<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 กันยายน 2550
 

เลือกในสิ่งที่รัก

หมายเหตุ
1. สัปดาห์นี้ ขอญาตเสวนาด้วยประเด็นออกแนวซีเครียดหน่อยนะคร้าบ
2. หน้าบล็อกนี้มิได้มุ่งหมายจะวิพากษ์ระบบการศึกษา (อันล้าหลัง) ของชาติไทยแต่ประการใด และมิได้จะอวดอ้างตัวกระผมเองในอดีต ... ประสงค์เพียงแค่อยากแบ่งปันเรื่องราวเดียวกัน ที่อยู่คนละห้วงเวลากัน เพื่อให้น้องๆ ในยุคปัจจุบันได้ทราบ และเพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจเท่านั้นครับ
____________________________________________________________

มีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงนี้ และทำให้ผมย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ ...
... เหตุการณ์นึงก็คือ มีน้องๆ บางคนในบล็อก กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ก็คือเรียนอยู่ ม.6 กำลังจะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องขยันอ่านหนังสือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต
... อีกเหตุการณ์นึงก็คือ มีเพื่อนรุ่นน้องคนนึงของผม เดินทางกลับมาเมืองไทยชั่วคราว เพื่อมาขอต่อทุน

... ยังคงจำหนังไทยเรื่องนึงเมื่อต้นปีที่ผ่านมากันได้มั้ย หนังแนวสารคดีที่ตามถ่ายชีวิตเด็ก ม. 6 กลุ่มนึง ตลอดระยะเวลา 1 ปี


(ภาพทุกภาพในหน้าบล็อกนี้ มาจากหนังสารคดีค่าย GTH เรื่อง Final Score)

ระบบการศึกษาสมัยนี้ ค่อนข้างซับซ้อนวุ่นวายเป็นที่ยิ่งสำหรับคนรุ่นผม มีทั้งการสอบเก็บคะแนน A-net, O-net รวมทั้งการสอบตรงต่างๆ มากมาย พาลให้ปวดกบาล ไม่เหมือนสมัยผมที่มีเพียงแค่การสอบเอ็น(สะ)ทร้านซ์ เพียงครั้งเดียว โดยใช้ผลคะแนนที่ได้ (อาจรวมถึงวิชาความถนัด สำหรับบางคณะที่ถูกบังคับให้สอบ) เป็นตัวตัดสินว่าเราจะได้เรียนในคณะใด มหาวิทยาลัยใด ตามอันดับที่ได้เลือกไว้ (สมัยผมมีให้เลือกถึง 6 อันดับ แต่รุ่นหลังๆ ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนเหลือ 4 มั้ง) ... ส่วนเด็กภูมิภาค ก็จะโชคดีหน่อย ได้สอบ 2 ครั้ง แถวๆ ภาคเหนือบ้านผมเค้าจะเรียก “สอบเอ็นท์ฯ เล็ก” คือเป็นโควตาสอบเข้า มช. ก่อนทีนึง แล้วถึงจะมา “สอบเอ็นท์ฯใหญ่” เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยส่วนกลางอีกทีนึง ... ถ้าใครติดและอยากเรียนคณะที่เลือกตอนเอ็นท์ฯ เล็กแล้ว ก็ไม่ต้องสอบเอ็นท์ฯ ใหญ่อีก

นอกจากนั้น ก็จะมีระบบ “สอบเทียบ” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กที่ขยัน (คงไม่ใช่เรียนดีหรอก เพราะส่วนใหญ่ก็ผ่านกันนี่นะ) ได้ไปลองสอบในสนามแข่งจริงกับรุ่นพี่ๆ ก่อนจะถึงเวลาสอบจริงในรุ่นตัวเอง ถ้าสอบติด จะไปเรียนก็ไปได้เลย โดยใช้วุฒิจากการสอบเทียบนั่นแหละ (ส่วนวิชาที่ไม่ได้เรียนในชั้นที่พาสไป ก็ต้องไปเรียนรู้เอาเอง)



กรณีศึกษาที่ 1 : เพื่อนสมัยมัธยมคนนึงของผม
สถานะ : ถึงแม้เค้าจะเรียนวิชาหลักไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่จะเป็นคนที่วาดรูป ร่างแบบ ได้สวยมาก หัวศิลป์สุดๆ เวลามีงานออกแบบตกแต่งพวกสแตนด์เชียร์หรืออื่นๆ ก็ต้องอาศัยฝีมือเค้านี่แหละเป็นคนร่าง และเจ้าตัวก็ประกาศมาโดยตลอดว่าอยากเรียนสถาปัตย์ ซึ่งใครๆ ก็คิดว่าเค้าต้องได้เรียนในสิ่งที่เค้ารักและทำได้ดีแน่ๆ
ผลการสอบเอ็นท์ฯ : คะแนนสอบเค้าติดอันดับล่างๆ ของที่เลือกคณะไว้ เป็นคณะทางด้านสังคมศาสตร์ จึงต้องไปเรียนตามที่สอบได้ ทุกวันนี้เค้าทำงานทางด้านทรัพยากรบุคคล (Personal) ของบริษัทมีชื่อแห่งนึง และเรียนจบโทแล้ว สาขาการบริหารบุคคล ส่วนสิ่งที่เค้ารัก เค้าก็ยังทำได้ดีอยู่ เวลาไปเยี่ยมบ้านที่เค้าซื้อไว้ จะเห็นเลยว่าเค้าจะแต่งบ้านได้ศิลป์สุดๆ
เร็วๆ นี้ : เพื่อนเริ่มมาบ่นๆ กับผมว่าเบื่องาน อยากลาออกมาทำกิจการส่วนตัว อย่างเช่นร้านอาหาร
ความเห็นผม : คะแนนสอบเอ็นท์ฯ ที่ต่ำเกินไป กลายเป็นตัวตัดโอกาสในสิ่งที่เพื่อนผมอยากเป็นอย่างน่าเสียดาย และบังคับให้เค้าต้องเปลี่ยนอนาคตตัวเองไปเป็นในสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดไว้เลยว่าอยากจะเป็นเมื่อตอนเด็กๆ


กรณีศึกษาที่ 2 : ตัวผมเอง
ความใฝ่ฝันเมื่อครั้งยังเด็ก :
ผมเคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศขององค์การ NASA เพราะชอบออกไปยืนมองดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วจินตนาการถึงดาวเนยแข็งที่อ่านมาจากการ์ตูนดีสนีย์
ผมเคยฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่แม้จะตายไปแล้ว แต่ชื่อของผมก็ยังปรากฏอยู่ในตำราเรียนให้เด็กรุ่นหลังได้อ่าน
ผมเคยฝันอยากเป็นนักประดิษฐ์ สามารถสร้างของวิเศษได้แบบที่โดราเอมอนควักออกมาจากกระเป๋าหน้าท้อง
ผมเคยฝันอยากเป็นตำรวจ ตามอย่างตัวเอกในนวนิยายเรื่องโปรดเรื่องนึงของผม

สถานะ : ตอนเรียนมัธยม ส่วนใหญ่การเรียนผมอยู่ในระดับ “ท็อปโฟร์” ของห้อง (ห้องคิง) ของโรงเรียนประจำจังหวัด จุดอ่อนสำคัญของผมคือ วิชาคำนวณผมทำได้แค่ “ค่อนข้าง”ดี, ฟิสิกส์ไม่ดีเท่าไหร่, เคมีกับชีวะจัดว่าดี แต่วิชาที่ชอบเรียนมากและได้คะแนนท็อปบ่อยๆ ได้แก่ สังคมศึกษา และ ภาษาไทย และบางครั้งก็รวมถึงภาษาอังกฤษด้วย
และรุ่นผมก็เป็นรุ่นความหวังของโรงเรียน, ที่ 1 รุ่นผม เป็นคนที่ได้โควตาไปแข่ง Maths โอลิมปิค รุ่นแรกๆ ของเมืองไทย (แต่มันดันสละสิทธิ์ เพราะไม่อยากได้โควตาไปเรียนในที่ๆ มันไม่ชอบ) นอกจากนั้น ยังเป็นรุ่นแรกที่ระดับท็อปทุกคน ไม่มีใครไปสอบเรียนต่อ ม.4 เข้าโรงเรียนเตรียมอุดมกันเลย (รุ่นพี่ๆ ก่อนหน้านั้น ส่วนมากระดับท็อปจะไปกันหมด) ซึ่งเป็นแบบอย่างให้น้องรุ่นหลังๆ มีความมั่นใจ ส่วนใหญ่จะอยู่เรียนกันต่อที่จังหวัด ไม่ลงมาสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังที่กรุงเทพฯ กันแล้ว

ผม (รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่นอีก 20 กว่าคน) สอบเทียบได้ตั้งแต่ ม.4 (แต่สิ่งที่หลงเหลือติดตัวมากับผมจากการสอบเทียบจนทุกวันนี้ คือการพิมพ์ดีดไทยแบบสัมผัส ซึ่งการสอบเทียบ จะบังคับให้ต้องเรียนวิชาชีพอะไรก็ได้ 1 ตัว ผมเลยเลือกวิชานี้) ... และแน่นอน พวกเราทุกคนไปลองสอบเอ็นท์ฯ กัน (สอบได้แต่เอ็นท์ฯใหญ่ เพราะเอ็นท์ฯเล็ก เค้าให้แต่เด็ก ม.6 สอบเท่านั้น)

ผลการลองสอบเอ็นท์ฯ :
ตอนม.4 ที่ 1 รุ่น สอบติดแพทย์ฯ มช. และมีเพื่อนอีกบางคนที่สอบติดเช่นกัน ... ส่วนผมน่ะเหรอ ติดอันดับ 5 ที่เลือกไว้คือ คณะวิทยาศาสตร์ มช. ... แต่ยังไม่มีใครกล้าไปเรียน เพราะรู้สึกว่ายังเด็กเกินไป (ตอนนั้นอายุ 16) คงจะปรับตัวยาก อีกทั้งยังไม่ได้เรียนเนื้อหาวิชาของ ม.5 และ ม.6 กันเลย

... แน่นอนว่าตอน ม.5 พวกเราไปลองสอบกันอีกครั้ง และคราวนี้ทุกคนก็ทำได้ดีกว่าเดิม
ที่ 1 รุ่น สอบติดแพทย์ฯ จุฬาฯ คณะที่เค้าใฝ่ฝัน และปัจจุบัน ก็เป็นอาจารย์หมอ ผู้เชี่ยวชาญโรคเลือดและโรคมะเร็ง
ที่ 2 รุ่น สอบติดแพทย์ มช. ทุกวันนี้ เป็นแพทย์ประจำในโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อ ที่จังหวัดนึงแถบๆ บ้านผมนั่นแหละ
เพื่อนอีกคนนึงในท็อปโฟร์ ไม่ได้สอบเทียบ และสอบติดแพทย์ มช. ตอน ม.6 ... ทุกวันนี้ เป็นหัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู (กายภาพบำบัด) และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็ม ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดที่บ้าน นั่นเอง

... ส่วนตัวผมเอง ตอนนั้นนึกยังไงไม่รู้ ไม่อยากเรียนจุฬาฯ (อาจเป็นเพราะนึกหมั่นไส้ และผมไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมือง) และผมได้ตัดสินใจตั้งแต่ ม.4 แล้วว่าผมจะไม่เลือกเรียนหมอ (ผมกลัวเลือด และตอนนั้นก็กลัวผีมาก) ผมจึงเลือกวิศวะไว้ 4 อันดับแรก และเลือกคณะวิทยาศาสตร์ กับเศรษฐศาสตร์ไว้กันเหนียวที่อันดับ 5 และ 6

ทำไมถึงต้องเลือกวิศวะ : สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีคณะแปลกๆ เท่ห์ๆ ให้เลือกเรียนมากนักอย่างทุกวันนี้ ยิ่งโรงเรียนต่างจังหวัดด้วยแล้ว เลยกลายเป็นความเชื่อฝังหัวกันมาว่าเด็กเก่งถ้าไม่เลือกเรียนหมอ ก็ต้องเรียนวิศวะ
... เนื่องจากคะแนนของ เทคโนฯ พระจอมเกล้าลาดกระบัง สูงเป็นอันดับ 2 รองจากจุฬาฯ (ในสมัยนั้น) ดังนั้นผมจึงเลือกที่นี่ไว้อันดับ 1 (ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยก็ตาม รู้แค่ว่าอยู่ชานเมือง) โดยตอนนั้นยังไม่สามารถเลือกแยกสาขาได้เหมือนยุคนี้ ส่วนอันดับ 2 ถึง 4 ผมเลือกแต่วิศวะเคมี อีก 3 มหา’ลัย ตามลำดับคะแนนที่ลดหลั่นกันลงมา (ตอนนั้นลาดกระบัง ยังไม่เปิดสอนภาคเคมี เซ็งเจงๆ เพิ่งรู้ตอนสอบติดเข้าไปเรียนแล้ว)
... วันประกาศผลสอบเอ็นท์ฯ ม.5 ผมโทรถามเพื่อนที่ 1 กับที่ 2 และรู้แล้วว่าติดหมอทั้งคู่ ... ส่วนตัวผมเอง ลุ้นระทึกแทบตาย ตอนก่อนประกาศผล ไปดูหมอดูกับเพื่อนมา หมอบอกว่า “ดวงจะเป็นนายแบงค์ ได้ทำงานสายการเงิน” อ้ายเราก็คิดว่าคงติดอันดับ 6 (เศรษฐศาสตร์) แหงมๆ เพราะตอนสอบก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่ ... พอรู้ผลว่าติดอันดับ 1 ที่เลือกไว้ (ฟลุคชิบเป๋ง!) นี่ตัวชาไปเลยล่ะ

