เริ่มแล้วกับวีซ่าคู่หมั้น
เมื่อกี๊เพิ่งเช็คเมล หลังจากรอให้คุณชายโทรมา เห็นว่าจะไปดูคอนเสริ์ตเลยไม่อยากโทรไปกวน แต่พอเช็คเมล อ้าว ส่งมาบอกว่าไม่ไปแล้ว เราเลยออนไลน์กะจะโทรไปบอกว่าถ้าไม่ไปทำไมไม่โทรบอก ปล่อยให้รอตั้งนาน ยังไม่ได้โทรคุณแฟนก็ออนมา เลยเปิดกล้องคุยกัน ได้ความว่าคุณชายคิดว่าเรายังไม่ตื่น โทรไปเดี๋ยวรบกวน (แฟนที่เคารพ) เราเลยบอกหนอยยย ทียังงนี้มาเกรงใจนะ บ่นๆๆๆ ไปเรื่อย จนคุณแฟนบอก ยูเชคเมลยังเราก็เมลไหน เค้าก็บอกเราก็ไปเช็ค แหะๆๆ ปรากฎว่าสิ่งที่อยู่ในเมลทำให้เรายิ้มออกเพราะเป็นเอกสาร I-29F เกี่ยวกับการขอวีซ่าคู่หมั้น :)แบบว่าคุณแฟนกรอกสร็จแล้วก็ส่งมาให้เราตรวจทานอีกรอบ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ แล้วยังมีหน้ามาถามเราว่า มีความสุขรึยังเห็นบ่นๆๆๆ ว่าไอช้า อืดอาด (บนตอนนี้ไม่เค๊ย) เราก็ยิ้มออกแหม่ๆๆๆ ที่นี้ไม่ไปดูคอนเสริ์ตเพราะการนี้นี่เองเหรอแฟนชั้น น่ารักซะไม่มี
แต่ส่วนที่มีปัญหาที่เราไม่แน่ใจตรงที่เค้าถามว่าพบกันยังไง เจอกันตอนไหน ที่จริงหลังจากที่เจอกันครั้งแรกในเดือนพ.ค. 2008 แล้วแฟนก็บินมาเจอเราอีกรอบดือน พ.ย. 2008 จากนั้น ก็บินมาหาอีกรอบในเดือนเม.ย. 2009 จากนั้น 25 มิ.ย. 2009-8 ก.ค.2009 เราก็บินไปเจอแฟนที่อมริกา และปัญหากเกิดตรงนี้คือเราบอกเจ้าหน้าที่ไปว่าไม่รู้จักใครที่นู่น ออกเงินเอง เที่ยวเอง ประมาณนั้นคือกลัวว่าหากบอกว่าไปเยี่ยมแฟนแม้ตั้งจจะกลับตรงเวลาเราก็กลัวว่าเค้าจะไม่ให้วีซ่า เลยต้องทำเนียนว่าไม่ได้รู้จักใครที่นู่น ทีนี้เราเลยกังวลว่าหากแฟนเรากรอกข้อมูลว่าเจอเราที่อเมริกาช่างนั้นเนี่ย เจ้าหน้าที่จะหาว่าเราโกหกและจะฟังที่เราอธิบายรึเปล่า แฟนบอกว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวถามเพื่อนที่เป็นทนาย Immmigration ให้ May (เพื่อนทนาย) ว่ายังไงก็ว่าตามนั้นเค้าคงมีประสบการณ์กับลูกความเค้าเกี่ยวกับเรื่องประมาณนี้
หลังจากที่เราบินไปหาที่อเมริกาแล้วแฟนเราก็บินมาหาเราอีกรอบตอนคริสมาสต์ 26 ธ.ค.2009-5 ม.ค. 2010 ไปเที่ยวบาหลีกันคราวนั้น หลังจากนั้นคุณแฟนก็บินมาหาอีกรอบเมื่อ 5 มิ.ย.-13 ก.ค. เรียกว่าอยู่นานแรมเดือนเพราะว่างงานพอดี กลับไปคุณชายก็คิดเรื่องทำวีซ่าคู่หมั้นนี่แหละ (โดยมีเราบงการอีกต่อ 555) แฟนบอกว่ารอให้เพื่อนตอบกลับมาก่อนว่าจะเอายังไงดีกับเคสนี้ค่อยส่งเอกสารก็ได้ ใจเย็นๆ ช้าแต่ชัวร์ว่างั้น เอาไหนๆก็ไหนๆก็ใจเย็นๆ
อีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแบบจริงๆจังๆสักกะที ...ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ยเรา