The Diary of my Back Pain (4) : Discectomy on L5 S1
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน ที่เข้ามาอ่านบล็อค และฝากข้อความแสดงความเป็นห่วงกันไว้นะคะ
ถึงวันที่ต้องผ่าตัด พูดตามตรงว่า การผ่าตัดครั้งแรกนี้ จำความไม่ค่อยได้ค่ะ เพราะเราได้รับมอร์ฟีน ทุก ๆ 4 ชั่วโมง มาเกือบ ๆ ครบ 24 ชั่วโมงแล้ว สมองเลยมึน ๆจำได้คร่าว ๆ ว่า พอถึงเวลา ก็มีหนุ่มสองคน มาเข็นเตียงเราลงไปยังแผนกผ่าตัด เมื่อไปถึงแผนกผ่าตัด พยาบาลก็เข็นเราไปยังห้องสำหรับเตรียมผ่าัตัด (Pre-Op Room) ซึ่งตรงนี้ เค้าก็จะเตรียมเราให้พร้อม สำหรับการผ่าตัดค่ะ ก่อนเวลาผ่าตัดเล็กน้อย คุณหมอที่จะผ่าเรา ก็จะเข้ามาคุยด้วย และบอกถึงขั้นตอนการผ่าตัดคร่าวๆ จากนั้นก็จะขีดเส้นที่หลังตรงที่จะผ่า จากนั้นถามว่าเรามีอะไรสงสัยมั้ย แต่อย่างที่บอก ตอนนั้นมึนยา งงไปหมด ไม่มีคำถาม รู้แต่ว่าหมอจะทำอะไรก็รีบ ๆ ทำเพราะหิวข้าวมาก เสร็จสิ้นทุกอย่าง คุณหมอก็บอกว่า "งั้นเดี๋ยวเจอกันในห้องผ่าตัด" การผ่าตัดครั้งนี้ เป็นแบบ Discectomy บน L5S1 nerve root โดยคุณหมอจะตัดส่วนของหมอนรองกระดูกที่แตกออก (ใครอ่านตอนที่ 1 ก็คือ จะตัดส่วนที่เป็นปลาหมึกยักษ์ออกค่ะ) เพื่อลดความดันที่ทับเส้นประสาทอยู่ การผ่าตัดนี้ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ หลังหมอผ่าตัดไป วิสัญญีแพทย์ หรือหมอวางยาสลบ (Anesthesiologist) ก็จะเข้ามาจัดการฉีดยาให้เราเริ่ม ๆ มึนค่ะ จากนั้นก็ถูกเข็นเข้าห้องเชือด อิอิ สิ่งสุดท้ายที่จำได้ คือ เห็นห้องที่ขาวสว่างโพลน ตื่นมาอีกที เพราะพยาบาลเรียกชื่ออยู่ข้าง ๆ ได้ความว่า ตอนนั้นอยู่ในห้อง Recovery Room พยาบาลก็บอกว่า การผ่าตัดไปเป็นโดยดี ตอนนี้ให้ฟักฟื้นนิดหน่อย ก่อนจะพาเรากลับไปยังห้องพัก ที่อเมริกานี่ หลังผ่าตัด พยาบาลจะพยายามให้ลุกเดินให้เร็วที่สุด ไม่ค่อยมานั่งประคมประหงมแบบเมืองไทยค่ะ คืนแรกหลังผ่า เวลาจะเข้าห้องน้ำ หรือขยับตัว ก็ต้องเรียกพยาบาลมาช่วย แต่พยาบาลก็เข้ามาบ่อย ๆ อยู่แล้ว เพราะต้องมาฉีดมอร์ฟีนให้ทุก ๆ 4 ชั่วโมง พร้อมกับให้ยาอื่น ๆ อีก นอกจากนี้ เค้าต้องมาให้เราพลิกตัวทุก ๆ 2 ชั่วโมงด้วย กันเป็น bed sore ค่ะ วันรุ่งขึ้น ทางแผนกกายภาพบำบัด ก็จะมาชวนไปเดินออกกำลังกาย เดินได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นค่ะ เราก็เดินแค่ถัดไปไม่กี่ห้องเท่านั้น จากนั้นก็ต้องไปเรียนวิธีดูแลตัวเองเวลากลับไปอยู่บ้าน อันได้แก่ วิธีอาบน้ำ วิธีขึ้น-ลงจากรถ หรือขึ้นลงบันไดวิธีลุกจากที่นอน ฯลฯ ซึ่งถ้ายังไม่ได้การอบรมตรงนี้ ทางโรงพยาบาลจะไม่สามารถให้เรากลับบ้านได้ค่ะ (Discharge) ตรงนี้ขอเล่าถึง วิธีลุกจากที่นอนค่ะ เพราะคิดว่าเพื่อน ๆ ทุกคน สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ทุกวันนี้เราก็ลุกแบบนี้จนติดเป็นนิสัย การลุกจากที่นอนที่ถูกต้องที่สุด คือ การลุกในลักษณะการกลิ้งท่อนไม้ค่ะ(Log Roll) วิีธีการ คือ ให้กลิ้งตัว จนกระทั่งปลายเท้าห้อยที่ริมเตียง จากนั้นใช้ข้อศอกด้านที่อยู่บนที่นอน ดันน้ำหนักตัวขึ้น วิธีนี้ จะทำให้เราไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลัง ในการดันน้ำหนักทั้งตัวขึ้น (สังเกตว่า เวลาลุกจากที่นอนแบบนี้ จะค่อนข้างเจ็บหลัง เนื่องจากเวลาที่เราเพิ่งตื่น กล้ามเนื้อยังไม่ยืดหยุ่นพอ) อย่างที่เล่าในตอนที่แล้ว เรื่องอาหาร โรงพยาบาลจะมีเมนูมาวางไว้ให้ อยากจะกินอะไร สั่งได้ทั้งวัน จนถึงสองทุ่ม จะสั่งวันละกี่รอบก็ได้ แต่ว่าอาหารหลักแต่ละครั้ง จะสั่งได้ครั้งละอย่างเดียว คิดว่าคงกลัวเอามาแบ่งให้คนเยี่ยมกิน แต่ถ้าไม่อิ่มก็สั่งต่อได้อีกค่ะ รสชาติอาหารก็พอใช้ได้ เสียแต่ว่า ไม่มีข้าวผัดกระเพราไข่ดาวให้กินแค่นั้นแหละ ส่วนพวกน้ำอัดลม พยาบาลจะเอาแบบกระป๋องมาวางให้เยอะไปหมด เดาว่าเธอคงขี้เกียจ เพราะเราเรียกหาน้ำอัดลมทั้งวัน อิอิ
