามเลยว่า “นี่อะไร ?” เราก็ตอบว่า “ก็ปลาแห้งที่บอกไง ไม่เชื่อลองเปิดออกมาดูซิ“ คือ ในใจอยากให้มันเอาออกมาดมมาก ๆ เลย ฮ่า ฮ่า โรคจิตว่ะ

แต่เค้าไม่ตกหลุมเราว่ะ เค้าไปค้นอย่างอื่นต่อ ถัดมาก็เป็นพวกทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง อันนี้ต้องโกหกนิดว่า เป็นแค่น้ำตาลกับแป้ง เพราะถ้าเค้ารู้ว่าใส่ไข่แดงด้วย จะโดนโยนทิ้งทันที



พ่อคุณคุ้ยจัง มันเห็นอะไรในเครื่องเอ็กซ์เรย์ว่ะ อยากรู้จริง ๆ อยากรู้ก็เลยต้องถามซิค่ะ ว่าแล้วก็ถามเค้าว่า “May I ask what you saw on the screen?” เค้าก็บอกว่า เห็นอะไรกลม ๆ นึกว่าเป็นผลไม้ (เดาเอาว่าต้องเป็นทองหยอดแน่นอน)

สุดท้ายพ่อคุณหยิบสบู่หอมนกแก้วขึ้นมา แล้วถามว่า “นี่อะไร ?” โอ้ย…จะตอบมันว่าทองคำแท่งแล้ว กวนประสาทถามจุกจิกอยู่ได้ มันกวนเราได้ เราก็กวนส้นตีนมันได้เหมือนกัน เราเลยบอกเค้าว่า “Those are soap -- 4 bars of soap to be exact!” บอกจำนวนไว้ก่อนเผื่อแม่งนับเลขไม่ได้

สรุปว่า ยิ้มสยงสยามอะไรเนี่ย ไม่ได้ใช้เลยค่ะ อารมณ์ไม่ดี คันขาไปหมด มันเป็นผื่นเต็ม ตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพแล้ว ยาแก้แพ้ที่กินมันก็ทำให้ง่วงด้วย ไม่มีอารมณ์เลย มีแต่อารมณ์จะไปกวนตีนเค้า จริง ๆ ถ้ายืนยิ้ม ๆ อยู่เฉย ๆ เค้าก็คงไม่ตรวจนานขนาดนี้หรอก แต่บังเอิญเค้าตรวจเราเป็นคนแรกของวันด้วย ไฟมันเลยกำลังแรงมั้ง เซ็งมาก เสียเวลานอนจริง ๆ



วันนี้แค่นี้ก่อนค่ะ ยังไม่รู้ว่ารอบหน้าจะมาเขียนไรให้อ่าน เดี๋ยวขอไปนั่งนึกมุขก่อน ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกันนะคะ







Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 6:05:10 น. 13 comments
Counter : 1301 Pageviews.

 
ตอนได้ข่าวก็กลัวเหมือนกัน พอเจ้มาเล่าก็ไม่ค่อยกลัวละ เดี๋ยวตอนกลับคงขนปลามากินบ้าง มีคำถามเจ้ แล้วปลาไม่เข้าข่ายเนื้อสัตว์หรอ อย่างปลาสลิดตากแห้งนี่ผิดกดปล่าวเจ้ หรือเราต้องบอกว่าผ่านการต้มมาแล้ว แบบว่าไม่เคยขนความกลัวขึ้นสมอง


โดย: เวฟ IP: 71.192.182.37 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:33:30 น.  

 
ตอบน้องเวฟ

ปลา ไม่ถือเป็นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จ๊ะ พวกอาหารทะเลนำเข้ามาได้ ไม่มีปัญหา ยิ่งถ้าเป็นปลาแห้ง ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้งเนี่ย ยิ่งไม่มีปํญหาใหญ่เลย


โดย: Lilac Girl วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:37:51 น.  

 
เรื่องกฎใหม่ห้ามลุกจากที่นั่งก่อนหนึ่งชั่วโมงนี่สำหรับวิสกี้ก็ไม่ได้แน่นอนค่ะ ขนาดเพิ่งเข้าห้องน้ำแหม็บๆ สักพักก็อยากเข้าอีกละ คิคิ แต่ก็แอบเบื่อนะคะขนาดป้องกันๆ อย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังมีเล็ดรอดไปก่อการบนเครื่องอีกจนได้ คนรับกรรมต่อมาก็คือเราๆ เนี่ยแหละที่จะเจอมาตรการความปลอดภัย(ละป่าว)เพิ่มขึ้นอีก

เรื่องการตรวจสัมภาระที่บรรทุกมาด้วยของ customs เนี่ย เป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่เบื่อจริงๆ นะคะ วันๆ เค้าคงเจออะไรแปลกๆ เยอะเลยนะคะ

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:21:34 น.  

