Group Blog
 
 
มีนาคม 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 

เข้า “สังคม” เพรียกหาความสงบ

คุณเคยไหมกับความรู้สึกที่ว่าสงบ เงียบและงดงามเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ ณ ห้วงยามที่ได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมโขงนั่งคุยกับตัวเองจนอิ่มหนำ อิ่มและปริ่มจนอยากจะเก็บความรู้สึกเหล่านี้ใส่ขวดไปเผื่อแผ่คนที่เรารักและคิดถึง ฉันประสบมาแล้วและนั่นทำให้ฉันเกือบต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น! ณอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย

ในหยุดยาวช่วงเทศกาลครั้งนั้น ฉันไม่คิดว่าจะหาความสงบได้จากสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนได้ ด้วยมนุษย์เงินเดือนชนกลุ่มชาวกรุงคงจะหลั่งไหล-ทะลักสู่ต่างจังหวัดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆคงถูกจับจอง แย่งชิงพื้นที่หายใจ หรือพื้นที่ความสงบแทบจะถ้วนทั่วแต่ด้วยความอยากเที่ยว “สังคม” ได้รับการเสนอชื่อให้ฉันพิจารณาและฉันก็ใจง่ายตอบตกลง โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีสิ่งใดรออยู่เบื้องหน้า ณอำเภอสังคม

ฉันเริ่มต้นการเดินทางอย่างไม่สวยนักด้วยกะเวลาผิด เย็นวันศุกร์ก่อนวันหยุดยาวรถในกรุงเทพฯติดยาวเหยียดและไม่เขยื้อนผลคือต้องนั่งมอเตอร์ไซต์ตะแคงเข่า ทำตัวลีบเล็กที่สุดเพื่อเสียดแทรกตัวเองผ่านรถราที่นอนนิ่งอยู่บนถนนพหลโยธินเพื่อไปยังสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ซึ่งไปถึงทันเวลารถทัวร์สายกรุงเทพ-สังคมออกอย่างเฉียดฉิวเล่นเอาหอบแฮก เป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ออกจะทุลักทุเลไม่น้อย

ภาพทุ่งหญ้าสองข้างทางมีบ้านคนแทรกแซมอยู่ปะปรายเป็นหนองคายที่ค่อยๆคลี่ตัวให้ฉันเห็นผ่านทางกระจกรถทัวร์ โมงยามนั้นหัวใจเต้นแรงตึกตัก- ตื่นเต้น สิ่งใดที่เป็นครั้งแรกย่อมกระตุ้นแรงเต้นของหัวใจได้ดีเสมอและนั่นเป็นอีสานแรกในชีวิตของฉัน

อำเภอสังคมเป็นอำเภอเล็กๆชายแดนลาวมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นเมืองเล็กๆที่ทอดตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาและสายน้ำโขง สังคมเป็นเมืองเรียบง่าย สงบภายในตัวเมืองหรือ downtown ของที่นี่ค่อนข้างเล็กมีตลาดแค่แห่งเดียว มีร้านขายของชำอยู่แค่สองสามร้าน และที่สำคัญที่นี่ไม่มี 7-11โลตัส หรือห้างสรรพสินค้าใดๆทั้งสิ้น ทุนนิยมยังมาไม่ถึง-ทั้งน่าดีใจและน่าแปลกใจระคนกัน มันทำให้ฉันหวนนึกถึงบ้านฉันเมื่อสิบปีก่อนวันเวลาที่ 7-11 ยังไม่มาเยือน…ภาพเหล่านั้น ไม่มีวันหวนกลับมาให้เห็นอีกแล้ว แต่ที่สังคมยังคงตรึงไว้อย่างเหนียวแน่นและบางครั้งบางครายามบ่ายที่แดดร้อนเปรี้ยง เมืองก็ดูเงียบเชียบเสียจนผู้มาเยือนเช่นเราคิดว่าเป็นเมืองร้างได้

วันแรกที่ไปถึงก็จัดการเช่ามอเตอร์ไซต์จากที่พัก“บุ๋ย เกสเฮาต์” ในราคาวันละ 80 บาท ตะลุยเมืองลุงบุ๋ยเจ้าของเกสเฮาท์บอกว่า “ขับเลียบโขงไปนั่นละอีหนูเอ๊ย ยังไงก็ไม่มีทางหลง”ตัวฉันเองเลยทำตามคำลุงบอกอย่างเคร่งครัด เลียบโขงชมวิวไปนั่นแหละ เป็นบรรยากาศแปลกใหม่ที่ฉันไม่เคยสัมผัสขับมอเตอร์ไซต์ช้าๆ รับลมเย็นช่วงปลายฤดูฝน ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำโขงขวาเป็นแนวเขาที่ทอดตัวยาวมีไร่นา ไร่ข้าวโพดแทรกอยู่เป็นระยะๆเป็นสีส้มชาเย็นจากสายนทีโขงและเขียวจากต้นไม้ใบหญ้าที่สอดประสานกันอย่างกลมกลืนเป็นความสุขสงบที่หาไม่ได้จากแสงสีเมืองกรุง หากท้ายที่สุดด้วยเถลไถลฉันก็หลงจนได้ แต่เป็นความหลงที่ตั้งใจหลง หลงเข้าไปในวัดผาตากเสื้อ