... และผมก็กลายเป็นนักศึกษาปี 1 ของที่นี่ พร้อมกับเพื่อนร่วมห้องที่สอบติดมาด้วยกันอีก 2 คน ... พอได้ไปเรียนจริงๆ เห็นครั้งแรกผมก็อุทานในใจ “โห! โคตรบ้านนอกเลยว่ะ ต้องนั่งรถไฟออกไปจากกรุงเทพฯ ตั้งไกล ผ่านทุ่งนา มีฝูงนกบินเต็มไปหมด” ... ผิดกันแบบหน้ามือเป็นหลังน่องกับยุคนี้ ที่ความเจริญแทบทุกอย่างทั้ง รถเมล์ ปอ., ตู้ ATM (สมัยผมเรียนต้องปั่นจักรยานไปกดเงินที่นิคมฯ ลาดกระบังโน่นแน่ะ!), ร้านเซเว่น, ห้างเล็กๆ, ถนนมอเตอร์เวย์ หรือแม้แต่สนามบินนานาชาติ! ก็แห่ขยับขยายเข้าไปจนแทบจะเต็มพื้นที่แล้ว

ตอนปี 1 : เทอม 1 ผมลงวิชาคณะไป 4 ตัว เกรดสูงสุดที่ได้คือ C+ ... แต่กับวิชานอกคณะ ผมได้เกรด A 2 ตัว สำหรับวิชาภาษาญี่ปุ่น และจิตวิทยา! ... ตอนกำลังจะขึ้นปี 2 มีความคิดแว่บนึงเหมือนกันที่คิดจะสอบเอ็นท์ฯ ใหม่ (ไม่ถือว่าเสียหายอะไร เพราะเรียนเร็วมา 1 ปีอยู่แล้ว) โดยเลือกคณะที่ชอบมากกว่านี้ ... แต่ด้วยความขี้เกียจอ่านหนังสือและไม่กล้าพอที่จะ ‘ตั้งตัว’ ใหม่อีกหน ก็เลยเลิกล้มความตั้งใจนั้น และทนทู่ซี้เรียนจนจบปี 4 ด้วย GPA ที่เกิน 2.5 มาไม่เท่าไหร่

ถ้าให้เลือกคณะใหม่ในตอนนั้น : คงเลือกคณะที่ชอบ (และน่าจะทำได้ดี) จริงๆ อย่างเช่น อักษรศาสตร์, โบราณคดี หรือวิทยาศาสตร์ (ที่ตอนม.4 ดันติดแล้วไม่เอา)
ถ้าให้เลือกคณะที่มีในปัจจุบัน : มีหลายสาขาเลยที่น่าสนใจ อย่างเช่น พลังงาน, Biotechnology, Bioinformatics, การจัดการการบิน (สาขานี้ยังเล็งๆ อยู่ว่าอาจเป็นโทใบที่ 2 ของตัวเอง ถ้าเบื่องานปัจจุบันจัดๆ), การจัดการการท่องเที่ยว (ผมชอบด้านนี้และไปสอบได้บัตรมัคคุเทศก์จาก ททท. มาเรียบร้อยแล้ว), การจัดการการศึกษา, การพัฒนาสังคม เป็นต้น
ความเห็นผม : ถึงแม้ผมดูเหมือนจะ ‘มีสิทธิ์เลือก’ แต่ด้วยทางเลือกที่ไม่มากนักในขณะนั้น ประกอบกับตัวผมเองที่ใจไม่กล้าพอ ดังนั้นผมจึงยังคงต้องทำงานที่ตัวผมเองไม่ได้รัก และไม่ถนัดเท่าไหร่อยู่ในปัจจุบัน ... และผมคงต้อง ‘เตรียมพร้อม’ เพื่อจะก้าวต่อไปในอนาคตอย่างมีความสุขกับงานที่ตัวเองคิดจะทำ


กรณีศึกษาที่ 3 : เพื่อนรุ่นน้อง (คนที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้น ว่าอยู่ในระหว่างบินกลับมาขอต่อทุนที่เมืองไทย – และเค้าคือคนที่ผมไปพักด้วย ตอนที่ผมไปเที่ยวอเมริกาเมื่อตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมานั่นเอง)
สถานะ : เพื่อนคนนี้ เป็นน้องโรงเรียนห่างกันรุ่นเดียว ... เพิ่งรู้จักกันตอนที่เค้าสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ลาดกระบัง ตอน ม. 5 (ผมอยู่ปี 1 ขึ้นปี 2) แล้วเค้าไปเรียน เลยไปเจอกันที่นั่น เค้าบอกว่าตอนเรียนในรุ่น เค้าก็คะแนนกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่เค้าจะเชี่ยววิชาเคมีเป็นพิเศษ ... ผ่านไป 1 ปี เค้าสอบเอ็นท์ฯ ใหม่ คราวนี้ติดคณะผมนั่นเอง (วิศวะ – ซึ่งภาคเคมีก็ยังไม่เปิดอยู่ดีในตอนนั้น) แล้วบ้านเค้าก็มีญาติทำงานอยู่ กฟผ. เหมืองลิกไนต์ แม่เมาะ ดังนั้นก็เลยถูกที่บ้านบังคับให้เรียนภาค power (ไฟฟ้ากำลัง) ซึ่งเค้าไม่มีตัวเลือกอื่นที่อยากเรียน ก็เลยต้องจำใจเรียน ... เค้ากล้ำกลืนฝืนเรียนอยู่จนถึงปี 2 ได้เกรดติดโปร และเกือบไทร์!
การตัดสินใจ : คงเพราะไม่ได้รักด้านนั้นจริงๆ และเรื่องเกรดด้วย เค้าเลยตัดสินใจสอบเอ็นท์ฯ ใหม่อีกครั้ง คราวนี้ติดวิศวะเคมี ที่ ม.มหิดล (เค้าเข้าเรียนปี 1 เป็นครั้งที่ 3 ตอนผมจบปี 4 กำลังเริ่มทำงานปีแรก) ... และตอนปี 4 เค้าจบด้วยเกรดเป็นที่ 1 ของภาควิชา! และได้ทุนเรียนต่อที่วิทยาลัยปิโตรเคมีที่จุฬาฯ พอเรียนจบ ก็ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกจาก MTEC (ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ) ที่มหาวิทยาลัยแห่งนึงในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา!
ความเห็นผม : เลือกในสิ่งที่รัก เพราะคุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีที่สุด และคุณจะต้องทำงานกับมันไปอีกทั้งชีวิต ... เช่นเดียวกับเพื่อนผมคนนี้

คำถามทิ้งท้ายให้ตอบกันเล่นๆ สำหรับผู้อ่านบล็อกที่อยากร่วมสนุก
+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...
1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ
2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?
3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

+ ถ้าคุณกำลังเรียน ป.ตรีอยู่ ...
1. ตอนเด็กๆ น้องๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้าง?
2. คณะที่กำลังเรียนอยู่ เป็นคณะที่ชอบ และคิดว่าเรียนได้ดีใช่หรือไม่?
3. วางแผนการในอนาคตไว้คร่าวๆ หลังเรียนจบว่ายังไงบ้าง?

+ ถ้าคุณกำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ...
1. ตอนเด็กๆ นู๋ๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเอ่ย?
2. คิดจะสอบเข้าเรียนคณะอะไร? และเป็นคณะที่ตัวเองชอบและถนัดใช่หรือไม่?
3. ได้วางแผนการในอนาคตไว้หลังเรียนจบบ้างหรือยัง?

และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่าน สำหรับการติดตามอ่านหน้าบล็อก (อันยาวยืด-เช่นเคย) นี้ด้วยครับผม ...


Create Date : 27 กันยายน 2550
Last Update : 27 กันยายน 2550 11:05:02 น. 48 comments
Counter : 701 Pageviews.  
 
 
 
 
+ ถ้าคุณกำลังเรียน ป.ตรีอยู่ ...
1. ตอนเด็กๆ น้องๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้าง?

ตอนเด็กอยากเป็นหมอ โตมาซัก ม.ปลายอยากทำอะไรที่เกี่ยวกับหนังสือ

2. คณะที่กำลังเรียนอยู่ เป็นคณะที่ชอบ และคิดว่าเรียนได้ดีใช่หรือไม่?

คณะที่เรียนอยู่เป็นคณะทึ่เฉย แบบว่าเรียนได้อ่าค่ะ ^^"
แต่ไม่ได้ชอบมากมาย
ถ้าเลือกใหม่ก็อยากเข้าวารสารฯ ไม่ก็จิตวิทยาค่ะ แต่ตอนนั้นมีเหตุให้เข้าไม่ได้
ก็เลยผกผันมาเป็นเด็กไอที ลาดกระบัง
อ่านแล้วเห็นภาพนะคะ แต่ที่นี่ดีอย่าง ไม่ค่อยแออัดเหมือนในเมืองดีค่ะ
บ้าน ๆ ดีตัวแสบชอบนะ ชอบบรรยากาศอ่ะ ไม่ชอบอึดอัด รถติดเหมือนในเมือง
อ้อ อีกอย่างพอดีรู้สึกว่าโชคดีที่ได้เรียนคณะที่ดีอ่ะ บรรยากาศนะคะ อบอุ่นอ่ะ อาจารย์ใจดี ^^


3. วางแผนการในอนาคตไว้คร่าวๆ หลังเรียนจบว่ายังไงบ้าง?

ก็หางานดี ๆ ทำค่ะ
คงคล้าย ๆ แนวคนที่น่าจะเรียนถาปัตย์นะ ก็ทำงานด้านที่เรียนไปค่ะ
แต่งานที่ชอบ หรือสิ่งที่ชอบคงทำไปด้วย เอาแบบมีความสุขก็พอ
ถ้ามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ชอบตัวแสบก็คงเลือกทำงานด้านนั้นเลยค่ะ
แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร พอดีรู้สึกว่าสิ่งที่ชอบมันทำเสริม ๆ งานหลักได้อ่าค่ะ

จบแระ ตอบยาวนะเนี่ยยย อ่านแล้วมันโดนจริง ๆ

 
 

โดย: ตัวแสบมาเยือน วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:12:12:29 น.  

 
 
 
ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว

1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ


ตอนเด็กๆ อยากเรียนโบราณคดีค่ะ
แต่ถูกค่านิยมยุคนั้นสกัดดาวรุ่งให้มาเรียนกดเครื่องคิดเลขและทำแผนการตลาด -_-"
สี่คณะที่เลือก ent นี่ ไม่ได้เลือกเพราะอยากเรียนเองเล้ย
ตอนเรียนม.ปลาย ก็เรียนวิทย์ล้มเหลว
แต่บ่นมากไม่ได้
เข้าใจว่าตอนนั้นพ่อแม่คงหวังดี กลัวเรียนสายภาษาแล้วตกงาน แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่าสี่ปีที่เราอยู่ในคณะที่เขาเลือกให้ เป็นสี่ปีแห่งความขมขื่นใจขนาดไหน

สมัยอยู่มัธยมก็สอบเทียบเพื่อเอ็นทรานซ์เหมือนกัน
ยังจำได้และสงสัยอยู่ว่า
การสร้างโรงรถกับสวนหย่อมให้ กศน. มันเกี่ยวข้องอะไรกับการเทียบระดับความรู้ฟะ?!?
(แต่ก็เอาเถอะ สุดท้ายไม่ได้เรียน ม.6 จนได้)


2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?

เรียนมหาลัยได้ปีนึงก็พบว่า ตัวเองมีความสุขกับการสอนหนังสือมากกว่า เราไปสอนพิเศษเตรียม ent ให้เด็ก ม. ปลาย ตามโรงเรียนกวดวิชาน่ะ (ภูมิใจมาก-ติวจนเด็กตั้งหลายคนเอ็นท์ติดมนุษย์ Eng ฮี่ๆๆ )

นับแต่นั้นมา ไอ้ที่เรียนในคณะนี่ เรียนพอให้ผ่าน
มาตั้งใจเรียนวิชานอกคณะมากกว่า เพราะกะว่าเรียนจบจะเป็นครูอย่างเดียวเลยค่ะ ตอนต่อโทก็เอาเงินที่สะสมไว้มาเรียนต่อสาขาที่ตัวเองอยากเรียนจริงๆ ...เพื่อนฝูงต่อ MBA เราไปเรียนภาษา (ฮา)

สรุปแล้ว ปริญญาที่ได้มาตอนป.ตรี จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรตามที่เรียนเลย เอิ๊กๆๆ



3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

ตอนนี้ก็สอนหนังสือ + ทำงานแปลไปพร้อมๆ กัน
คงจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกไม่มีความสุขล่ะค่ะ
เคยอยากเป็นแม่บ้าน มีคนหาเลี้ยง แต่คิดว่า วาสนาไม่ได้ลิขิตไว้อย่างนั้น เสียดายจัง
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:12:57:25 น.  

