พฤษภาคม 2554

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ขอระบายนิดนึง...งานชั้นต้องไม่เป็นแบบนี้เด็ดขาด
เมื่อตอนเทียงอิชั้นไปงานแต่งน้องที่รู้จักคนนึงมา น้องคนนี้ไมได้เจอกันนานเลยค่ะ แต่ก็แชทกันเรื่อยๆ ถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้างตามประสาคนรู้จัก วันนีงน้องคนนี้บอกเราว่าจะแต่งงาน เราก็ยินดีด้วยนะ น้องเค้าก็บอกว่าหนูเชิญพี่ด้วยนะ เราก็ได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา

พอถึงวันงานเราต้องเข้าออฟฟิศค่ะ แต่ด้วยความที่รับปากน้องเค้าแล้วว่าจะไป อีกอย่างพี่อีกคนที่ถูกเชิญคลอดน้องไปไม่ได้เลยฝากซองเรามาให้เจ้าสาวเราก็รับปากแล้วก็ต้องมา ออกจากบ้ามาฝนก็ตก รถก็ติด โอว แม่เจ้าเผื่อเวลาเป็นชั่วโมงสุดท้ายเราก็ไปสาย 30 นาที

เราไปถึงงาน น้องเค้าถ่ายรูปกับเพื่อนๆเค้าอย่างสนุกสนาน เราก็ยืนรอเพื่อเข้าไปทักทายเจ้าบ่าว เจ้าสาวค่ะ แต่น้องเค้าก็ยังเริงร่ากับเพื่อนๆเราก็ไม่อะไร เข้าใจว่าคงดีใจที่ได้แต่งงานเป็นใครก็ดีใจเนาะ งั้นไปลงทะเบียนก่อนดีกว่าให้น้องเค้าว่างก่อนคุยไปคุย มองโลกในแง่ดีสุดๆค่ะ

เราเดินไปที่โต๊ะลงทะเบียน ทีเด็กสาวสองสามคนคาดว่าคงเป็นญาติๆน้องเค้าค่ะ มีผู้ใหญ่ตรงนั้นอยู่ด้วยแต่คุยกันอยู่ค่ะ เค้าคงมองไม่เห็นเรา เพราะต่างคนต่างเมาธ์กันอยู่ เราเดินไปยิ้มให้เด็กสาวตรงนั้น เด็กๆเหล่านั้นมองเรา งงๆ ไม่ยิ้ม ไม่ไหว้ เราก็เก้อไปแล้วค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงเลยบอกไปว่า "พี่ขอลงทะเบียนอวยพรหน่อยค่ะ" น้องเค้าก็เลื่อนสมุดอวยพรมาให้ เราก็เขียนอวยพรไป เขียนเสร็จ เราก็ยื่นซองที่เตรียมมาให้น้องเค้าไป น้องเค้ารับไปหยอดใส่กล่อง

ระหว่างนั้นเราก็ยืนอยู่ตรงนั้น กะว่าให้เค้าบอกเราว่าจะให้เราเข้าไปนั่งตรงไหนยังไงในห้องจัดเลี้ยง แต่ผิดคาดค่ะเพราะน้องเค้ารับซองจากเราไปเสร็จ ไม่น่าเชื่อเค้าหันไปคุยกับญาติๆเค้าต่อค่ะ เราก็เหวอไปเลย คือเรื่องของเรื่องคือเราไม่ได้รู้จักใครเลยค่ะในงาน มาคนเดียวจริงๆ ชวนเพื่อนอีกคนมาดั๊นยังมาไม่ถึง เราก็เลยไม่มีเพื่อนไปเลย คือเค้าคุยกันแบบว่าไม่สนใจแขกที่เพิ่งมาเลยค่ะ ไอ้เราครั้นจะเอ่ยปากก็ยังไงอยู่ ไม่รู้จะพูดว่ายังไง เพราะเค้ารับซองไปแล้วเค้าก็ไม่อะไรกับเราาอีกเลย