วันถัดไป คุณหมอมาตรวจตอนเช้า แล้วบอกว่า วันนี้กลับบ้านได้แล้ว เอ่อ...เรานี่อึ้งเลย นี่มันผ่าตัดใหญ่นะ ยังไม่หายมึนเลย จะให้กลับบ้านแล้วรึ ? เืมืองไทยเค้าอยู่กันเป็นอาทิตย์เลยนะยะ แต่สรุป ไม่ได้กลับค่ะ เพราะเราบอกว่า ตั้งแต่บั้นเอวลงไป มันชามาก เลยต้องไปตามหมอผ่าตัดกลับมาตรวจใหม่ หมอบ้าก็เอาเข็มมาจิ้ม เราก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะเจ็บ หมอเลยสั่งให้ไปสแกนหลังอีกรอบ แล้วให้อยู่ดูอาการ ตกดึกคืนนั้น ซวยซ้ำซ้อนอีกค่ะ เพราะกลางดึกเลย เป็นหอบอีก หายใจไม่ออกพยาบาลวิ่งกันวุ่น คุณหมอมาตรวจพร้อมกับสั่งให้เอ็กซ์เรย์ปอด แต่ก็ดีค่ะ เค้าเอาเครื่องเอ็กซ์เรย์ มาฉายในห้องคนไข้เลย ไม่้ต้องลุกไปไหน แพทย์เวรสรุปว่าเนื่องจากระหว่างที่ผ่าตัด ต้องนอนคว่ำหน้าอกไปกับเตียงเหล็กแข็ง ๆ อาจจะส่งผลให้ปอดโดนทับนาน หรืออีกที อาจจะเป็นเพราะเราเครียดจากการผ่าตัด ทำให้เกิด Panic Attack ก็ได้ สรุป แพทย์เวร สั่งให้เอายามาพ่นขยายหลอดลม แล้วฉีดยาคลายประสาทให้หน่อย จากนั้นเราก็หลับสนิทไปเลย
ในห้องพักคนไข้ จะมีบอร์ดแบบนี้ ทุก ๆ วัน เวลาพยาบาลมาเปลี่ยนกะ ก็จะเขียนชื่อตัวเองไว้ พร้อมทั้งเขียนว่า วันนี้จะมีคอร์สการรักษายังไง ต้องให้ยาอะไรบ้าง บอกไว้เสร็จสรรพ ที่อเมริกาเวลาพยาบาลจะให้ยาเรา เค้าจะต้องบอกชื่อยาให้เรารู้ และจะให้เราบอกชื่อ และวันเกิด เป็นการป้องกันการจ่ายยาให้คนไข้ไม่ถูกคน ตรงนี้มีเรื่องจะเม้าท์พยาบาลไทยหน่อย แต่ขอยกไปเล่าต่างหากค่ะ เพราะเริ่มเขียนแล้ว มันเริ่มยาว อิอิ
หลังผ่าตัด หมอจะสั่งให้ใส่ Leg Pump เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดที่ขา เนื่องจากหลังผ่าตัดทุกชนิด หนึ่งในอาการที่ต้องระวัง คือ เส้นเลือดตีบและอุดตัน
นั่ง ๆ นอน ๆ ก็เหงา ๆ นายจอมยุ่งเลยพาออกมานั่งรถเข็นเล่น รอบ ๆ โรงพยาบาลค่ะ
สรุปว่า เรานอนโรงพยาบาล 4 คืน จากนั้นก็กลับมารักษาตัวที่บ้าน คุณหมอสั่งให้หยุดงาน 4 สัปดาห์ โดยมีข้อกำจัดว่า ห้ามยกของหนักเกิน 5 ปอนด์ และห้ามก้มหลัง จนกว่าจะกลับมาพบหมออีกใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่เอาเข้าจริง ๆ ต้องวิ่งกลับไปหาหมอก่อนกำหนดค่ะ แต่ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ตอนหน้าจะเล่าถึงความเครียดจากการที่ไม่หายปวดซะที ซึ่งนำไปสู่การต้องไปห้องฉุกเฉินบ่อย จนโดนตราหน้าว่าเป็นคนติดยาค่ะ
จ บ ต อ น
Create Date : 23 กรกฎาคม 2556 |
|
13 comments |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2556 3:13:39 น. |
Counter : 1979 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Lilac Girl Klaibann Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
.......
ขอโหวตก่อน.. เดี๋ยวไว้กลับมาอ่านขอรับ.. อ่านทุกตอนไม่เคยพลาดอยู่แล้วล่ะขอรับ พอดีว่าเพิ่งกลับมาจากทำงาน วุ่นๆนิดหน่อยขอรับ