 
 
 
แหม ไม่มีคำถามทิ้งท้ายสำหรับคนว่างงานเลยอ่ะ
และผมจะร่วมสนุกข้อไหนดีเนี่ย..

อันนี้ละกัน ใกล้เคียงสุด....ดัดแปลงนิดหน่อย แหะๆ

+ ถ้าคุณเรียนจบ และ(กำลัง หรือ หา หรือ จะ) ทำงานแล้ว ...

1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ
-*-*- ตอนเด็กๆผมฝันอยากเป็นดีไซน์เนอร์อ่ะคับ เพราะชอบวาดรูป และชอบมองของสวยๆงามๆ ชอบดูผลงานของคนอื่นว่าเขามีแรงบันดาลใจอะไรในการทำงานชิ้นนั้นๆ...แต่พอโตมาก็อยากเป็นนักธุรกิจบ้าง เพราะมันดูเท่ห์ หรู และดูมีสมองดี แต่ปัจจุบันนี้(ก็ยังจะฝันอีกเนาะ)อยากเป็น อาชีพในฝัน เท่านั้นคับ แต่คุณสมบัติยังไม่พร้อมเลยต้องฝันไปก่อน..

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?
-*-*- อืม..ยังไม่ได้งานเลยอ่ะคับ(55+) แต่คิดว่าน่าจะเป็นงานที่เรารักและถนัด เพราะอย่างน้อยเราก้เป็นคนตัดสินใจเลือกที่จำทำเอง คือ..หมายฟามว่า ถึงแม้งานมันจะเป็นยังไงแต่อย่างน้อยเราก็เลือกที่จะทำเอง ก็คงต้องยอมรับตรงนี้มั้งคับ...งงๆมั้ย?

3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว
-*-*- อืม..เรื่องของอนาคตมันไม่แน่นอนเลยคับ แต่ถ้าเอาถามที่ผมแพลนไว้และหวัง+อยากจะให้มันเป็นก็คือ..
1.พยายามเดินตามความฝันไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เป็น หรือจนกว่า คุณสมบัติจะเกินที่เขาต้องการ ค่อยเปลี่ยนประเด็นไปทำอย่างอื่น แต่คงเป็นสายงานบริการที่ชอบอยู่ดี
2.หางานที่มั่นคงก่อนอายุ30 ใช้หนี้ของที่บ้านให้หมดก่อนอายุ35 เก็บเงินก้อน(ใหญ่ๆ)ให้ได้ก่อนอายุ40...

แล้วหลังจากนั้นจะเปิดร้านกาแฟ+เบเกอรี่เล็กๆน่ารักๆ คับ

เพ้อดีมั้ยคำตอบผม...ตื่นๆๆ


 
 

โดย: P_Poy วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:13:05:59 น.  

 
 
 
+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...

1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ

>>> อยากเป็นหมอ หรือไม่ก็นักบินครับ เเต่ความที่เป็นคนขี้เกียจ เลยต้องมาเรียนบริหาร-บัญชี

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?

>>> ไม่ชอบทำ เเต่ก็ทำได้ครับ + ต้องทำหาเลี้ยงชีพ ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้บริหาร ดูเเลบัญชี+การเงิน ทั้งหมดของบริษัทต่างชาติในนิคมลำพูนนี่เเหล่ะ

3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

>>> ไม่อยากทำงาน อยากอยู่เฉยๆ เที่ยวไปทั่วๆ เเต่ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องหาเงินใช้ เเล้วปัจจุบันที่ได้ก็ดีพอสมควร หาคนไทยที่รายได้ประมาณนี้ที่เชียงใหม่น้อยมาก เลยต้องทำต่อไป ถึงเเม้ไม่ชอบงานที่ทำอยู่ก็ตาม...สรุปว่า เงินอย่างเดียวครับ
 
 

โดย: CM_Guy IP: 61.7.146.73 วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:14:00:13 น.  

 
 
 
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่วินนะคะ
บล็อกนี้ให้ได้คิดเยอะเลย หื้อ!จะเรียกให้พ่อมาอ่านด้วย หุหุ

+ ถ้าคุณกำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ...

1. ตอนเด็กๆ นู๋ๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเอ่ย?
ตอนเด็กฝันอยากเป็นหลายอย่างมาก พี่วินว่าแปลกมั้ย?
ความฝันหนู คล้ายๆกับพี่เลยอ่ะ อิอิ

- นักดาราศาสตร์ : เหตุผลคล้ายๆกันคะ "ชอบดูดาว"
เมื่อก่อนไม่รู้หรอกว่าอาชีพนี้มันเป็นยังไง ถามลุงเอาว่าถ้าชอบดูดาวเนี่ยเรียนอะไรดี "นักดาราศาสตร์"^^

-นักโบราณคดี : เมื่อก่อนหนูชอบอ่านพวกเกี่ยวกับ ปิรามิด
ชอบอ่านเรื่องของฟาโรห์ และอยากไปอียิปต์มากด้วย ที่บ้านมีหนังสือพวกนี้เยอะอยู่ พี่วินสนใจมายืมได้นะคะ แต่พอโตหนูเปลี่ยนแนวการอ่านไปเลย หุหุ

เพิ่งสังเกต ความฝันหนูตอนเด็ก
ขึ้นต้นด้วย "นัก"ทั้งนั้นเลย^^


2. คิดจะสอบเข้าเรียนคณะอะไร? และเป็นคณะที่ตัวเองชอบและถนัดใช่หรือไม่?

+อยากเรียนวารสารฯ ธรรมศาสตร์มาก ยิ่งกว่าใช่อีกพี่! อิอิ
ส่วนคณะอื่น มอง..
+อักษรฯ ศิลปากร (ไม่เลือกอักษรฯจุฬา เพราะเหตุผลคล้ายๆพี่วินแหละ ไม่ชอบอะไรที่เป็น "ใจกลาง" เกินไป)
ปล. แต่หนูก็เคยอยากเรียน รัฐศาสตร์ จุฬา นะคะพี่ตี้ ^^

+สื่อสารมวลชน มช.

+ศึกษาศาสตร์ มศว. หนูอยากเป็นอาจารย์มหา'ลัยเหมือนกัน

นิดนึง : ตอนม.4 - ต้นม.6 หนูอยากเรียน "รัฐศาสตร์" มาก
ก็ไปค่ายสิงห์น้อยมา(สิงห์ดำเสียด้วย) แต่หลังๆมานี้ หนูเบื่อการเมืองมาก ยังอ่านเนชั่นสุดฯทุกอาทิตย์ แต่ไม่อ่านแบบบ้าระห่ำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
อยากเรียนรัฐศาสตร์ เพราะอยากเปลี่ยน"บางอย่าง"
ไม่กล้าพูดหรอกว่าอยากเปลี่ยน"สังคม" หรือเปลี่ยน "โลก" หนูเคยตั้งความหวัง และผิดหวังมาเยอะ
(อย่างน้อยก็อกหักจากการเมืองอยู่บ่อยๆ) แต่ก็รู้ว่า การเปลี่ยนบางอย่าง ไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดเราเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไม่ค่อยได้เลย !
และหนูก็เข้าใจว่า "สังคมไทย" เป็นสังคมที่ชอบยึดติดและเคยชิน กินยังไงก็ยังกินอย่างนั้น ง่ายๆอะไรก็ได้จนกลายเป็นมักง่าย! และระบบราชการนี่แหละ เปลี่ยนยากชิบ!

เลยคิดมาเรียนวารสาร เรียนพวกสื่อสารมวลชนนี่แหละ
อย่างน้อย เราก็มี "พื้นที่" ที่จะยืนในสังคม มีพื้นที่แสดงความเห็น (พ่อหนูบอกว่ามันคือ "เครื่องมือ" ที่เหลือคงจะเป็นหน้าที่หนูแล้ว ว่าจะใช้มันในด้านไหน ทุกอย่างเป็นดาบสองคมเสมอเนอะพี่วิน)

อยากเรียนครูก็เหตุผลคล้ายๆข้างบน
วันก่อนอ่านสัมภาษณ์อ.ปกป้อง(อ.จากเศรษฐศาสตร์ มธ. เก่งมากเลย)ในอะเดย์
เมื่อก่อนเค้าอยากเป็นนักการเมือง เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะเข้าถึงและเปลี่ยนสังคมได้ดีที่สุด แต่พอยิ่งโตเค้ายิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่! และการที่มาเป็นอาจารย์นี่แหละ คือทางที่ถูกแล้ว
เค้าบอกว่า เวลาเค้าสอน จะเจอนักเรียน ที่มีความมุ่งมั่น แววตานักเรียนคนนั้น เหมือนกับเค้าตอนวัยหนุ่ม การได้สอนนักเรียน ได้ถ่ายทอดความรู้ คือการเปลี่ยนบางอย่างไปในตัว (ไม่ได้สอนเพื่อครอบงำนะคะ)


3. ได้วางแผนการในอนาคตไว้หลังเรียนจบบ้างหรือยัง?

หนูอยากทำงานพวกสื่อสารมวลชนนี่แหละคะ
ไม่แน่นะ จะไปทำงานในอะเดย์ ใน ค.คน
อ้อ! หนูอยากทำงานในนิตยสารเที่ยวรอบโลกมาก^^
(แต่ตอนนี้คงต้อง "ตื่น" ก่อนคะ) อิอิ

อ้อ! อีกอย่างหนึ่งคะ ถ้าทำงานสักปีสองปีแล้ว อยากกลับมาเปิดร้านหนังสือที่บ้าน ร้านเล็กๆ มีหนังสือดีๆ มีมุมกาแฟอยู่แล้วยิ่งดีใหญ่ ร้านหนังสือในฝันหนู..



ร้านหนัง(สือ)2521 ที่ภูเก็ต เจ้าของร้านเป็นนักเขียนด้วย^^




ร้านหนังสือเดินทาง , ผ่านฟ้า


ปล. เป็นการตอบคอมเม้นท์ที่ยาวที่สุดเท่าทีเคยตอบมา อิอิ
แบบว่าบล็อกนี้มันโดนวัยจะสอบอย่างหนูเลย

ขอบคุณพี่วินอีกครั้งนะคะ



 
 

โดย: pangz วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:14:55:13 น.  

 
 
 
เหอๆๆๆ.. ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยวางแผนอนาคตอะไรเท่าไหร่เลยอะ
เหมือนชีวิตอยู่ไปวันๆ เรียนรัฐศาสตร์ก็เพราะว่าเรารู้สึกว่าอยากเรียน (อีกอันที่อยากเรียนแต่น้อยกว่ารัฐศาสตร์ก็คือนิเทศ ซึ่งเพื่อนก็ชอบมาถามว่า "มืงไม่ซิ่วไปนิเทศดีกว่าเหรอ" 555+)
เรื่องงานก็ยังไม่คิด ยิ่งรัฐศาสตร์ขึ้นชื่อว่าหางานยากด้วยแล้ว หึหึ...

เกรดสองเทอม วิชาคณะที่ได้ดีที่สุดคือ B+ (ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวกับคณะไม่มากเสียด้วย เป็นวิชาวิจัยทางสังคมศาสตร์ ซึ่งคะแนนส่วนใหญ่ดันมาจากการเขียนบทความแล้วให้อ้างอิงจากงานเขียนของนักวิชาการคนอื่น - -*) ตัวอื่นก็ C+ กับ C หมด แต่เรากลับรู้สึกว่าบางอันที่เรียนเราได้เรียนรู้และได้เอามาใช้ในชีวิตจริง เพียงแต่เราตอบข้อสอบไม่ตรงใจอาจารย์เท่านั้นเอง

การเรียนรัฐศาสตร์ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น มองโลกในหลายบริบทมากขึ้น เพราะทางสังคมศาสตร์มันไม่มีคำตอบไหนที่ถูกต้องในทุกสภาพแวดล้อม ทุกช่วงเวลาของประวัติศาสตร์โลก มันเป็นไปไม่ได้

เช่น ระบบกษัตริย์ อาจเป็นคำตอบที่ถูกต้องสำหรับยุคก่อนปฏิวัติฝรั่งเศส
หลังปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือเสรีนิยมประชาธิปไตย
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือเผด็จการชาตินิยม

เป็นต้น


และแน่นอนว่า เราไม่ได้มองแค่ในเรื่องทางประวัติศาสตร์การปกครองหรือการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่มันใช้ได้กับทุกเรื่องบนโลกนี้

เพราะฉะนั้น เราจะไม่กล่าวหาใครว่า "คราวก่อนทำแบบนั้น แต่ทำไมคราวนี้ทำแบบนี้ กลับกลอก ปลิ้นปล้อน"
(แต่แน่นอนว่าความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เราห้ามใครไม่ได้ เช่น ก่อนรัฐประหารคนคนหนึ่งเกลียดเหลี่ยมมาก ต่อมาเขาทำท่าทางเรียกร้องให้เหลี่ยมกลับมาเพราะเกลียดรัฐประหารมากกว่า เราก็ต้องรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างล่ะ)



เอ๊ะ เกี่ยวกับที่พี่วินถามมั้ยเนี่ย?
 