สักพัก เจ้าสาวเดินมาหาเราและให้เราไปถ่ายรูปด้วย เราก็ใจชื้นมานิดหน่อย ถ่ายรูปเสร็จ เราก็นึกว่าจะชวนเราเข้าไปข้างในหรือให้ญาติเค้าพาเราไปนั่ง ถ่ายเสร็จน้องเค้าก็ไม่พูดว่าอะไรเราก็ อืม ยังไงหว่า สุดท้ายเราก็เลยไปนั่งที่เก้าอี้พักแถวนั้น ใกล้ๆโต๊ะลงทะเบียนนั่นแหละค่ะ สักพักเค้าก็เชิญบ่าว-สาว ขึ้นเวที .... สรุปเราก็เอาซองไปให้เค้าเสร็จก็กลับมาทำงานต่อค่ะ ออกมากินส้มตำกับเพื่อนที่ตามมากันสองคน

จะว่าไปเราก็ไม่เคยไปงานที่ญาติโยมบ่าว-สาว เย็นชากับแขกขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ไม่เคยจริงๆค่ะ แต่อดไม่ได้ทีี่จะโทษเจ้าสาว เข้าใจว่ามีหลายสิ่งต้องทำ แต่ก็น่าจะบอกญาติๆให้รับแขกให้มืออาชีพกว่านี้หน่อย ไม่ใช่รับซองเราไปแล้วไม่สนใจ ไอ้เราเป็นแขก (แปลกหน้า) จะให้เอ่ยถาม หรือขอให้พาเข้าไปในงานมันก็คงไม่เหมาะมั้ง คือเราก็ว่าเราไปงานแต่งมาตลอดชีวิตตั้งแต่สาวยันแก่ก็ยังไม่เคยมีงานไหนที่ต้องเอ่ยปากเองสักครั้ง แม้ว่าไปงานคนที่ไม่ได้สนิทอะไรแต่ทุกครั้งญาติโยม เพื่อนเจ้าสาวจะเป็นคนต้อนรับขับสู้ เป็นอย่างดีคือย่างน้อยก็พาเราไปนั่งอะไรทำนองนี้ แม้ว่าไปแล้วอาหารจะหมด จะพร่องไปแล้วก็ไม่ถือสาเพราะเราไปสายเองนี่นา ก็ไม่ได้ติดใจอะไรแน่นอนเพราะหลายงานก็เป็นอย่างนี้โต๊ะจีนน่ะค่ะ เข้าใจดี

แต่ที่เรางง ไม่หายก็คือการที่เค้ารับซองเราไปแล้วเฉย หรือเจอหน้าเราคนเป็นแขกก็ไม่ไหว้ทั้งๆที่อายุเค้าน้อยกว่าเรา เราก็ว่ามันแปลกไปไหม ส่วนผู้ใหญ่ทีี่หน้างาน เค้าก็คุยกันหันหลังให้แขกแบบว่าไม่สนใจใครจะมาให้ซองเลย ตามยถากรรมสุดๆ แบบว่าเกิดมาไม่เคยเจอค่ะงานแต่่งพิลึกแบบนี้ แถมให้แขกยืนเก้อหน้างาน บอกตรงๆค่ะหากเป็นเพื่อนเรานี่ไม่ได้รอให้ใครเชิญค่ะ ไปเองเพราะรู้จักคนในงานบ้าง แต่เจ้าสาวนี่ก็รู้นะคะว่างานนี้เราไม่ได้รู้จักใครเลย แต่ก็ยังเฉย ถ่ายรูปกับเราเสร็จก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราก็ทำตัวไม่ถูก ขนาดเราชวนคุยว่า สวยจังวันนี้ ดีใจด้วยนะ บลาๆ แต่ดูเหมือนว่าเค้าไม่ค่อยสนใจฟัง คือประมาณว่าถ่ายให้เสร็จๆไป เพื่อจะได้ถ่ายกับญาติเค้าต่อน่ะค่ะ

