ใคร่เขียนก็เขียน ใคร่อ่านก็อ่าน ขยันก็ทำ ไม่ขยันก็หยุด ว่างก็ยุ่ง ไม่ว่างก็ยุ่ง
Group Blog
 
 
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

มินิซีรี่ย์ โคล่า-ลาเต้ ตอนที่ 1 ที่มา ลาเต้

ตอนที่ 1 ที่มา ลาเต้

มหาวิกฤติน้ำท่วมปี 2554 ที่ผ่านมาสร้างความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานให้กับชาวประชาหลายแสนเรือนล้าน
หายนะอุทกภัยที่เกิดขึ้นจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัยใหญ่หลวงที่อุบัติไม่เว้นชีวิตใดๆ

แมวน้อยเพศผู้วัยทารก กำลังรอความช่วยเหลืออยู่ ณ มุมหนึ่งของเมืองกรุง
ท่ามกลางกระแสธาราที่หลากหลั่ง ท่ามกลางสายฝนโปรยในคืนเหน็บหนาว ท่ามกลางวิกฤติที่ทางออกดูจะไกลตาเหลือเกิน

ปลายเดือนตุลาคมปีนั้น ภาพลูกแมวน้อยถูกนำขึ้นกระทู้ ณ เมืองหลวงโลกไซเบอร์ของไทย เพื่อร้องขอความเมตตาเร่งด่วน
พลันนั้น หญิงงาม(น้อย)หัวใจสลายเพราะสูญเสียลูกสาวสุดที่รัก ได้ตุหลัดตุเหร่ เร่มาประสบพบพาน เด็กแมววัยเยาว์

นางผู้นั้นติดต่อหญิงงาม(น้ำใจ)เจ้าของกระทู้ทันใด เพื่อสอบถาม และแสดงเจตนาในการรับอุปการะลูกแมวหนีน้ำ
นางจึงได้ทราบว่า เจ้าตัวน้อย เป็นลูกชายสุดท้องของแม่แมวสายพันธ์ดีที่บังเอิญพลาดพลั้งเสียทีกับชายหนุ่มไม่ทราบที่มา
เจ้าตัวน้อยๆ ป่วยด้วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ขณะนี้ทางบ้านไม่อาจเยียวยาได้เพราะกำลังติดพันสงครามกับนทีกราดเกรี้ยว

นางผู้หัวใจหล่นหาย ทราบความจึงติดต่อขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายที่มีอยู่ ณ เมืองกรุง ให้ทำภาระกิจช่วยเหลือลูกแมวเร่งด่วน
เมื่อทีมช่วยเหลือเข้าถึงตัวเจ้าแมวน้อย จึงได้รู้ว่า ลูกแมวเจ็บป่วยเกินกว่าที่ประเมินไว้ กลางดึกคืนนั้นเจ้าตัวน้อยจึงต้องอยู่ในอุ้งมือหมออย่างใกล้ชิด

นางแปลกหน้ากังวลใจกับข่าวเจ็บไข้ของลูกแมวยิ่งนัก พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากมิตรสหายเพื่อนำส่งเด็กแมวให้ถึงมือนางเร็วไว
อนิจจา ภาวะวิกฤติทำให้ความช่วยเหลือไม่อาจเป็นไปได้อย่างใจหวัง แต่....ปลายทางมืดมิด มีแสงสว่างเสมอ
สาวสวยใจดี ที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพูดคุย เสนอตัวเป็นสารถีขนส่งลูกแมวจากเมืองกรุงมุ่งสู่เมืองกาญจน์ ราวปาฏิหาริย์

รุ่งขึ้น”ลูกแมว” เดินทางออกจากคลีนิคย่านทาวน์อินทาวน์ ปลายทางคือเมืองหน้าด่านกาญจนบุรี
ชะตากรรมของ “ลูกแมว” (ชื่อ ณ ขณะนั้น) จะเป็นอย่างไรหนอ .............................