 
พี่แพท เล่าได้เห็นภาพเลยทีเดียว นึกภาพเจ๊ที่สนามบิน แต่พี่แพทได้กลับบ้านบ่อยโชคดีจังค่ะ โบจำได้เดินทางครั้งแรกพ่อบอกกจะมารับแกอยู่นนทบุรี โบอยู่อ่อนนุช โบบอกพ่อไม่เป็นรัย เกรงใจพ่อจัง แต่ใจไม่กล้าเสี่ยงกะแกปรากฎว่าวันเดินทาง แกมาซะโบกำลังจะเข้าเกจแล้วอ่ะ เดินทางสามรอบใช้บริการแท๊กซี่เอาพี่แพท เพราะเขามาตรงเวลาจริง แถมโทรมาปลุกเราอีก


โดย: BeauUSA IP: 69.181.201.14 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:33:01 น.  

 
กลับไปไทยรอบนี้ แฟนมิ้นท์ลางานได้อาทิดเดียว เลยต้องบินกลับมาก่อน กะว่าจะให้ขนอาหารการกินมาด้วยเลย เพราะว่าถ้า customs เจอหน้าบ้านนอกแบบมิ้นท์เนี่ย สงสัยโดนสแกนกระเป๋าทุกใบแน่ๆเลย อิอิ ให้หน้าตาจืดๆ แบบนายแมตขนมานี่แหละ ท่าทางจะปลอดภัยดี


โดย: Minnie IP: 74.136.15.229 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:40:44 น.  

 
555 มาอ่านประสบการณ์มันส์ที่หนามบินค่ะ เขียนได้ฮามากเลยค่ะคุณแพท นอกจากนีก็ให้ความรู้้อัพเดทสำหรับคนจะเดินทางว่าตอนนี้เค้าทำไรแบบไหนอยู่
เรื่องเอาอาหารเข้ามาเนี่ย ปวดเฮดทุกที บางทีเรื่องมากนักเพราะต้องลุ้นที่คัสต้อมนะ แม่แอ๋นจะไม่เอามาเลย ขี้เกียจลุ้น มาเสียตังค์แพงซื้อแถวนี้เอา ถ้าอยากนักล่ะก็ อิอิ

เห็นใจคุณแพทที่พึ่งมาอยู่หนาวแรกที่นี่ ดันโชคไม่ดีเจอปีที่หนาวมากกว่าหลายๆปีที่ผ่านมาเลยนะคะ ถนนหนทางที่มันแตกเป็น potholes เยอะแยะเพราะความหนาวเป็นเหตุล่ะค่ะ น้ำแข็งบนถนนมันทำรอยแตกบนถนนขยายตัว พอสปริงค์มาพวกซ่อมถนนก็ออกมาอุดกันใหญ่ เหมือนถนนแถวบ้านเราเล๊ย..อิอิ ทนอีกนิดนะคะ จั๊กเดือนกว่าๆก็ได้อุ่นแล้วน๊า


โดย: anigia วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:4:05:37 น.  

 
แย่จังเลยเนาะ เดินทางก็เหนี่อยจะตายหร้าอยู่แล้ว ยังมาเจอกฏบ้าบอคอแตกอีก


โดย: kiriya วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:18:18 น.  

 
โฮ โฮ โฮ สนุกดีจังคะ อ่านซะเพลินเลย ขอเข้ามาเป็นแฟนคลับซักคนนะคะ ตอนแรกอ่านชื่อคุณ Lilac girl แล้วเข้าใจว่าเป็นอีกLilac นะคะ ขอเรียกตามเพื่อนๆก็แล้วกันนะคะคุณแพท เข้ามาแล้วก็อ่านซะหน่อยดูน่าสนใจดี อ่านๆไปเออสนุกดี แฮะ (คิดในใจนะคะ) เลยอ่านจนจบ ชอบคะ วันหลังจะขอเข้ามา Explore บ้านคุณ แพทหน่อยนะคะ ดูคร่าวๆ มีเรื่องน่าสนใจมากเลยคะ หากว่างก็แวะไปอ่านเรื่องตลกๆใน blog นะคะ หากคุณแพทเคยอ่านมาแล้วอ่านอีกทีก็คงขำได้อีกครั้งคะ อยากฟ้ง comment คุณแพทจัง เพราะStyle การเขียนยังฺฮาได้อีกเยอะเลยคะ


โดย: Style การเขียนยังฮาได้อีกเยอะเลยคะ (cengorn ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:46:53 น.  