 

โดย: nanoguy วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:15:56:01 น.  

 
 
 
ดีค่ะ เห็นคำถามแล้วอยากแจมด้วยค่ะ
พอดีจบวิศวะคอม ลาดกระบังมา ปีกว่า ไม่บ้านนอกแล้วน่ะ...

+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...
1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ
- เป็นผู้ใหญ่ที่ดี(เด็กๆ ไม่อยากทำงาน ขี้เกียจ 55)

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?
- รักน่ะ ถนัดด้วย แต่เหนื่อย

3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว
- อยากแต่งงาน ไปเป็นแม่บ้าน 555
 
 

โดย: สเนโก้ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:16:46:54 น.  

 
 
 
เพ่วินคิดไปถึงองค์การนาซ่าเชียวหรือครับ

+ ถ้าคุณกำลังเรียน ป.ตรีอยู่ ...

1. ตอนเด็กๆ น้องๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้าง?
- อยากเป็นนักวาดการ์ตูน อยากไปเป็นลูกศิษย์ของอ.อากิระ โทริยาม่าครับ และตั้งแต่ป.4 จนถึงม.ปลาย ผมก็วาดการ์ตูนเป็นเรื่องเป็นราวมาตลอดครับ

2. คณะที่กำลังเรียนอยู่ เป็นคณะที่ชอบ และคิดว่าเรียนได้ดีใช่หรือไม่?
- ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า เมื่อก่อนผมเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ม.อุบลครับ แต่ด้วยความคึกคะนองและมีปัญหาทางบ้าน(ใจแตกนั่นเอง) ก็หนีมากับแฟน(เก่า)มาที่กทม. และลงเรียนรามด้วยกันครับ
- เรียนเศรษฐศาตร์เอกการเงินการธนาคาร แต่ดรอปไว้มาจนเกินสถานภาพนักศึกษาครับ
- เรียนได้เกรด P ซะส่วนใหญ่(เกรดเฉลี่ยตอนนี้ประมาณ2.31)
- ตอนแรกคิดว่าชอบแต่ตอนนี้ไม่ค่อยชอบแล้วครับ
- ยังเหลืออีก 10 วิชาก็จะจบครับ ตอนนี้กำลังหนักใจว่าถ้ากลับไปลงเรียนเทียบโอนเพื่อเอาตรี จะลงคณะเดิมหรือลงคณะอื่นดี... เพราะใจมันไม่ชอบซะแล้ว
ขอคำปรึกษาก็ดีครับ... บอกผมทางบล็อกผมก็ได้ เครียดเหมือนกัน

3. วางแผนการในอนาคตไว้คร่าวๆ หลังเรียนจบว่ายังไงบ้าง?
- เนื่องจากทำงานมาด้วยตลอดครับ ตั้งแต่ใจแตกหนีตามหญิงมากรุงเทพฯนั่นแหล่ะครับ.. จึงพอพบเจออะไรมาบ้าง และโชคดีที่กิจการส่วนตัวตอนนี้ก็พอถูพอไถไปได้ครับ แต่ถ้าจะให้ทำจนตลอดชีวิตเห็นท่าจะยากครับ (แต่ก็รักงานนี้ของตัวเองนะครับ)
- เนื่องจากที่บอกไปในข้อ 2 ผมยังมองไม่เห็นอนาคตตัวเองเท่าไหร่ครับ ถ้าจะให้เป็นพ่อค้าตลอดก็กระไรๆ อยู่ มันไม่ใช่ตัวผมซะทีเดียวครับ
ทำไปเพื่อเลี้ยงชีพล้วนๆ


ที่จริงก็อย่างที่เพ่วินบอกนั่นแหล่ะ เรียนอะไรที่ตัวเองรักดีกว่า
ผมเรียนคณะนั้นเพราะคิดว่าออกมาน่าจะหางานได้ดี แต่ใจมันไม่รักซะแล้ว...แย่จัง
ส่วนสมัยนี้ผมว่านะ ใบปริญญาชี้อนาคตได้แค่จุดหนึ่งเท่านั้นครับ
เพราะสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยครับว่า จะวาดชีวิตตัวเองยังไง
เงินน่ะหาไม่ยากหรอกครับ
แต่การที่เราจะอยู่กับสิ่งที่ทำให้เราได้เงิน
นั้นยากกว่าครับ
ถ้าเราไม่ได้รักมันจริงๆ

ขอบคุณที่ตั้งบล็อกนี้ครับ...
 
 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:19:20:20 น.  

 
 
 
^
^
^
^
ปล. อยากเปิดร้านขายเครื่องเสียง+โฮมเธียเตอร์ที่บ้านครับ
กำลังเก็บตังค์อยู่จ้า
 
 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:19:24:27 น.  

 
 
 
>>มีน้องๆ บางคนในบล็อก กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ก็คือเรียนอยู่ ม.6 กำลังจะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องขยันอ่านหนังสือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต


ไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย และไม่คิดจะเป็นด้วย ชิวๆมาก เอาแค่ว่าเรานั่งเรียนในห้อง คิดตามที่ครูสอน เข้าใจได้มันก็เกตเอง ไม่ต้องไปตะบี้ตะบันอ่านตอนหลัง ถ้ามันไม่เข้าใจแต่แรก อัดเท่าไหร่ก็ไม่เข้า



จริงๆต้นว่าสมัยนี้เข้าเรียนได้ง่ายขึ้นนะ มีโครงการตั้งหลายอัน บางทีอาจจะเพราะเกรดเฉลี่ยนดีด้วยมั้งเลยโอกาศเยอะเพราะเดี๋ยวนี้เค้าดู GPA เกรดเฉลี่ยสะสม ม.4-5 เอาเป็นหลักก็เข้าโครงการรับตรงหลายๆอันได้แล้ว...



+ ถ้าคุณกำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ...

1. ตอนเด็กๆ นู๋ๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเอ่ย?

ไม่เคยฝันว่าอยากจะเป็นอะไร แต่ฝันว่าอยากจะมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง อยากที่จะมีเวลาว่างมากๆ ได้สัมผัสธรรมชาติเยอะๆ ชอบอากาศโปร่งๆ อยากทำงานที่ได้คลุกคลีกับสภาพแบบนี้ ในขณะเดียวกันชีวิตก็ไม่ลำบากกัดก้อนเกลือกิน

2. คิดจะสอบเข้าเรียนคณะอะไร? และเป็นคณะที่ตัวเองชอบและถนัดใช่หรือไม่?

วิชาที่ชอบมีอยู่ไม่มาก นึกแทบไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แต่วิชาที่ถนัดมีเยอะ ไอ้ที่ชอบก็ดูลู่ทางไม่ค่อยดี แต่ที่ไม่ชอบแต่พอเรียนได้มันท่าทางจะไปได้สวย ถ้าจะเอาที่ชอบจริงๆคงอยากทำงานด้านศิลปะมากกว่า ไม่อยากจำกัดแขนง อยากอยู่กับภาพถ่าย เสียงเพลง งานศิลป์ แต่ก็คิดว่าอยากจะได้งานที่มั่นคงกว่านั้น เพราะรู้ดีว่ากิจกรรมที่ทำมันต้องใช้ต้นทุนเยอะ ไม่ว่าจะกล้องถ่ายรูป กิจกรรมดูนก การเดินทาง ฯลฯ

3. ได้วางแผนการในอนาคตไว้หลังเรียนจบบ้างหรือยัง?

เคยนึกเล่นๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี มันเหมือนเป็นภาพรางๆแต่ก็นึกแนวทางไม่ชัดเจน Que sera sera ละกัน...
 
 

โดย: Unravel วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:20:06:38 น.  

 
 
 
ลืมไป...


รูปร้านหนังสือ 2521 ของพ่อหนุ่มนักเขียนหล่อระเบิด 3 คนของแปงน่ะ
หน้าตาเหมือนร้านเล่าเปี๊ยบเลยแหละ...
เพียงแต่ว่าเป็นพื้นสีขาว แต่ร้านเล่ามีสีสัน
องค์ประกอบภายใน การตกแต่งเหมือนเปรี๊ยะ
 
 

โดย: Unravel วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:20:09:43 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #1
+ โอววว ... ไม่นึกว่ากระทู้เนื้อหาเครียดๆ จะได้รับคำตอบ (อันแสนยาว) จากทุกคนเยี่ยงนี้ ... ซึ้งอ่ะครับ ... แต่ผมคงแซวไม่เยอะนะครับงวดนี้ เนื่องจากต้องเคารพในตัวตนที่แต่ละท่านได้ให้เกียรติมาเขียนไว้ ... ก็คงทักทายเฉพาะพอหอมปากหอมคอละกัน

+ คุณตัวแสบมาเยือน : ตอนพี่เรียนอยู่ลาด'บุง คณะ IT ยังไม่เปิดเลยอ่ะคับ (อิๆ ก็แค่ราวๆ สักสิบปีก่อนแค่นั้นเอง )

+ คุณครูหมีชุน : อุๆ เด็กเทียบเหมือนกันนี่นาครับ
... ดีนะครับที่ค้นพบว่าตัวเองรักอะไร และกล้าพอที่จะก้าวเดินไปตามทางที่ฝันไว้ น่าชื่นชมครับผม

+ คุณน้อง(P)ปอย : โอวว ... โทษทีครับ ผมลืมคิดไป แหะๆ
... ก็ขอให้ได้งานทำเร็วๆ และได้ทำตามที่แพลนชีวิตไว้นะคร้าบ

+ คุณพี่ CM : อุๆ อย่างงี้เวลาผมกลับบ้าน แล้วได้แว้บไปแถวๆ เชียงใหม่ ... ท่าทางผมจะต้องไปล้มทับ 'พ่อเลี้ยง CM' ซะแล้วละมั้งคับเนี่ย? 555

+ คุณนู๋แปง : เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ที่หน้าบล็อกนี้เป็นประโยชน์สำหรับหนู (ถึงกับจะเชิญคุณพ่อมาอ่านเชียวรึคับ แหะๆ )
... พี่ชอบอ่านหนังสือแนวที่หนูชอบอ่านเช่นกัน ที่ห้องก็ยังมีอยู่หลายเล่มเลยที่ยังอ่านไม่จบ ... ป้าหยิบ เอ๊ย อียิปต์ ก็เป็นอีก 1 จุดหมายปลายทางที่ใฝ่ฝันเช่นกันจ้า
... โลกในอุดมคติ มักต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงเสมอครับ บางคนเคยฝันไว้มากมายตอนเรียน แต่พอจบมาทำงานจริงๆ กลับถูก 'ระบบ' กลืน ซะจนตัวตนและความฝันของเค้าสูญสลายหายไปจนหมด
... พี่ก็อยากเป็นครูด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันครับ อยากปลูกฝังแนวความคิดให้เด็กรุ่นต่อๆ ไป ให้ได้คิดในแนวทางที่ควรจะเป็นอ่ะครับ
... และพี่ก็อยากเป็นนักเขียนให้กับนิตยสารท่องเที่ยวเช่นกันครับ ได้เที่ยวแล้วยังได้ตังค์ใช้อีก เหอๆๆ อะไรจะความสุขปานนั้นเนาะ

+ คุณเจ้า(ที่)ตี้ : พี่ว่าคนมีไอเดียอย่างตี้ เรียนรัดสาดอ่ะดีแล้วครับ ... เวลาพูดถึง 'การเมือง' จะดูดี ดูมีภูมิอ่ะครับผม ... ส่วนเรื่องงานก็คงต้องว่ากันต่อไป

+ คุณสเนโก้ : หวัดดีครับ น้องคณะ

+ คุณน้องเติ้ง : อ้าว! พี่นึกว่าเติ้งจบแย้ว ที่แท้เรียนไป ทำงานไปด้วยหรอกเหรอเนี่ย?
... ลองวาดการ์ตูนลงบล็อก (แบบคุณ แมลงปิศาจ) มั้ยล่ะครับ? เผลอๆ มีคนมาสะดุด อาจได้วาดลงนิตยสารแบบเค้าก็ได้นา
... อืม สู้ชีวิตเหมือนกันนะคับเนี่ย เรื่องคำปรึกษา อ่านที่เมล์นะคับ พี่ส่งไปแว้ว
... ใช่ครับ หลายๆ คนหาเลี้ยงชีพ (และรวย) ได้ด้วยสิ่งที่เค้ารัก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เค้าเรียนมาครับ ถ้าเราค้นพบโอกาสและหนทางนั้น เราก็ย่อมทำได้เช่นกันครับผม
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:20:14:54 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #1.5
+ คุณน้องต้น : อุๆ พี่รู้คับว่าต้นน่ะ 'ไบรท์' (ไม่งั้นคงไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ อย่างที่เขียนไว้ในบล็อกหรืออย่างที่เป็นที่รับรู้กันหรอก)
... แหม ชีวิตแบบที่ต้นเขียนมา ดูๆ ไปคงคล้ายๆ ที่ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เป็นอยู่รึเปล่าอ่ะคับ? เค้าถึงมีเวลาว่างไปสร้างสรรค์ วัดร่องขุ่น ได้งามเยี่ยงนั้นอ่า
... ว่าแต่ 'ร้านเล่า' นี่ร้านไหนกันหวา?!?
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:20:24:22 น.  