เส้นทางไปวัดผาตากเสื้อนั้นเป็นการขี่มอเตอไซต์ที่ทรหดที่สุดในชีวิต ในระยะแรกๆหลอกให้ตายใจด้วยเป็นถนนลาดยางขี่ต่อไปสักพักเริ่มเป็นถนนลูกรัง และต่อไปก็เป็นถนนดินแดงลาดชันเพราะขึ้นเขา! เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวไม่ค่อยมีรถผ่าน ขี่ไปก็ท้อเกือบถอดใจเสียหลายหนแต่ด้วยปลอบตัวเองว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงตรงนี้แล้วจะปล่อยโอกาสผ่านไปไม่ได้ต้องไปให้ถึง และเมื่อไปถึงก็ไม่ผิดหวัง วัดผาตากเสื้อเป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงามมากมองจากบนผาลงมาเห็นความเป็นอยู่ของชาวไทยและลาว แม่น้ำโขงที่เปรียบดั่งสายเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชนทั้งสองฝั่งทอดตัวอยู่ตรงระหว่างไทย-ลาว ความเหนื่อยจากการขึ้นมาหายเป็นปลิดทิ้งอีกทั้งภายในวัดยังมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ สามารถเดินเลาะตามหน้าผาเพื่อชมธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงามได้ฉันยืนนิ่งมองทิวทัศน์จากหน้าผาเป็นนาน หวังเก็บภาพไปให้มากที่สุด จารึกไว้ในหัวใจให้เป็นความทรงจำที่งดงามพร้อมกันนั้นก็สูดลมหายใจลึกยาว เก็บอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดและถอดถอนออกมาอย่างเสียดาย เมื่อถึงเวลาต้องละสายตาจากภาพเบื้องหน้า

ลงจากวัดผาตากเสื้อก็มาเจอะกับน้ำตกธารทองแต่ฉันตัดสินใจแค่ผ่าน แล้วขี่ต่อไปน้ำตกธารทิพย์แทนด้วยลุงบุ๋ยคนเดิมแอบกระซิบมา “ธารทิพย์สวยกว่า”แต่ลุงไม่ได้บอกว่าก็ไกลมากเช่นกันฉันร่ำร้องอยู่ในใจขณะขี่ไปน้ำตกธารทิพย์ซึ่งก็ต้องขึ้นเขาเช่นกันน้ำตกธารทิพย์มีคนมาเที่ยวค่อนข้างเยอะภาพแรกที่เห็นเมื่อไปถึงคือเด็กน้อยวิ่งตัวเปล่าเปลือยเปียกโชกมาหาแม่ ตัวสั่นงกร้องตะโกน “แม่ขอผ้าหนูหน่อย” เป็นภาพที่น่ารักเสียจนฉันอดยิ้มไม่ได้น้ำตกธารทิพย์เป็นน้ำตกขนาดค่อนข้างใหญ่มีหลายชั้น ฉันขึ้นไปจนถึงชั้นสามเป็นชั้นที่ปราศจากคนด้วยเป็นชั้นสูงสุด น้ำตกที่ไหลลงมาจึงเป็นสายเล็กๆไม่ค่อยสวยนักหากก็เป็นชั้นที่เงียบสงบที่สุดเช่นกัน ณ ห้วงยามนั้นฉันจึงเข้าใจว่า ฉันขึ้นมาเพื่อฟังเสียงหายใจของสายน้ำโดยแท้




ฉันปล่อยให้วันเวลาสามวันสองคืนไหลไปเรื่อยๆดังเช่นสายน้ำโขงที่ฉันนั่งพินิจได้เป็นวันๆ ในโมงยามนั้น สายน้ำโขงกับฉันห่างกันเพียงรั้วไม้กั้นน้ำสีชาเย็นไหลเอื่อยเฉื่อยไม่สนใคร ช่างดูยิ่งใหญ่ งามงดและเรียบง่ายไปในเวลาเดียวกัน จะว่าไปชีวิตก็เหมือนสายน้ำนี่แหละไหลไปเรื่อยๆตามจังหวะเวลาและสายลมที่พัดพาไป เพราะงั้น จะเอาอะไรหนักหนากับชีวิตเป็นปรัชญาชีวิตที่คิดได้เองระหว่างนั่งคุยกับโขงพร้อมกันนั้นก็พาให้คิดถึงเพื่อนสนิทที่ไม่ได้มาด้วยกันพิลึก คงจะดีหากได้มานั่งคุยด้วยกันตรงนี้นั่งมองไปนานก็ยิ่งหลงเสน่ห์ จนรั้วไม้เริ่มเป็นอุปสรรค ฉันจึงย้ายที่ไปนั่งอยู่ริมตลิ่งเลยทีเดียวทีนี้ความคิดถึงเพื่อนมันก็เหมือนจะพุ่งเพิ่ม จึงคิดหาทางหาของฝากในเมื่อฉันหลงเสน่ห์สายน้ำโขงขนาดนี้แล้วเอาน้ำจากแม่น้ำโขงไปเป็นของฝากละกันนะเพื่อน