หากเป็นเวลาปกติ การเดินทางจากเมืองกรุงสู่เมืองกาญจน์ไม่ได้ยากลำบากแต่อย่างใด ทั้งใช้เวลาไม่มากนัก
แต่...ปลายเดือนตุลาคมต้นพฤศจิกายนปีนั้น มันคือช่วงเวลาของความโกลาหลในวิกฤติอันสั่นสะเทือนหัวใจคนไทย
การเดินทาง การใช้ชีวิตของผู้คนที่อยู่ในภาวะขวัญหาย ห่างไกลคำว่าปกติอย่างไม่อาจคาดเดา

อุปสรรคไม่ได้มีไว้เพื่อคร่ำครวญ ขวากหนามไม่ได้มีไว้พุ่งใส่ กำแพงก็ไม่ควรพุ่งชน (ถ้าไม่กลัวเจ็บตัว ก็เชิญเถอะจ้ะ)
ทุกสิ่งอย่างที่ไม่เป็นไปอย่างใจคิดหวัง มีไว้ให้เรียนรู้แก้ไข ก้าวข้ามและผ่านมันไปให้ได้ หรือไม่จริง
ปั๊ดดิโธ่ จะกลัวอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ไม่เกิดยิ่งไม่น่าวิตกกังวลล่วงหน้า จริงป่ะ???

กับอีแค่ ขับรถอ้อมเมือง เปลืองเวลาเพิ่ม 2-3 เท่าตัว จิ๊บๆย่ะ เอ่อว่าแต่... สาวสวยใจดีที่อาสา เธอจะแอบคิดมั้ยนะ
“ตูไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเล้ยยย นอนตีพุงดูทีวีเรื่องสงครามธารา ณ มหานครกรุงเตพก็ดีอยู่แล้ว เฮ้อออ”
ขับรถอ้อมเมืองเอาลูกแมวป่วย ปวกเปียกมาส่ง ถึงจะครึ่งทาง แต่จะไว้ใจได้ไงว่า อินางคนนั้นมันจะมารับ
และหรือ มันจะหาเราเจอ และหรือมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน(วะ) นี่ก็รอจะสี่ชั่วโมงแล้วนะเว้ยเห้ย !!!

สุดท้ายก็พบเจอกันจนได้ สาวใจดีโล่งใจ อินางแปลกหน้าโล่งอก (ตูมาถูกจนได้ อัจฉริยะจริงๆ โฮะๆๆ ที่จริงควรถึงตั้งแต่ 4 ชั่วโมงแล้ว ถ้าไม่โง่ซะก่อน)

สภาพลูกแมว โทรมสุดๆ ตัวผอมแห้ง หน้าตาเกรอะกรัง มันน่าทิ้งไว้ในปั๊มน้ำมันแห่งนั้นยิ่งนัก
เอาวะ อ้อมเมือง เลี่ยงน้ำมาซะขนาดนี้ เอาขึ้นรถก่อนก็ได้ ลับตาคนค่อยปล่อยลงข้างทาง เป็นอาหารงูก็ได้ ชิส์ !!!
“ลูกแมวอะไรขี้เหร่จัง ร้องแหกปากไม่หยุด อุตส่าห์ถ่อสังขารมากันซะขนาดนี้ เพื่อมาเอาไอ้นี่อ่ะนะ อี๋” ผู้ชายคนนั้นพูด
“ป๊าใจร้ายว่ะ รู้มั้ยค่ารักษาพยาบาลก่อนมาถึงมือเราเนี่ย 2,000 แล้วนะ ไหนจะค่าน้ำมันรถอีก น่าเกลียดอย่างนี้ทิ้งเถอะ”