 
 
 
+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...
1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ

อยากเป็นเจ้าของโชว์รูมรถยนต์นำเข้าที่แบบแปลกๆ(ไม่เน้นแพงหรอกค้าบ)

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?
ถนัดนะ ถนัดมากด้วย..เลยมีเวลาชิลชิล บริหารเวลาให้ลงตัวก็สบาย..
แต่ก่อนทำงานแถวอโศก รำคาญกะชีวิตมาก ตื่นหกโมงเช้า ถึงบ้านกว่าจะจอดรถ ปาเข้าไปสามทุ่ม หมดแรงนอน..


3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

ทำสิคับ..ทำควบคู่กะที่จะต้องทำใหม่ด้วย ให้มันมั่นคง

ปล. ม.5 พ้มก็สอบเทียบมาเอนท์ชิมลางจน ได้ แต่แม่ไม่ให้เรียน..อยากให้อยู่ด้วยกันก่อน..พอ ม.6 ก็ติดโควต้า แต่ไม่ชอบคณะที่ติด..(เพื่อนๆในห้องติดโค้วต้าวิศวะ 30 กว่าคน ).เลยเสี่ยงไปเอนท์ ซึ่งก็ได้สมใจอยาก(อิอิ..ยอมเสี่ยง แต่ก็คุ้มนะ)...แต่ที่เสี่ยงเพราะพ้มไม่ชอบงานพวกตัวเลข คำนวณ เลยข้ามมาเอ็นท์สายศิลป์ ซึ่งสนุกมากๆ เรียนก็มันส์ เพื่อนก็บ้าๆบอๆ แถมวิชาเรียนก็เอาความบ้าๆมาแปลเป็นเกรด...

 
 

โดย: ลิงจ๊ากจ๊าก วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:21:31:23 น.  

 
 
 
โอ๊วว เป็นบลอกที่ยาวมาก แต่อ่านไปเรื่อยๆ อ่านจนมึนส์
ขำเรื่องลาดกระบังบ้านนอกง่ะ แบบว่าเราก้เคยอยุ่แถวๆนั้น
แถววัดปลูก..ง่ะ แต่ว่าลาดกระบังเป็นมหาลัยที่คล๊าสสิคออก
ที่ต้องนั่งรถไฟไปเรียนง่ะ
แต่ว่า..อิกแระ..อยากร่วมหนุกง่ะ ได้ปะ

+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...
1. ฝันตะละวันก็ยังฝันทุกวัน ว่าอยากทำทุกงานทีมันมีอยู่บนโลกเรยง่ะ โลภมากดีปะ
2.งานที่ทำทุกวันนี้บอกตามตรงว่า ถนัดซึ่งแปลว่าทำได้ดี แต่มะชอบเรยง่ะ แบบว่ามันไม่เข้ากะนิสับเยี่ยงเราเท่าไหร่
3. ถ้ามีทางเลือกอื่นเราเลิกทำอาชีพนี้ก่อนเกษียณแน่นอน
แต่ตอนนี้ยังหาก่อนว่าทางเลือกมันมีไรบ้าง เพราะยังไม่พร้อม โดยเฉพาะเรื่องปัจจัย
 
 

โดย: ซซ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:21:48:13 น.  

 
 
 
พี่วินหนูเอารูป ฟ้า มาฝากนะคะ(หนูก็ฝากทุกคน เพราะฟ้าเดียวกัน อิอิ)

มองจากหลังบ้านนี่แหละ ตอน 5 โมงกว่าๆ
วันนี้ที่ตรังแดดร้อนมาก ไม่ไหวๆ



ฟ้าเดียวกัน
อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน อิอิ


ขออนุญาตตอบเรื่องร้านหนัง(สือ)2521 และร้านเล่า(แหมๆยังก่ะรู้ดี)
+ต้น ร้านหนัง(สือ)2521 ตกลงมีเจ้าของแค่คนเดียว คือ
พี่นิล หล่อมั้ย? หื้อ!พี่ตั้ม(วาซาบิ)หล่อกว่า 55

+พี่วิน ร้านเล่าอยู่ที่เชียงใหม่ หนูดูจากรูปแล้วน่ารักจังเลย
คงคล้ายๆกับร้านหนัง(สือ)2521 เหมือนที่ต้นว่า

 
 

โดย: pangz วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:21:53:06 น.  

 
 
 
+ ถ้าคุณกำลังเรียน ป.ตรีอยู่ ...


1. ตอนเด็กๆ น้องๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้าง?

ตอนเด็ก ๆ เลย ฝันแรกที่อยากเป็นคือครู!! ค่ะ
(แต่พอมาเรียน ถึงรู้ว่าไม่เหมาะ)

พอมามัธยม อยากเป็นนักข่าว ทนาย วิศวะ แอร์ฯ ไกด์ นักเขียน นักโบราณคดี (ยอะไปมั้ยเนี่ย)

ตอนที่จะเอ็นฯ เนี่ย อยากเป็นนักโบราณคดีมาก ๆ เลยค่ะ
(แต่เอ็นฯ ไม่ติด)


2. คณะที่กำลังเรียนอยู่ เป็นคณะที่ชอบ และคิดว่าเรียนได้ดีใช่หรือไม่?

ไม่ได้เรียนในคณะที่ชอบเลยค่ะ
(สู้เพื่อพ่อ)

พอเรียนได้น่ะค่ะ ตัวที่เป็นวิชาเอกนี่ยไหวค่ะ
แต่...วิชาชีพเนี่ย
( Emo สามตัวนี้จำกัดความได้ชัดเจนค่ะ)


3. วางแผนการในอนาคตไว้คร่าวๆ หลังเรียนจบว่ายังไงบ้าง?


....ก็ไปทำงานพากย์ที่หวังไว้ (พึ่งมาชอบตอนเรียนมหาลัยค่ะ)

...แล้วก็คงลองเขียนนิยาย อาจจะลองเขียนบทละคร

...พัฒนาภาษาให้ดีกว่าเดิม เพิ่มเตรียมเป็นนักแปล ...แปลหนังสือด้วย แล้วก็อยากแปลหนังค่ะ ^^

...หาลู่ทางเรียนต่อ เรียนภาษา อาจจะเรียนด้านการออกแบบด้วยค่ะ^^

...อยากทำงานในบริษัทเครื่องสำอางค์ค่ะ (ชอบน้ำหอม) ถ้ามีโอกาสหรือว่าลู่ทางก็จะทำค่ะ^^

...อยากทำงานในส่วนของวิเคราะห์ตลาดค่ะ ชอบการวิเคราะห์^^

...อยากทำงานในวงการแฟชั่นด้วยค่ะ ชอบมาก ๆ >o<



รู้สึกว่าสิ่งที่หวังเยอะมาก

อยากเป็นเยอะขนาดนี้ ท่าทางชาตินี้จะได้แต่งกะงาน
 
 

โดย: verdancy วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:22:14:44 น.  

 
 
 
รุ่นน้องลาดกระบังคนนี้ ขอขอบคุณที่พี่วิน เทียบเชิญมานะครับ...

+ ถ้าคุณกำลังเรียน ป.ตรีอยู่ ...
1. ตอนเด็กๆ น้องๆ ฝันอยากเป็นอะไรกันบ้าง?

ฝันจะเป็นซูเปอร์แมนที่มีกงเล็บเหล็กงอกจากง่ามนิ้ว ทั้งยังสามารถปล่อยใย ทำตัวล่องหน และมีรถขับเป็นแบทโมบิลสุดเท่ห์ (อันนี้ เขาไม่น่าเรียกว่าฝัน แต่ควรจะเรียกว่า ไอ้บ้า)
ความจริง...ก็เคยคิดอยากเป็นหมอแต่ยังจำความได้ แต่ต่อมาก็เรียนรู้ว่าโคตรลำบาก (แถมกระผมก็แสนหง่าววิทย์ฯอีก) ก็เลยเปลี่ยนแนวไป สถาปนิก อันนี้คิดจริงจังมากถึงขนาดกะเข้าจุฬา (แต่ไม่หวังจะเป็นดารานะ..แค่รู้สึกว่าคนดังๆเขาเท่ห์ดี) มีไปเรียนติววาดรูปตอนม.5 แต่จนแล้วจนรอดก็ค้นพบว่าไม่ใช่ทางที่ผมจะทำได้ดี (ไอ้ผมก็สุดแย่ในแง่ศิลป์ ขนาดใช้สีไม้ยังระบายทู่ซี้ ไม่มีเล่นแสงเล่นเงาอะไรเลย) สุดท้ายจึงคิดว่า เป็นวิศวะก็น่าจะเข้าทาง (บวกกับว่าตามเพื่อนด้วยแหละ...มันจะไปกันเยอะก็เลยหวังเกาะนิดนุง) แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้เรื่องในวิชาฟิสิกส์ ส่วนเลขก็ดีนิดนึง แต่ให้คิดโจทย์ซับซ้อนทีไรแล้วไปไม่ถึงไหนเลย (ต้องลอกเพื่อนในท้ายที่สุด)

2. คณะที่กำลังเรียนอยู่ เป็นคณะที่ชอบ และคิดว่าเรียนได้ดีใช่หรือไม่?

ชอบมั้ย? ก็ในระดับหนึ่งนะครับ เพราะอย่างว่า ไม่ใช่สิ่งที่ฝันแต่แรก เพียงคิดว่ามันน่าจะเข้าทางลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของผม
เรียนได้ดีหรือเปล่า ? ถ้าวัดจากตอนนี้ พูดได้แต่ว่า หุหุ (เทอมแรก คงได้ต่ำแน่ซะละมั้ง) ก็หวังไว้ว่าตั้งแต่เทอมหน้าไป จะปรับปรุงอะไรได้ดีขึ้น เพื่อจะทำให้ไม่ติดโปรหรือสถานหนักก็โดนไทร์อ่ะนะ

3. วางแผนการในอนาคตไว้คร่าวๆ หลังเรียนจบว่ายังไงบ้าง?
ก็คิดไว้นิดๆว่า จะทำงานตามบริษัทต่างๆก่อน แล้วพออยู่ตัว น่าจะกางปีกได้แล้ว บวกกับวางแผนจะเรียนโท คณะบริหารธุรกิจ จุฬาฯ (ยังเป็นมหาลัยในฝันที่อยากจะเรียนถ้ามีโอกาส) ก็คงจะมาทำบริษัทเอง หรือไม่แน่พ่ออาจจะเปิดธุรกิจทางด้านนี้ให้ ซึ่งต้องดูอนาคตอีกที

พูดถึงลาดกระบัง นิดนุง...
- ถึงจะบ้านนอก แต่ก็ยังพูดได้ว่า อยู่ในเขตกทม.นะคร้าบ... แถมยังเป็นมหาลัยที่มีการคมนาคมสะดวกหลากหลายทางที่สุดอีกด้วยนะนั่น (เร็วๆปีนี้ ก็จะมีรถไฟฟ้าแล้วล่ะนะ)
- โอ้โห เบิกเงินที ต้องขี่จักรยานไปนิคมฯ ไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ ราวๆ 5-6 กิโลได้เลย

ชีวิตการศึกษาของพี่วิน ได้อ่านแล้วทำให้ผมรู้สึกดี และมีกำลังใจนะครับ อย่างน้อยๆ แม้วิศวะจะไม่ใช่สิ่งที่ฝัน แต่มันก็เป็นทางที่ผมเลือกว่าดีที่สุด แล้วมันจะต้องดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ทั้งในวันนี้ และอนาคต ...ต้องขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟังเน้อ
 
 

โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:22:45:37 น.  

 
 
 
...


+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...


1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ

-- อยากอยู่เฉยๆครับ 5555...
ตอนเด็กๆดูหนังฮ่องกงเยอะมาก ตัวเอกในเรื่องนี่ไม่เป็น ตำรวจ ก็จะเป็น นักธุรกิจ หรือ พนักงานบริษัทเอกชน
ลองตรองดูถ้าเป็นตำรวจในไทยคงไม่เวิร์ก เลยกะว่าทำงานบริษัทดีกว่า
(อันนี้คือที่คิดจริงๆนะครับ ส่วนฝันแบบฝันหวานมีเยอะแยะไปตามเรื่อง ซึ่งไม่จริงจัง)


2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?