ที่ร้่ายมานี่ไม่ใช่อะไรค่ะ เราเองก็จะแต่งงานปีหน้าช่วงต้นปีค่ะ ไปงานแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้นำมาเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดในงานเราอย่างเด็ดขาด การเชิญแขกนี่ก็สำคัญนะคะ หากคุณสักแต่จะเชิญคนที่คุณไม่ได้สนิทด้วย (แต่อยากได้ซองเค้า) อย่าเชิญดีกว่าค่ะ หรืออยากเชิญจริงๆจากใจแต่คุณก็ต้อนรับขับสู้เค้าไม่ได้ดี ก็อย่าเชิญดีกว่า ขอให้แต่งเฉพาะในกลุ่มญาติแบบกันเองของคุณไปดีกว่า เพราะแขกที่เค้าไปน่ะเค้าเสียความรู้สึกมากกว่าได้ความรู้สึกที่ดีๆกลับมา

เราเคยไปงานแต่งที่ใหญ่มาก ใหญ่ขนาดนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานเลยค่ะ แขกเป็นผู้ใหญ่กันทั้งงาน แต่รู้จักกับพ่อเจ้าสาว ไปถึงเราก็ไม่เห็นต้องอะไรมากค่ะเพื่อนเจ้าสาว และญาติๆเค้าต้อนรับเราอย่างดีทั้งๆที่เราก็ไม่ได้รู้จักอะไรเค้าเลย งานนั้นได้คุยกับพ่อเจ้าสาวนิดเดียวนอกนั้นก็คุยกับเพื่อนๆเจ้าสาว ญาติๆเค้าเป็นส่วนใหญ่ เป็นงานที่ประทับใจมากแม้ว่างานจะดูหรูหรา เป็นทางการแต่กลับได้ความรู้สึกดีๆกลับมาเป็นกอง

แต่งานล่าสุดที่ไปนี่ เดินออกจากงานมาได้ ก็บอกตัวเองว่า งานชั้นต้องไม่เป็นแบบนี้..เด็ดขาด!

ปล.ล่าสุดน้องเค้าโทรมาหาและขอโทษเราแล้วค่ะ บอกว่าหลังจากลงจากเวทีก็ให้ญาติๆเค้ามาตามหาเราเพื่อเข้าไปในงาน แต่ไม่เจอเราแล้ว และขอโทษที่ไม่ได้ต้อนรับอย่างเต็มที่ ก็เพิ่งรู้ว่าเค้าจะเชิญแขกเข้างานตอนเสร็จพิธีการแล้ว เง็งกับเค้าจริงๆ แล้วตอนเรานั่งอยู่หน้างานทำไมทำเหมือนไม่รู้จักกันหว่า งงเข้าไป



Create Date : 14 พฤษภาคม 2554
Last Update : 14 พฤษภาคม 2554 18:37:20 น.
Counter : 554 Pageviews.

9 comments
  
โห เราอ่านแล้วอายแทนเลยค่ะ ไม่ไหวจริงๆ
โดย: sjt วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:20:29 น.
  
ชอบประโยคนี้จังเลยค่ีะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
"การเชิญแขกนี่ก็สำคัญนะคะ หากคุณสักแต่จะเชิญคนที่คุณไม่ได้สนิทด้วย (แต่อยากได้ซองเค้า) อย่าเชิญดีกว่าค่ะ"


เราก็เข้าใจนะว่าคนมันเยอะ แต่แบบ..ไม่รู้สิคะ ไปงานแต่งมาก็หลายงาน ทั้งงานจัดที่บ้านและงานในโรงแรม หรือแม้กระทั่งงานที่มีจ้าวมาเป็นประธา่นในพิธี เราก็ยังได้รับการต้อนรับที่ดีเลยค่ะ ทั้งที่เราไ่ม่ใช่แขกเหรื่อไฮโซมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม

ถ้าเราเจอสถานการณ์แบบนี้คงเข็ดไปเลยค่ะ คงเลือกไปงานแต่คนที่สนิทจริงๆ สนิทกันแบบผิวเผินแบบนี้ไม่กล้าไปค่ะ - -"
โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:48:05 น.
  