กลวิธีเอาน้ำจากโขงจึงเริ่มต้นฉันเดินไปหยิบขวดน้ำพลาสติก ค่อยๆไต่เลาะลงไปตามตลิ่งใกล้น้ำสีชาเย็นเข้าไปเรื่อยๆ และจังหวะที่กำลังก้มตัวลงตักผืนดินที่เหยียบอยู่เป็นโคลนดันยวบดันตัวฉันลื่นไถล แทบตกโขง! ขาข้างหนึ่งลงไปในน้ำแล้ว ยังดีที่คว้าหญ้าแถวนั้นไว้ทันตอนนั้นฉันขำตัวเองแทบบ้าที่ทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนั้น ตอนนี้มานั่งทบทวนดูอีกทีฉันเกือบตายแลทิ้งชีวิตสถิตอยู่กับโขงไปแล้วหากคว้าไม่ทัน หากนั่นก็เป็นบทพิสูจน์มนเสน่ห์ของมหานทีโขงได้เป็นอย่างดี

ฉันจากมาแล้วแต่ “สังคม” ยังคงตั้งอยู่ตรงนั้น ที่เดิม ยังคงดำเนินวิถีเดิมๆอย่างเรียบง่ายสงบงาม ไม่ได้งามเพื่อรอคอยใครไปยล หากแต่งามด้วยวิถีของมันเองก่อนจากพี่ที่ไปด้วยกันกระซิบบอกฉัน “เชื่อพี่ อีกไม่ถึงสิบปีที่นี่จะบูมเหมือนปายหรือเชียงคาน”ยินคำนั้นแล้วอดหมองใจไม่ได้ ถึงวันนั้นวิถีเมืองคงเข้าไปทุนนิยมคงก้าวเข้าแทนที่น้ำใจชาวบ้าน สังคมก็คงจะไม่ใช่สังคมที่ฉันรู้จักอีกต่อไป

จึงได้แต่หวัง หวังให้สังคมยังคงทอดกายอยู่ตรงนั้นขดตัวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของขุนเขาและสายน้ำอย่างสงบ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า“การท่องเที่ยว”ที่รุกรานเข้าไปรบกวนวิถีชีวิตวิถีธรรมชาติที่ดำเนินมาอย่างช้านาน

และหวังว่าฉันจะได้ไปเยือนอีกครั้งคราวนี้จะไปกอดแน่นๆ ซึมซับความสงบเข้าสู่ตัว และถ้าใครๆถามว่าจะไปไหนฉันก็จะตอบว่า “ไปเข้าสังคม เพรียกหาความสงบ” คนฟังอาจงงเป็นไก่ตาแตกได้แต่เรารู้กันอยู่นี่นะว่าเป็นอย่างไร.




 

Create Date : 28 มีนาคม 2557
4 comments
Last Update : 28 มีนาคม 2557 12:38:22 น.
Counter : 7500 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ เที่ยวแบบนี้สบายใจดีนะคะ
ชอบชื่อ บุ๋ย เกสต์เฮาส์จัง เจ้าของชื่อลุุงบุ๋ยด้วย

 

โดย: Banana Muffin 28 มีนาคม 2557 18:27:13 น.  

 

thx u crab

 

โดย: Kavanich96 29 มีนาคม 2557 12:54:17 น.  

 


hello stranger ..
สวัสดีคนแปลกหน้า .. คนเดิม

 

โดย: inmemoir 17 มกราคม 2558 19:59:30 น.  

 

กลับมาอ่านบล็อคนิอีกครั้ง :)

อ่านแล้วอยากไป "เข้าสังคม" บ้างจัง

 

โดย: เพื่อนร่วมห้อง (หนังสือ) IP: 161.200.188.187 9 พฤษภาคม 2558 22:47:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


บุยบุย
Location :
ตรัง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใครผ่านมาทางนี้
มาร่วมไต่ฝันด้วยกันไหม?

ฉันขอบอกกับเธอว่า...

หนังสือคือเพื่อนที่อ่อนหวานและไม่ตำหนิติเตียนสำหรับคนที่มีความทุกข์

และถ้าหนังสือไม่สามารถทำให้เราชื่นชมกับชีวิตได้

อย่างน้อยพวกเขาก็จะสอนเราให้รู้จักอดทนต่อชีวิต

(จี.เค.เชสเตอร์ตัน /นักเขียนนวนิยายและความเรียงชาวอังกฤษ)
Free Clock
Friends' blogs
[Add บุยบุย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.