-- พยายามถือคติว่าทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพอ่ะครับ มีงานให้ทำและทำได้ก็โอเคแล้ว


3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

-- อ่านของคนอื่นๆแล้วรู้สึกเซ็งตัวเองเลยแฮะ
ไม่ค่อยวางแผนอะไรไว้เลยครับ คิดว่าทำเหตุดีผลมันคงตามมาดีอ่า
ไม่ได้มีอะไรที่คิดฝันว่าต้องทำเป็นพิเศษครับ ถ้าต้องทำจริงๆแล้วทำได้ก็คือทำ ไม่งั้นนี่ก็ยังไงก็ได้


ป.ล. อ่านคอมเม้นท์ +แรก ของคุณบลูยอทช์ เลยทำให้ผมนึกได้ว่าตกประเด็นหนึ่งไป คือ ไม่ได้ว่าถึงว่า "ห้วงคำนึงสุดท้ายก่อนตาย" มันเป็นแค่สิ่งชั่วคราวอย่างหนึ่ง
แต่ "กรรมที่ทำไว้ตลอดชีวิต" จะสำคัญที่สุดอยู่แล้ว
ก็หวังว่าคนอ่านคงพอเข้าใจนะครับ เหะ เหะ

 
 

โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:13:38:17 น.  

 
 
 
... ตอบ ... ตอบ #2
+ คุงช้าก : โอวว ... เปรี้ยวคับ เรียนสายวิทย์ แต่ไปสอบเอ็นท์สายศิลป์ อยากทำมั่งจัง
... ก็ขอให้ได้เป็นเจ้าของโชว์รูม 'รถแปลกๆ' (ผมว่าทางที่ดี ประดิษฐ์เอง แบบพวกเครื่องดูดหยากไย่, งอบไฮเทค, เคียวคอนโทรล ที่โชว์ในบล็อกคุงช้ากเลย จะแปลกกว่ามั้ยครับ? 555 ) ได้เร็วๆ นะคร้าบผม

+ คุณ ซซ (ย่อจาก เซะซี่ ป่ะเนี่ย อุๆ) : อุ๊บส์ ถิ่นเดียวกันเลยครับ หอพักผมตอนเรียนตรี ก็อยู่ซอยข้างๆ วัดปลูกฯ นั่นเอง
... อุๆ ก็เลยโดดงานไปนอนเล่นแถวโฮมสเตย์มันส์กว่าใช่มะคับ? เอิ๊กๆ

+ นู๋แปง : อุๆ พอเป็น circle of friends ... พอพี่ไปบล็อกไหน ก็เลยเจอแต่ฟ้านู๋แปง เต็มไปหมดเยยอ่ะคับ เอิ๊กๆ ... แต่ถ่ายได้สวยดีนะครับ
... อ่อ เรื่องร้าน 2 ร้านนั่น เก็ทแว้วคับ มันเป็นเช่นนี้นี่เอง

+ ครูอ้อม : อ้าว! เป็นงั้นไป ถึงขั้น 'ไม่เหมาะ' เลยเหรอครับ?
... ความสนใจและความใฝ่ฝันเยอะดีครับ ลองค่อยๆ ตามทีละฝัน คงจะเป็นจริงได้ซักฝันนึงแหละครับผม

+ น้องนัต-น้องคณะ : ก็ดีนะครับที่สิ่งที่กำลังเรียน ดูเหมาะกับนิสัยของนัตเอง สู้ต่อไปแล้วกันครับ
... แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ พี่ก็รออยู่เหมือนกันครับ ยืดสัญญาอยู่นั่นแหละ เลยไม่เสร็จกันซักที
... ต้องปั่นไปจริงๆ ครับ เพิ่งจะมามีตู้ ATM ตู้แรกที่หัวตะเข้ ราวๆ ตอนพี่อยู่ปี 3 มั้งครับ แถวต่อคิวยาวยืดเลยอ่า เพราะตอนนั้นมีแค่ตู้เดียว!

+ คุณนัท-คุง : อุๆ มะงั้นก็ไปรับจ็อบพิเศษเป็นเทรนเนอร์ศูนย์ฟิตเนสเป็นอาชีพเสริมแก้เซ็งจิคับ ... เห็นชอบออกกำลังกายนี่นา อุๆ
... แค่ที่คุณนัท-คุง พยายามเอาธรรมะมาเผยแผ่แก่ชาวบล็อก บุญกุศลก็ก่อเกิดแล้วล่ะครับผม ... นี่ผมก็อายนะเนี่ย ตั้งกรุ๊ปธรรมะในบล็อกตัวเองไว้ตั้งชาติกว่าๆ แล้ว จนป่านนี้ยังไม่ได้เขียนเนื้อหาลงไปซักกะหน้านึงอ่า เหอๆๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:15:05:25 น.  

 
 
 
สอบเสร็จแล้ว ดีใจชะมัด
สงสัยตอนนี้ esnips มีมาตรการกวดขัน ตัดเลงแล้วมั้ง
แย่ชะมัด...โถ่ถัง แล้วทีนี้จะไปเวบไหนดีล่ะเนี่ย
 
 

โดย: Unravel วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:22:33:56 น.  

 
 
 
อ่านแล้วคิดถึงตัวเองเยอะเลยแหละ

พี่เองจริงๆ ก็ก้ำกึ่งนะ เรียนสายวิทย์มาได้ค่อนข้างดีมาก แต่เลือกมาเรียนวารสารฯ เพราะคิดว่าตัวเองชอบ จริงๆ เมื่อมาศึกษาทีหลัง ถ้าตัวเองได้เรียนอักษรฯ น่าจะทำได้ดีกว่าดีนะ แต่ตอนนั้นคิดว่าอักษรฯ น่าจะหางานยากกว่าไง



อืมม์..

ชีวิตคนเราก็อย่างนี้แหละนะ



คิดถึงจ้ะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:10:24:22 น.  

 
 
 
เวรกรรม
ปกติโหลดเพลงจาก esnips นะเนี่ย
 
 

โดย: nanoguy วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:17:37:50 น.  

 
 
 
^
^
ไม่เป็นไรแระ มันจิตใจรวนเร
เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดี
 
 

โดย: Unravel วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:15:22:16 น.  

 
 
 
กรณีศึกษาที่ 4 : ตัวผมเอง

ความใฝ่ฝันเมื่อครั้งยังเด็ก : เนื่องจากเป็นพี่คนโต พ่อแม่ไม่ได้จบการศึกษาสูง พ่อแม่จึงไม่ได้บังคับอะไรและไม่มีใครให้คำปรึกษา จึงไม่เคยมีความฝันใดใด รู้สึกเหมือนตัวเองเคว้งสุดสุด

สถานะ : ตอนเรียนมัธยม อยู่ในสถานะกลางๆ ชอบ เรียนเลข มาก เพราะไม่ต้องท่องจำใดใด

ผลการสอบเอ็นท์ฯ :

ตอนม.4 ... เลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะเป็นคณะสุดฮิตในตอนนั้น พอๆกับคณะ แพทยศาสตร์ แต่เนื่องจากตัวเองไม่ชอบการท่องจำอย่างมาก จึงเลือกคณะนี้ - ไม่มีการเตรียมตัวใดใด ผลคือสอบไม่ติด

ตอนม.5 ... เลือกคณะเหมือนเดิม โดยลอกจากเพื่อนหมดทุกอันดับ (อย่างที่บอก ตอนนั้นเคว้งสุดสุด) - มีการเตรียมตัว อย่างเข้มข้นเหมือนกัน ผลคือสอบติดอันดับ 4 บริหารธุรกิจที่ เกษตรศาสตร์ ก็เลยตกลงปลงใจไปเรียน เพราะอยากลองอะไรที่แปลกใหม่ สุดท้ายไม่ชอบ เลยไปเอ็นใหม่ และคณะที่มีวิชาสอบน้อย เพราะจะได้อ่านหนังสือได้ทัน และสู้กับเด็กที่จบ ม.6 ได้ คือ คณะสถาปัตย์

งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่ :
ถึงแม้ว่า การมาเรียนในสาขานี้ จะมาจากการที่ตัวเองเคว้งไปเคว้งมา สุดท้ายก็รู้สึกดีใจที่ตัวเอง มาถูกทางและได้ทำงานที่ตัวเองรักและสนุกกับมัน (ถึงแม้ว่าจะต้องหนักในการทำงานอยู่)

แต่ก็รู้สึกว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็พยายามอย่างมากเหมือนกัน

อนาคต :
ก็คิดว่ายังจะทำต่อไปนะ ถ้ายังมีคนจ้างอยู่ 555

 
 

โดย: fzero วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:20:21:33 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายนะคะพี่วิน

หื้อ! แอบอ่านอคอมเม้นท์ของพี่โจ

ตอนนี้ หนูชอบ สถาปัตย์มาก บางครั้งความชอบก็ไม่เกี่ยวกับว่าเราทำได้ดีใช่ไหม?
หนูชอบอ่านหนังสือตกแต่งบ้าน แต่หนูเป็นคนวาดรูปไม่สวยมากๆ ไม่มีทักษะด้านนี้จริงๆ หุหุ

ชอบ....
+นิ้วกลม (นิ้วกลมเรียน ถาปัด จุฬาฯ)
+คุณจิกถาปัดอีกเหมือนกัน
+พี่โจ^^

เอ๊ะ! หนูเป็นอะไรกับหนุ่มถาปัดเนี่ย 55

ปล.รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่วิน

 
 

โดย: pangz วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:10:47:50 น.  

 
 
 
แว้บบบบ...
มาเยี่ยมก่อนหนีไปแอ่วปายวันพรุ่งนี้
ฮิฮิ
 
 

โดย: Unravel วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:11:43:39 น.  

 
 
 
คุณบลูยอชท์คะ

แอบเข้ามาอ่านค่ะ
เป็นเรื่องที่อยากรู้มานานแล้วค่ะ ว่าเด็กไทยเอ็นท์กันยังไง แล้วก็อยากรู้ว่าแต่ละคนเลือกทางชีวิตกันยังไง
คงไม่ใช่ตัวเราคนเดียวที่สับสนกับทางเดินชีวิตใช่มั้ยคะ

บล็อคนี้คงไม่ได้เป็นประโยชน์แค่กับน้องๆที่จะเอ็นท์อย่างเดียวมั้งคะ รู้สึกดีจังเลยค่ะที่ได้รับรู้ประสบการณ์ช่วงรอยต่อของชีวิตคนอื่นๆที่ต่างกับตัวเรา180องศา ได้รับรู้ความคิดและมุมมองชีวิตแปลกใหม่

ไว้ขอแวะเข้ามาเยือนยามเหงาอีกนะคะ
 
 

โดย: R on (S)T IP: 220.157.181.242 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:19:12:02 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #3
+ เจ๊เต้ย : โห! เจ๊เจ๋งนะครับเนี่ย ... เชี่ยวอักษรฯ แต่จบวารสาร ... แล้วมาทำงานไกด์ แต่ตอนนี้กลายเป็นคุณครูสอนเด็กๆ (แถมบางคนก็เป็น 'เด็กเวร' 555)
... ใช่ครับเจ๊ ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้ ... อย่างน้อยผมก็นับถือในความกล้าที่จะก้าวออกจากชีวิตแบบเดิมๆ ไปสู่ชีวิตใหม่ในรูปแบบที่เจ๊รักแหละครับ
... คิดถึงเช่นกันครับผม (แล้วอย่าหายไปนานถึง 3 อาทิตย์ แบบหน้าที่แล้วที่ทิ้งไว้อีกน้า)

+ ตี้ / ต้น : แหะๆ เรื่องโหลดเพลง พี่แบ๊ะๆ เลยอ่ะครับ ปรึกษาเจ้าเติ้งแล้วกันเน้อ

+ เพื่อนโจ : โห! แต๊งค์หลายๆ นะครับ อุตส่าห์มาเขียน กรณีศึกษาที่ 4 ให้อ่าน (แถมก๊อปสไตล์การเขียนของป๋มมาอีกต่างหาก หุๆ)
... สรุปว่า เพื่อนได้มาเป็นสถาปนิกนี่ เพราะเคว้งและมั่วมาเหรอคับเนี่ย? เหอๆ ........ (ล้อเล่งเน้อ)
... ผมว่าดูจากนิสัย (เท่าที่รู้) และความถนัดของเพื่อน ... เพื่อนก็เหมาะจะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีแล้วนี่ครับผม

+ นู๋แปง : อุๆ จะไปสุราษฎร์ ไม่มีโน้ตบุ๊คใช้แล้วมะใช่รึเนี่ย? ยังอุตส่าห์แว้บเข้ามาเม้นต์นะจ๊ะ
... อาการอย่างงั้น เค้าเรียกว่า "ตกหลุมรัก" หนุ่ม'ถาปัตย์มั้งคับ อิๆ

+ นายต้น : แอ่วปายให้หนุกหนานเน้อ (แต่คงจะหนุกอยู่แล้วนี่ ก็เล่นเอา 'อ่างปลาทอง' ไปล่วย 555) พี่โหลดหน้าบล็อกต้นมาตั้งแต่เช้าล่ะ แต่ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ตอบไปได้ 2 หน้าเองอ่ะคับ เอิ๊กๆ ... ตอนนี้เหลือเดอ หิมาลายา อีก 2 ตอน แต่วันนี้ก่อนกลับบ้าน ตอบเสร็จแน่นอนครับพ้ม
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:19:23:39 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #3.5
+ คุณ R on (S)T : เอ๋! อ่านที่คุณเขียนไว้ เหมือนคุณ R ไม่ได้ผ่านระบบการเอ็นท์ฯ แบบเด็กไทยทั่วๆ ไปรึป่าวคับเนี่ย?
... ยินดีที่ได้ใช้พื้นที่เล็กๆ (ยืมสำนวนนู๋แปงใช้หน่อยนะ) ตรงนี้ ในการแชร์ประสบการณ์และสิ่งดีๆ ร่วมกันครับ (แต่ไม่รู้ซีเรียสไปหน่อยรึเปล่านะเนี่ย เหอๆๆ)
... ขอบคุณสำหรับการแวะมาเยี่ยมเยียนกัน ยินดีต้อนรับเหมือนเซเว่น (ตลอด 24 ชม.) เลยคร้าบ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:19:42:44 น.  