อยากให้น้องคนนั้นมาอ่านจังเลยค่ะ ให้อายไปเลย คงอยากได้แค่ซองน่ะค่ะ ทำใจ(โกรธแทนซะงั้น)
โดย: S.Nantana วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:22:23 น.
  
นั่นน่ะสิคะ เป็นใครก็คงเสียความรู้สึกเนาะ ไม่ใช่ว่าเราจะเคยไปแต่งานแต่งคนสนิทนะคะคนที่นานๆเจอกันทีเราก้ไปค่ะ บางงานอย่างที่บอกไม่รู้จักใครก็ไปเพราะเค้าเชิญแต่ก้ได้รับการดูแลอย่างดี มีมารยาท พอไปงานนี้มาถึงได้รู้ว่า แบบนี้ก็มีด้วย ที่จริงตอนที่น้องเค้าโทรมาทำเสียงแบบสำนึกกผิดเรางี้คันปากมากค่ะอยากบอกตรงๆแรงๆไปเลยว่าน้องทำแบบนี้อย่าเชิญพี่ดีกว่า ไม่ใช่ว่าเห็นแกกิน หรือเสียดายเงินในซองนะคะ แต่มีความรู้สึกว่าเค้าไม่ให้เกียรติเราเลย ทั้งๆที่เป็นวันทำงานเราก็ยังไป แต่ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้เพราะมีแขกคงเป็นญาติๆเค้าน่ะค่ะมาทีหลังเราอีก พอญาติเจ้าสาวเห็นเค้าโผไปทักทายกันเลยค่ะ แบบว่าเชิญเข้าไปนั่งเลย เราก็อยู่ตรงนั้นกลับไม่สนใจไม่สนใจ

จะว่าไปเราก็ไม่ใช่คนเรื่องมากค่ะ ออกจะง่ายๆชืวๆ แต่ที่บอกเราว่า ขึ้นเวทีไปแล้ว พอลงจากเวทีมาหนูก็ให้ญาติออกมาตามหาพี่ให้เข้าไปทานข้าวกัน แต่ไม่เห็นพี่แล้ว พี่เลยไม่ได้กินข้าวเลย หนูขอโทษนะพี่ ...

หึๆ ไว้แก้ตัวตอนแต่งรอบสองละกันน้อง ตอนนั้นถ้าน้องเอาการ์ดมาให้พี่คงบอกไปว่า ไม่ว่างเข้ดจากงานแรก ก๊ากกกกก
โดย: loveTRAVEL1977 วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:51:01 น.
  
555555+ คนเราก็แบบนี้แล่ะค่ะ ของแม่เราเด็ดกว่าอีกค่ะ ไม่รู้จักกันเลยแม้แต่หน้าตา อยู่ดีๆน้าก็มาหาบอกว่าพี่ชาย(ลุง)โทรมาบอกว่าให้ซื้อของขวัญแต่งงานให้ญาติหน่อย ชื่อนั้นชื่อนี้ ทำงานอยู่ตึกใกล้แม่กับน้าเรา น้าเราจะให้แม่หุ้นซื้อของขวัญด้วยกัน จะได้ซื้อชิ้นใหญ่ๆไปเลย

แม่มาเล่าให้ฟัง เรางงมาก เป็นญาติกัน ทำงานอยู่ที่เดียวกันแต่คนละตึก แต่แม่ไม่เคยเจอหน้าค่าตา ไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือ งานแต่งเค้าถ้าเค้ารู้ว่าแม่เป็นญาติเค้าก็น่าที่จะมาแนะนำตัว เอาซองมาให้ด้วยตัวเองก็ยังดี แต่นี่เปล่าเลย

แล้วยังจะมีหน้ามาให้ซื้อของขวัญให้อีกเหรอ แบบนี้ไม่ีรู้จะเรียกว่าว่าอะไรดี สรุป แม่ก็เลยบอกน้าไปว่า ไม่มีมารยาท ไม่ซื้อของให้หรอกนะ ถ้าน้าอยากจะให้ก็ให้ไปคนเดียวเถอะ 55555

เล่นมานับญาติกันตอนที่อยากได้ซอง อยากได้ของขวัญ แบบนี้ก็มีด้วย เกิดมาก็พึ่งเคยเจอนี่แล่ะค่ะ -*-
โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:30:59 น.
  