 
ตรวจเยอะละเอียดดีเนอะ ก้นาสนุกกับการตอบ แต่ไม่ควรจะเช้ามากเกินไป เหอๆๆ


โดย: Nok IP: 76.30.24.171 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:49:50 น.  

 
ซีเรียสแต่ก็ยังมีฮาเหมือนเดิมนะน้องแพท5555


โดย: พี่พจนีย์ จ้า IP: 89.0.150.236 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:41:25 น.  

 
สวัสดีตอนบ่านคุณแพทค่ะ เด็กเปื่อยหลับเลยแวะมาคุย
แย่จังเลยที่ต้องอยู่แถวที่ถนนไม่ค่อยดี สงสัยยวดยานสัญจรแถวนั้นเยอะด้วยป่าวน๊า หลุมรอยแตกถึงเยอะ ทนเอาหน่อย เดี๋ยวเค้าก็มาอุด อิอิ แถวบ้านแม่แอ๋นไม่เท่าไหร่ค่ะเพราะเค้าพึ่งมาซ่อมทำทางครั้งใหญ่ซัมเมอร์ที่แล้ว โดยเฉพาะเส้นทางไปโรงเรียนที่ใช้ประจำ โชคดีปาย
เรื่องอากาศหนาวนานนี่ก็ไม่รู้จะว่าไง โดยปกติดูว่าเร็วและช้าแต่ละปี ดูตอนที่ได้หว่านเม็ดผักลงแปลงอ่ะค่ะ ประมาณก็ทุกปลายเมษาแน่ะ เอาชัวร์ๆตอนหมดหิมะแระ..
ไปล่ะคะ take care นะคะ


โดย: anigia วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:40:30 น.  

 
ไอ้เรื่องความปลอดภัยกับความเป็นส่วนตัวที่แพทพูดถึงตอนต้นนั่นน่ะ.. โตสก็คิดเหมือนๆ กับแพทเลยล่ะ.. แล้วสรุปก็คือ.. เมกัน (ส่วนใหญ่) มันเรื่องมากนั่นเอง.. ประมาณว่า.. ดูแลความปลอดภัยให้ชั้นดีๆ นะ.. แต่อย่ามายุ่มย่ามตรวจตราวุ่นวายอะไรกับชั้นมากมาย.. อะไรเงี้ย.. ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าไม่อยากให้เข้มงวดกับการตรวจตรามากมายนัก ก็อย่าหวังว่าเปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยสูงดีกว่าไม๊

ส่วนเรื่องกฏในเครื่องบินหลังจากมีเหตุการณ์ประมาณนี้แต่ละครั้ง... อันนี้บอกตรงๆ ว่าถึงแม้จะพยายามเข้าใจ แต่บางทีก็แอบรำคาญไม่ได้เหมือนกันนะแพท แต่ก็คิดๆ อยู่เหมือนกันล่ะนะว่าเอาจริงเข้าเค้าก็คงจะไม่เข้มอย่างที่ออกกฏมาหรอก (อย่างที่แพทเล่านั่นแหละ) .. แต่ก็ไม่รู้ดิ.. เรื่องความปลอดภัยของพวกเราทุกวันนี้ พูดยากว่ะ.. ดูอย่างวันนี้ดิ เห็นข่าวเครื่องบินฆ่าตัวตายที่ออสตินหรือยัง.. นับวันๆ คำทำนาย 2012 จะดูมีเค้าความเป็นจริงมากขึ้นทุกวันนะเนี่ยโตสว่า...

คำแนะนำของดีนที่มีให้แพทในเรื่องฉี่บ่อย.. โตสเห็นด้วยกะดีนนะ

อ่านเรื่องราวที่แพทเดินทางกลับจากไทยแต่ละครั้งได้ความรู้เรื่องของที่สามารถหรือไม่สามารถขนเข้าประเทศนี้จริงๆ เลยนะ.. จริงๆ แล้ว.. ถ้าเอาเข้าจริงโตสก็คงจะไม่ขนอะไรมากมายให้เค้าต้องมาเปิดกระเป๋าตรวจรหรอก.. รำคาญอ่ะ.. ประมาณว่าเวลาเดินทางแต่ละครั้ง ลงจากเครื่องก็อยากจะตรงดิ่งไปยังจุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะแหละ.. แต่... รู้ไว้ใช่ว่า .. เผื่อๆ เอาไว้

ขาหายคันหรือยังล่ะเนี่ย


โดย: Chini วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:19:44 น.  

 
มาแอบดูหลายรอบละ คิดมุขออกยังจ้ะแพท


โดย: kiriya วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:37:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.