 
 
 


กุดอี๊ฟนิ่งพริมโร๊สออย ..คุณบลูหยอด ยอดคอมเม๊งเตเต้อ

ดองบลอกเน่าหนอนชอนไช.. ..มะไหร่จะอัพบลอกง่ะคะ ?



 
 

โดย: ซซ วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:20:03:49 น.  

 
 
 



อ่านเพลินไปเลย .. ช่างรำลึกขุดอดีตจังเน๊าะ

 
 

โดย: ดาวทะเล วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:15:26:44 น.  

 
 
 
เหอๆๆ ตอนนี้กำลังพยายามอัพของเดือนกันยาอยู่ อุอุ
 
 

โดย: nanoguy วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:17:15:04 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #4
+ คุณซซ โซโซ เซะซี่ : อุๆ บล็อกกะพ้ม มีปัญญาอัพสปีดได้สัปดาห์ละ 1 หน้าบล็อกเท่านั้นแหละครับ (แค่นี้ก็แย่แล้น) ... ดังนั้น คงต้องรอให้หน้านี้เหม็นเปรี้ยว ส่งกลิ่นบูดอีกสักนิด (จริงๆ คือกำลังจะร่างโครงหน้าถัดไปอยู่) ... คาดว่าคงจะได้โพสต์ลงราวๆ สายๆ วันพรุ่งนี้เป็นอย่างเร็วหรือไม่ก็วันพฤหัสเป็นอย่างช้าน่ะครับผม
... ถ้าตัดสินใจไปแอ่วเจียงใหม่เจ๊าเจงๆ ก็อย่าลืมมาเขียนแฉตะเองที่บล็อกด้วยเน้อค้าบ เอิ๊กๆ

+ คุณปุ๊ก : แหะๆ แถวนี้ 'ช่างขุด' เยอะครับ (ไม่เชื่อลองนับคนที่เขียนๆ กันข้างบนดูจิคับ มีคนอยากเป็น นักโบราณคดี ตั้งหลายคนแน่ะ อุๆๆ)
... และยินดีสำหรับการเปิดบ้าน (บล็อก) รอบใหม่ ต้อนรับเพื่อนๆ ชาวบล็อกอีกครั้งนะคร้าบ

+ เจ้า(ที่)ตี้ : เฮ้ย! จริงด้วย นี่มันข้ามมาอีกเดือนแว้วนี่นา (เหมือนเพิ่งจะได้อ่านหนังเดือนที่แล้วของตี้ไปแหม็บๆ 3 หน้าบล็อก หุๆ) ... แต่รอบนี้ปิดเทอม คงทำคลอดง่ายกว่า 3 หน้านั้นมังครับ ... แล้วจะรออ่านที่บล็อกตี้เน้อ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:19:17:24 น.  

 
 
 
พี่วินครับ ผมชอบบล็อกนี้ของพี่มากเลยครับ

เพื่อความเท่

ผมขอเตรียมตัวมาตอบอีกครั้งน่ะครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:19:52:38 น.  

 
 
 
กลับมาตอบแล้วครับ

ผมคงจัดอยู่ในกลุ่มนี้ครับ

+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...
1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ

เด็กๆผมฝันอยากเป็นคนขายเกมส์ในห้างครับ อาชีพอะไรที่จะดีกว่านี้ นั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน ( เมื่อก่อนผมเป้นเด็กติดเกมส์ ครับ )

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?

เป็นงานที่ผมรัก แต่ถ้าถามว่าถนัดมากไหมคงต้องตอบลำบาก เนื่องจากตัวเนื้องานเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อหาความรู้ และ ความเป็นวิชาการ ตัวผมไม่ใช่คนที่ชอบเรียนอะไรเครียดๆมากนัก

3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

ผมคงเป็นหมอนี่แหละครับ ไปเรื่อยๆถ้าไม่โชคร้ายถูกคนไข้ฟ้องเอาซะก่อน ส่วนปีหน้าเจอกันในบ้าน AF ครับ


ด้วยรักและเคารพ

:->m'26

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:21:57:42 น.  

 
 
 
ไม่ว่าจะเคว้งหรือมั่ว แต่เราขอเรียกมันว่า ฟ้าลิขิต แล้วกัน



(คล้ายๆกับฟ้าคำราม)

ปล. อยากจะบอกแปง (และทุกๆคนด้วย) ว่า เรียนสถาปัตย์ ไม่เกี่ยวกับการวาดรูปเลยครับ อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์และ 'ความอึด' ดังนั้น ถ้าชอบก็ทำเถอะครับ แต่อย่างที่บอกต้องมีความอดทนสูงมาก หรือ มากที่สุด
 
 

โดย: fzero วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:22:09:07 น.  

 
 
 
เรื่องเพลงที่บลอกผมนั้น

เพลงนี้ ได้ฟังครั้งแรกแล้วชอบเลย
...เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน..... (เสียงเพลงแว่วมา)
ได้แต่คิดว่าทำได้ด้วยเหรอ

แล้วพอไปดูหนังมา เลยได้รู้ว่าเป็นเพลงประกอบ...เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นจากเพื่อนนะ ชอบพลอตเรื่อง แต่ดูนางเอกชอบพระเอก ง่ายไปหน่อย แต่ก็อย่างว่าแหละ หนัง 2 ชั่วโมง โดยส่วนตัวแล้ว ก็ผ่านนะ

ผมจั๊กจี้ตรง......เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน..... มากกว่า

ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็น เนื้อเพลง และ ผู้อาศัย(บล็อก)ที่ดี

 
 

โดย: fzero วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:22:20:57 น.  

 
 
 
มาส่งพี่วินเข้านอนค่ะ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:22:33:36 น.  

 
 
 
ขอบใจคุณบลูยอชท์ไปแล้วที่บล๊อกของโจ fzero แต่เพื่อมารยาทอันดี(งามสุด ๆ ของพี่โตส .. อิอิ)
ก็เลยตามมาขอบคุณที่บล๊อกอีกครั้งจ๊ะ ที่ช่วยตอบคำถามไว้ในบล๊อกของโจ
พี่โตสได้กลับไปเที่ยวไทยเมื่อไหร่ ต้องไปหาซื้อมาเก็บไว้ฟังแน่นอน
เพราะชอบเสียงร้องขอบนักร้องชายเค้าจริง ๆ แหละค่ะ (เค้าออกเพลงของเค้าเองหรือเปล่าคะเนี่ย .. ได้โอกาสถามต่อเลย .. เหะๆ)

แล้วพอเข้าบล๊อกคุณวินมา (ตากวาดไปเจอน้องข้างบนเรียกชื่อคุณวินพอดี)
ก็หูย..... มีไรให้อ่านเยอะจริง ๆ เล๊ย..... แต่... น่าสนใจดี อยากอ่าน
เพราะงั้น ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้ พี่โตสต้องกลับมาอ่านดูแน่นอน
สำหรับตอนนี้ ขอขอบคุณสำหรับคำตอบและไมตรี ที่ทิ้งไว้ให้ในบล๊อกของโจ ก่อนละกันนะคะ

อ้อ.... อย่าเรียกพี่ว่า "คุณพี่โตส" เลยนะคะ .. ฟังแล้วจักจี้น่ะจ๊ะ
เรียกว่า "พี่โตส" เฉย ๆ ดีกว่า .. ฟังดูเป็นคนธรรมดาเดินดินดีกว่า เนอะ
 
 

โดย: Chini วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:5:07:33 น.  

 
 
 
ย่องมาเงียบ ๆ ค่ะ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:18:17:49 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #5
+ น้องหมอตั้ม : โอววว ... แค่น้องหมอบอกว่าชอบหน้าบล็อกนี้ พี่ก็เป็นปลื้มยิ้มแทบไม่หุบแล้วอ่ะครับ
... หุๆ จากว่าที่คนขายเกมส์ มากลายเป็นหมอ ชีวิตนี้ช่างพลิกผันเจงๆ เนอะครับ
... กร๊ากกก คนไข้แถวนั้นคงไม่กล้าฟ้องมั้งครับ (ชาวบ้านในจังหวัดไกลๆ น่าจะเป็นมิตรกับหมอมากกว่าแถบเมืองใหญ่) ถ้าไม่ร้ายแรงจริงๆ ประเภทไปลืมมีดผ่าตัดไว้ในท้องเค้า อะไรเงี้ยะ เหอๆๆ
... ถ้าน้องหมอได้ไป AF5 เด๋วพี่จะเกณฑ์ผู้คนในบล็อกไปรอโหวตให้นะคร้าบ 555

+ นู๋คูอ้อม : อุๆ คงต้องส่งที่หน้านี้อีกสักพักแหละจ้ะ หน้าใหม่ยังร่างไม่เสร็จเลยอ่า

+ เพื่อนโจ : เป็นยุทธการ 'ท้าฟ้าลิขิต' ที่เจ๋งเป้งมั่กๆ ครับ
... คริๆ ถ้าตอนเมาๆ ไม่รู้เรื่อง ก็อาจเกิดได้ทั้งการ "จุมพิตโดยไม่รู้จักกัน" หรือ "สมรสโดยไม่มองหน้ากัน" ละมั้งครับ เหอๆๆ

+ เจ๊โตส : ผมเข้าไปเยี่ยมเยียนและเขียนเม้นต์ (ซะยาวยืด) รวมทั้งตอบคำถามที่เจ๊ถาม ที่บล็อกเจ๊แว้วนะครับ
... ถ้าเห็นกันที่บล็อกเพื่อนโจ ก็ทักทาย & แซวได้ตามสะดวกเน้อคร้าบเจ๊
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:19:32:22 น.  

 
 
 


สมัยเด็ก เราไปซื้อที่ภราดร สะดวกกว่าเข้าเมืองไปเจริญรัตน์น่ะ เอิ๊กๆ
แต่พอเรียนมัธยม ก็เปลี่ยนไปซื้อร้านชมอักษร (ตรงตลาดหน้าบุญวาทย์)
ร้านที่ไม่ค่อยได้อุดหนุนเลย ก็คงเป็นศิริกมล กับเพ็ญทรัพย์ เพราะไม่ผ่านทางโคจร 55
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:22:31:10 น.  

 
 
 
กลับมาเก็บความรู้ใหม่ ๆ (สำหรับพี่โตส) เพราะเท่าที่ผ่านมาในชีวิต
พอพูดถึงคำว่า "เอนทร๊านซ์" ที่พี่รู้ มันก็คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัย
(แค่นั้นแหละที่รู้ .. จริง ๆ นะ)
จะเพราะอะไรก็คงจะเดาได้ ว่าพี่ไม่เคยผ่านการ"เอนสะท้าน"เลย
(ไม่ชอบอารมณ์นี้เท่าไหร่ มันลดความมั่นใจในตัวเองยังไงไม่รู้)
บังเอิญว่า พี่โตสเป็นคนเรียนดีมาแต่ไหนแต่ไร
(อ่าว.. พูดจริงดิ ไม่ได้คุยโวโอ้อวดเลยล่ะ .. หึหึ)
(แต่ดูท่าจะดีไม่เท่าวินนะเนี่ย .. ท๊อปโฟร์ของห้องคิงเลยนี่นา
พี่โตสล่ะเคยไฝ่ฝันมากเลยนะห้องคิงเนี่ย
แต่ทำได้แค่ควีน ... เพราะสวยเกินที่จะอยู่ห้องคิงได้น่ะจ๊ะ .. หึหึ)
ดังนั้น พอจบปวช.เซนต์จอห์นปุ๊บ หนึ่งเดือนต่อมาก็ได้งานเลขาผจก. ทำเลย
(เงินดีเชี่ยะ เรื่องไรไม่ทำล่ะเนอะ) และก็นี่แหละ เพราะงั้นเป้าหมาย
สำหรับใบปริญญาของพี่โตส ก็มุ่งไปที่การเป็นลูกของพ่อขุนฯ
โดยที่ไม่ต้องคิดไรมากมายเลยล่ะ
(รักพ่อขุนฯ มากมาย จน"เกือบ" จะเป็นลูกพ่อท่านไปตลอดชีวิตแน่ะ
แต่ดีที่พ่อท่านไม่ได้รักพี่โตสมากมายนัก ก็เลยถีบพี่ออกมาจากอกท่านจนได้ ..
ฮู่ว... กว่าจะจบมาได้ เล่นเอาเหงื่อตกซิก ๆ เลยล่ะวินเอ๋ย........)