“ดูซิตามันเว้าวอนทำหน้าตาน่าสงสารด้วย ขืนเลี้ยงไปหมดตัวแน่ๆ ป๊าว่าอย่าเอากลับบ้านเลย”
“อือ นั่นสิ แต่ถ้าเราทิ้งแล้วคนเห็นเขาจะประนามเราได้นะ เอาไปทิ้งไว้ที่คลีนิคหมอเหอะ ไหนๆจะเอาไปทิ้งคลีนิคตั้งชื่อให้มันด้วย กลัวหมอจะสับสน”
“ชื่อลาเต้แล้วกัน กว่าจะถึงบ้านหูแตกแน่ถ้ามันร้องไม่หยุดอย่างนี้ งั้นป๊าร้องเพลงหลอกให้มันสงบก่อนนะ หม่ามี้จะได้มีสมาธิขับรถ”
“เมื่อเช้าก่อนออกมาแวะบอกแล้วว่าจะเอาลูกแมวมาทิ้ง ป่านนี้หมอคงรออยู่ รีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวหมอไหวตัวทันปิดคลีนิคหนี ซวยเลย”


ณ คลีนิคคุณหมอ
“ลาเต้ มีประวัติการรักษาพยาบาลยาวเป็นหางว่าวเลย คุณหมอช่วยดูให้หน่อยนะคะ รพ.ที่กรุงเทพฯให้มาค่อนข้างละเอียด”
“ได้ค่ะพี่ ตกลงคืนนี้แอดมิท ดูอาการก่อนนะ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเด็กเนี่ย หายได้ พี่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
ใครว่าชั้นกังวล ชั้นเอาลูกแมวมาทิ้งให้หล่อนย่ะ ชิส์
“พี่ไม่ต้องวางมัดจำหรอกค่ะ แหมบ้านใกล้กันแค่นี้เอง” อ้าวพลาดแล้วตู หมอรู้จักบ้านเราด้วยนี่นา
“งั้นพรุ่งนี้เที่ยงพี่ค่อยมารับกลับนะคะ ฝากคุณหมอดูแลลาเต้ให้พี่ด้วยค่ะ ขอบคุณ คุณหมอมากนะคะ
แผนทิ้งแมวเด็กป่วยไว้ที่คลีนิคพังไม่เป็นท่า เฮ้ออออออออ เวงเจงๆ
(ล้อเล่นจ้า ไม่เคยคิดทิ้งหรอก เม้าท์เอาฮาเจ๋ยๆ)

ถึงเวลาไปรับเข้าบ้าน สภาพของลาเต้ดีขึ้นกว่าวันเดินทางมาก อาจจะดูตื่นๆสถานที่อยู่บ้าง จึงสำรวจและร้องโวยวาย
ร้องโวยวายนี่คือ ร้องทั้งวันทั้งคืน คือ 1 วันเต็มกับอีก 1 คืนเต็มนะจ้ะ ร้องจนหากคนไม่รู้คิดว่าบ้านนี้กำลังทรมานแมวอยู่แน่ๆ
เพราะไม่ว่าจะกอดปลอบอุ้มจะเล่นหรือจะกิน heร้องมันได้ตลอดเวลาจริงๆ นอนป๊อบแป๊บ ตื่นมาแหกปากก่อนเลย
ต้องกอดปลอบโอ๋กันน่าดู แต่พอคุ้นที่ทางแล้วก็หยุดร้อง จากนั้น ก็ไม่มีปัญหาเล็กน้อยอื่นใด

จะมีก็แค่ปัญหาใหญ่ๆ คือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่ยังคุกคามลาเต้ไม่เลิกราง่ายๆ
เวลาเขาเข้าห้องน้ำ จะร้องโหยหวนคำรามเบ่งฉี่ด้วยความยากลำบาก และจะฉี่กระปริบกระปรอย
อีกทั้งเมื่อฉี่ไม่ค่อยออก จะร้องและคลอเคลียแข้งขาเหมือนขอความช่วยเหลือ หนำซ้ำยังดันฉลาดอีกว่าจะขอให้ใครช่วย
อินังแม่จอมโก๊ะน่ะสิ จะใครซะอีก หม่ามี้ต่อสู้กับวันคืนเจ็บปวดที่ต้องทนเห็นลูกแมวป่วยไข้กายใจอยู่ประมาณ 3 วัน