555 นึกว่าจะเจออยู่คนเดียวนะคะเนี่ย แบบนี้ก้ไม่ไหวเนาะ แต่งานเราที่จะเกิดขึ้นปีหน้านี่จะว่าไป พอเพื่อนๆ ญาติๆรู้ข่่าวมีแตคนโทรมาบอกว่าอยากมางานแต่งเรามากเป็นงานที่รอคอยไม่ได้การ์ดงอนนะ เอาล่ะสิอยากงานที่คิดว่าไม่เกิน 200 คนสงสัยมันจะมากกว่านั้น ไอ้เราก็ไม่กล้าบอกกล่าวขอเชิญใครมากเพราะกลัวคนเค้าจะคิดว่าเป็นการรบกวน ที่ไหนได้โทรมาเซ็งแซ่ออยากมา ถามใหญ่เลยว่าให้แต่งตัวอะไรมา ธีมงานเป็นยังไง ตื่นเต้นยิ่งกว่าเราอีกค่ะขนาดงานตั้งปีหน้่นะคะ ทุกคนพร้อมมาก เพราะเป็นแบบนี้เราถึงต้องทำให้ออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ อยากให้ทุกคนมาสนุกสนานกัน มีความสุขกัน ไม่อยากให้เค้ามาแล้วเหวอ อย่างที่เราเจอ
โดย: loveTRAVEL1977 วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:45:23 น.
  
สวัสดีค่ะคุณอ้อ เมื่อคืนนั่งอ่านบล๊อคเก่าของคุณเพลินเลยค่ะ ดูแล้วท่าทางคุณอ้อจะเป็นคนอารมณ์ดีนะคะเนี่ย และก็มีครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ ด้วย คุณอ้อเป็นคนอุดรเหรอคะ ส่วนแพทอยู่หนองคายน๊า แต่ตอนเด็กก็มาเรียนที่ เซนต์เมรี่ อุดรน่ะคะ งานแต่งคุณอ้ออย่าลืมชวนน้องคนนี้ไปด้วยนะคะ เอาให้น้องเค้าอายไปเลยค่ะ และขอบคุณนะคะที่เข้าไปชมบ้าน
โดย: S.Nantana วันที่: 15 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:19:16 น.
  
ใจเย็นค่ะค่ะพี่ ^^ เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ
ตอนนั้นเป็นแอมคงเคว้งค่ะ ไม่รู้จะไปไหนดี ไปนั่งกับใครดี
เผลอๆ อาจเสียเงินแต่งตัวแต่งหน้ามาเรียบร้อยแล้ว
ต้องมากลับบ้านท้ายที่สุด อารมณ์เสียน่าดู
เอาเป็นว่า ถือเอางานแบบนี้ มาเป็นประสบการณ์สำหรับเราๆ ที่จะต้องมาจัดงานแต่งงานบ้าง
พี่เตรียมตัวเรื่องงานแต่งไปถึงไหนแล้วคะ
แอมได้ยินมาว่า บางคู่ ต้องเตรียมกันเกือบปีนึงเลย รู้สึกยุ่งยากมากๆเลยค่ะ แต่ก็ยังอยากแต่ง อิอิ
โดย: aimeramm วันที่: 15 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:29:00 น.
  
อืมมม เข้าใจอ้อมเลยจร้า
จะแต่งงานแล้วหรอคะ ดีใจด้วยน๊า
แล้วอ้อมจะอยู่เมืองไทยหรือว่าย้าย
ไปอยู่ต่างประเทศคะ
โดย: rizzonte วันที่: 15 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:38:40 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

loveTRAVEL1977
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นคนชอบเดินทางและท่องเที่ยว ว่างๆก็อ่านหนังสือ มีความหวัง มีความฝัน และต้องอยู่อย่างมีความหมายบนโลกนี้