เพราะงั้น การได้มาอ่านบล๊อกของวินวันนี้ .. มันเป็นอะไรที่พูดได้อย่างไม่อายปากว่า
พี่โตสได้มาเก็บเกี่ยวความรู้ใหม่ ๆ จริง ๆ ล่ะ .. และเป็นการเก็บความรู้ใหม่ ๆ จาก
"เซียน"เอนทรานซ์ตัวจริงซะด้วยสิ เพราะพี่โตสไม่เคยใส่ใจกับเรื่องนี้เลย........จริง ๆ
ว่าเค้าทำไงกัน มีกฎอะไรยังไงกันหรือ ..
(ก็วินเล่นเอ็นท์ตั้งแต่ม.สี่ เลยอย่างเนี้ย ถ้าพี่โตสไม่เรียกว่าเซียน
แล้วจะให้เรียกว่าไรล่ะ จริงมะคับ .. ส่วนคนที่เอ็นท์แล้วเอ็นท์อีก เอ็นท์อยู่นั่น
เอ็นท์มันกระจาย.. พี่ไม่รวมอยู่ในคำว่า "เซียน" นะ ..
ขอโทษด้วยนะคะ .. ความเห็นส่วนตัวค่ะ โปรดพิจารณา)

แล้วก็ยังได้รู้ว่า ที่แท้วินก็เป็นเด็กที่คลอดก่อนกำเนิดนี่เอง....... อืม.... พี่โตสหมายถึง
เรียนจบไวน่ะจ๊ะ .. ก็เล่นเข้ามหาลัยตั้งแต่ตอนที่เพื่อน ๆ เค้ายังเรียนม.ปลายอยู่เลยนี่นา


อ่านกรณีศึกษาของเพื่อนวิน .. แล้วก็ทำให้นึกถึงประโยคที่เราได้พูดได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า
มีคนไม่กี่คนในโลกนี้หรอก ที่ได้ทำงาน และทำตาม "ความฝัน" ของตัวเองจริง ๆ

แล้วพอได้เรียนรู้ความฝัน (ในวัยเยาว์) ของวิน .. ใจก็คิดไปแต่ว่า.....
"ไอ้น้องคนนี้มันช่างฝัน .. ขยันฝันจริง ๆ ว่ะ"
แล้วก็พยายามนึกถึงความฝันของตัวเองในตอนที่ยังอยู่ใน "วัยช่างฝัน" อยู่
ก็ได้มาแค่ "ฝันเดียว" (ที่จำได้) คือ .. อยากพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษา
แค่นั้นแหละ ... ความฝันของพี่โตสตอนนั้น .. จริง ๆ นะ

ส่วนเรื่องการได้สามีเป็นฝรั่งเนี่ย .. มันอยุ่นอกเหนือความฝัน (ไกลโพ้น.......) เลยนะ
แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะ .. มันเป็นเรื่องของ ... อาจเป็นเพราะเรา .. คู่กันมาแต่จ๊าดไหน...

เพิ่งจะได้รู้ก็วันนี้แหละว่า .. เค้ามีเอ็นท์เล็ก เอ็นท์ใหญ่ กันด้วยหรือเนี่ย.....
ของพี่โตสเอ็นเล็กใหญ่ก็ได้ ... แต่เอาพิเศษ ใส่เอ็นเยอะ ๆ นะเฮีย !!

ความเห็นพี่โตส ในกรณีศึกษาที่สาม ... อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่ชอบให้ลูกหลาน
ทำตามความฝัน "ของพ่อแม่ผู้ปกครองเอง" ทั้งหลาย ได้มาอ่านกรณีศึกษาอันนี้จัง

อยากเล่น .. งั้นเล่นล่ะ

+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...

1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ
# ตอบไปแล้ว แต่ตอบอีกก็ได้ .. พี่โตสไม่ได้อยากเป็นอะไรเลยนะ
นอกจากอยากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเจ้าของภาษาเค้า
และความฝันนี้ ขอบอกว่า พี่โตสมีมาตั้งแต่เด็ก ๆ จริง ๆ นะวิน
จำความได้ตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรกในชีวิตเลยล่ะ

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?
# ตอนนี้เป็นแม่บ้านเต็มตัว .. ซึ่งพี่โตสก็ถือว่าเป็นงานอย่างนึงเหมือนกัน
ตอบว่า รักและถนัดกับงานนี้(แล้ว) และทำได้ดีมาก ๆ ด้วยนะ (ไม่เชื่อถามโตมัสสิ)

3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า?
หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว
# ก็คงเป็นเมียและแม่บ้านโตมัสจนตายจากกันไปข้างนึงแหละจ๊ะ
แต่มีความฝันหลังโตมัสเกษียรนะ .. ซึ่งก็คล้าย ๆ กับหลาย ๆ คน
คืออยากเปิดร้านกาแฟแอนด์เบเกอร์รี่เล็ก ๆ น่ารัก ๆ บรรยากาศสบาย ๆ
ไม่ได้กะทำรวย .. แต่อย่างน้อยให้ได้กำไรให้ชื่นใจและสนุกกับมันไปจนตาย
สาธุ๊..............หนูขอไม่มากเกินไปใช่ไม๊คะ

ปล. (คิด) ... แก้แค้นเม้นท์สำเร็จไม๊เนี่ยชั้น .. อิอิ ..

ปล. (สำหรับวิน) พี่โตสรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกล่ะที่เข้ามาขอบใจวินถึงที่บล๊อกเนี่ย

ปล. (ถาม) ว่าแต่ว่า ไอ้ A-net , O-net อะไรนั่นน่ะ มันคืออะไรกันอ่ะคับ

ปล. (อีกอันน่านะ) พี่โตสอาจจะดูเหมือนจะเป็นพวกบ้าคุยไปวัน ๆ แต่ ...
ถ้ามาสาระเครียด ๆ กับพี่ล่ะก็ ..... พี่ช๊อบ.......ชอบล่ะ (อันนี้จริงอีกแหละ)
 
 

โดย: Chini วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:23:18:56 น.  

 
 
 
ลืม ๆ ๆ ๆ ๆ .. ลืมถึงสาเหตุที่ทำให้เราได้คุยกัน

เรื่องนักร้องชื่อป๊อบ ที่พี่โตสไปหลงเสียงของเค้าในบล๊อกของโจนั่นน่ะ
เพื่อนที่แสนดีของพี่โตส (พี่น้อย kenปุกลุก) เค้าได้ไปเห็นเม้นท์ที่พี่โตสพูดถึงเพลง
ในบล๊อกโจของโจเข้า เค้าก็เลยส่งเพลงอีกเพลงที่นายป๊อบเค้าร้องไว้
(เพลงคนไม่เข้าตา) และพร้อมกับส่งรูปของนายป๊อบมาให้ดูด้วย
ดูรูปแล้วก็ต้องเขย่าหัวตัวเอง ... เพราะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เพราะพี่แกไม่ใช่แค่อวบอย่างเดียว .. แต่น่ากลัวอีกต่างหาก
(ทั้งหุ่นและหน้าตา ไปเล่น american football ได้สบายเลยนะนั่น)
แต่ ..... พี่โตสก็ฟังเพลงของเค้า (ที่เพื่อนส่งมาให้) อย่างเคลือบเคลิ้มไปสามรอบเลยล่ะ
(ไม่มองรูปเค้าตอนฟังเพลง .. หัวมันก็เคยคิดไปเอง (แบบไม่ได้ตั้งใจ) ถึงชายหนุ่มหล่อเท่ห์
ที่กำลังร้องเพลงนี้อยู่ .. แล้วก็ต้องสะบัดความคิด เข้ามาสู่ความจริงว่า ...
ไม่ใช่คนนั้นนังโตส ... แต่เป็นพี่อวบคนนี้........ )
ผู้ชายอะไรไม่รู้ เสียงกับลุคไม่ได้เข้ากันเล๊ย...... แต่ถึงแม้จะเห็นหน้าแล้ว
พี่โตสก็ยังหลง......... เสียงเค้าอยู่ดีแหละ .... ชอบเอาซะมาก ๆ จริงจังเลยนะเนี่ย

ขอบใจวินอีกครั้งนะครับ สำหรับข้อมูลเรื่องเพลงที่ไปบอกพี่โตสถึงบล๊อก
 
 

โดย: Chini วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:23:51:28 น.  

 
 
 
ตอบ ... ตอบ #6
+ น้องหมีชุน : ของพี่ เนื่องจากบ้านอยู่กลางเมือง ดังนั้นสมัยก่อนก็เลยวนเวียนซื้ออยู่แต่แถวพวก เจริญรัตน์ นิวเจริญรัตน์ อะไรเทือกๆ นั้นแหละจ้า

+ เจ๊โต๊ส : อู๊ววว ... ตอบได้ยาวสะจายจอร์จมั่กๆ ฮับ อ่านเพลินเยย
... ตอนนี้เจ๊ก็ทำได้มากกว่าฝันแล้วนี่ครับ นอกจากเชี่ยวอังกฤษ แล้วยังต้องรู้สแปนิชอีกต่างหาก (นี่เป็นอีกภาษานึงที่ผมว่าจะไปเรียนเหมือนกัน เพราะอย่างไปแบ็คแพ็คทวีปเมกาใต้!) ... ถ้าได้ไปจริง จะแวะไปเยี่ยมเจ๊ที่อาร์เจนติ๊นา นะฮับ

... เอ่อ A-net, O-net อะไรเทือกเนี้ยะ ผมไม่ค่อยทราบรายละเอียดเหมือนกันครับ ต้องถามเดะๆ รุ่นใหม่ๆ ดูอ่า แหะๆ

... คุณป๊อป แคลอรี่ฯ เค้าอวบอึ๋ม แต่เป็นพันธุ์เสียงเพราะ เขย่าต่อมโรแมนติคให้สาวๆ เคลิบเคลิ้มเจงๆ ครับ ... ผมได้ดู MV ของเพลงไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอในทีวี ยัง โอ้โฮ ... เสียงพี่แก ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อุๆๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:12:01:26 น.  

 
 
 
มาช้าตลาดวายไปซะแล้ว แต่อยากจะแชร์ความคิดเห็นน่ะค่ะ อิอิ

+ ถ้าคุณเรียนจบ และทำงานแล้ว ...
1. ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไรกันบ้างเหรอ? อยากรู้อ่ะ

เหมือนจขกท เลย อยากเป็นนักบินอวกาศค่ะ ตอนม.ต้นเก่งวิทยาศาสตร์ ชอบด้วย แล้วครูที่สอนวิทย์ ชอบมีเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้มาเล่าให้ฟัง
เลยกลายเป็นความใฝ่ฝัน

2. งานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นงานที่คุณรักและถนัดที่จะทำใช่หรือไม่?

งานที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นงานที่รักแล้วก้อถนัดที่จะทำค่ะ ตอนนี้เป็นวิศวกรไฟฟ้า ทำงานด้านอิเลคทรอนิกส์ค่ะ ปล.แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี บริษัทกำลังแย่หล่ะ T_T

3. อนาคต คุณคิดจะทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไปจนเกษียณเลยหรือเปล่า? หรือมีแผนการอย่างอื่นเตรียมไว้แล้ว

เอาจริงๆเลยนะ แหมเขิน อยากทำงานอีกซักห้าปี แล้วแต่งงาน อยู่บ้านเลี้ยงลูก ฮ่าฮ่า แล้วให้แฟนหาเลี้ยง พอลูกโต ค่อยกลับไปทำงานต่อ คงทำงานแบบเดิมแหละ เพราะเป็นงานที่รักแล้วก้อทำมันได้ค่อนข้างดี (คิดว่านะ)

เราโชคดีอยู่อย่างค่ะ ที่บ้านไม่เคยบังคับ ทุกอย่างในชีวิตตัดสินใจด้วยตัวเองหมด ไม่เคยคิดเสียดายหรือเสียใจอะไรด้วย
 
 

โดย: vanilla IP: 76.102.197.185 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:14:42:54 น.  

 
 
 
แย่ไปไหม.. ไม่เคยอยากได้ อยากเป็นอะไร จริง..จริงซ้ากที

--'
 
 

โดย: สี่ทิศ IP: 58.8.65.225 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:16:36:35 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

บลูยอชท์
 
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add บลูยอชท์'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com