ลาเต้ร้องทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ต้องคอยนั่งดูอยู่ใกล้ๆ หากลาเต้ร้องขอความช่วยเหลือหม่ามี้ห้ามใจเสาะหนีหายเป็นอันขาด
ต้องคอยปลอบประโลมทั้งลูบคลำ พูดคุย ร้องเพลงกล่อม แม้ลูกแมวอาจไม่เข้าใจในคำพูด
แต่มั่นใจว่าเขารับรู้ถึงความห่วงใย ความรักความปรารถนาดีที่หม่ามี้มีให้แน่นอน จึงจำเป็นมากที่หม่ามี้ต้องคอยอยู่ใกล้ๆ
ดังนั้น ความเจ็บไข้ไม่สบาย มีข้อดีแง่งาม ตรงที่ทำให้หม่ามี้และลาเต้สนิทกันเร็วมาก หม่ามี้รู้ใจ รู้ปฏิกิริยาลาเต้ตั้งแต่อยู่ด้วยกันก่อนครบ 24 ชั่วโมง

แม้ว่าลาเต้จะหายจากอาการป่วยแล้ว แต่...โรคบ้าๆนี่ก็กลับมาทำร้ายลาเต้อีกครั้งเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์
ครั้งนี้อาการไม่หนักเท่าครั้งแรก จึงไม่ต้องสวนท่อฉี่(ครั้งแรกโดนสวนฯ บอบช้ำมาก เพราะลาเต้ยังเล็กเหลือเกิน)
มีบางครั้งบางทีที่ลาเต้เจ็บมาก ลาเต้จะไม่สนใจใครเลยแม้แต่ปาป๊า ลาเต้จะร้องเดินวน เดินตามหม่ามี้ตลอด
เขาจะกินทั้งอาหารและน้ำเยอะมาก เหมือนอยากกินๆๆๆๆๆเข้าไป คงหวังจะให้มันช่วยดันให้ฉี่ออกมาให้ได้
เมื่อเจ็บมาก และยังฉี่ไม่ออก ลาเต้จะร้องคำรามปีนขึ้นตัวหม่ามี้ ทั้งกัดทั้งข่วนเหมือนจะให้หม่ามี้รับรู้ให้ได้ว่าลาเต้เจ็บมาก
หม่ามี้กอดลาเต้ ร้องไห้เพราะสงสารลูกรักสุดประมาณ แต่เราทั้งคู่ก็สู้กับมันด้วยความอดทน

จนปัจจุบันนี้ ผ่านไปสองเดือนเต็ม ลาเต้ไม่กลับมามีอาการฉี่ติดขัดอีกแล้ว (แต่มีเรื่องอื่นมาทำหม่ามี้ปวดหัวแทน)
กระนั้น หม่ามี้ไม่เคยวางใจ ยังคงสังเกตสังกาฉี่ อึ ของลาเต้เป็นประจำทุกวัน อาหารการกิน น้ำดื่มของลาเต้ ต้องพิถีพิถันมาก
หม่ามี้ให้ลาเต้กินน้ำจากขวดแก้วเท่านั้น และจับป้อนหากวันไหนกินน้ำได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
เรียกได้ว่า หม่ามี้เลี้ยงลาเต้ประคบประหงมสุดๆ เพราะหากมันป้องกันลาเต้ให้ห่างจากโรคภัยได้
มากแค่ไหน หม่ามี้และปาป๊าก็ยินดีทำให้ลาเต้

ตอนที่ 1 นี้เล่าสู่กัน เผื่อใครกำลังมีปัญหาในการดูแลลูกแมวเจ็บป่วย และหรือเพิ่งรับเด็กแมวเข้าบ้าน
ประสบการณ์ของเราอาจช่วยให้ทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกแมวได้ง่ายขึ้น







 

Create Date : 08 มกราคม 2555
0 comments
Last Update : 8 มกราคม 2555 23:29:29 น.
Counter : 2036 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


forgive not forger
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add forgive not forger's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.