สมาคมคนไทยใน Eskilstuna
 
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 กรกฏาคม 2549
 
 
รัฐและสวัสดิการสวีเดน

รัฐสวัสดิการสวีเดน

เล่าเรื่อง'รัฐสวัสดิการสวีเดน'จากคนไกลบ้าน บุญส่ง ชเลธร


นานที (หลาย) ปีหน จึงมีโอกาสกลับมาเมืองไทยสักครั้งหนึ่ง สำหรับ บุญส่ง ชเลธร 1 ใน 13 'กบฏรัฐธรรมนูญ' เมื่อเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 กลับจากสวีเดนเที่ยวนี้ จึงได้ไปเล่าเรื่อง 'ชีวิตในสังคมรัฐสวัสดิการของสวีเดน' ให้เพื่อนเดือนตุลาและเพื่อนสมาชิกเวบไทยอ๊อกโทเบอร์ฟังกันในงานพบปะสังสรรค์ของ //www.thaioctober.com ทั้งในฐานะเพื่อนที่อยู่ไกลบ้านนานถึง 21 ปี ทั้งในฐานะชาวเวบที่ส่งข้อมูลมาพูดคุยอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงความตั้งใจที่จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย


แต่ดูเหมือนช่วงนี้ต้องพักทั้งงานเขียน-งานแปลไว้ก่อน เนื่องจากมี 'งานใหม่' ที่ท้าทายความสามารถ 'ลูกพ่อขุน' คนนี้มาก นั่นคือตำแหน่ง 'ผู้ประสานงาน' ของ 'มหาวิทยาลัยรามคำแหง' ประจำศูนย์กรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ติดต่อประสานงาน และจัดเตรียมการสอบให้แก่นักศึกษาไทยในต่างประเทศ ที่กำลังจะเปิดเทอมในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้


อยู่ที่โน่น บุญส่ง เป็นทั้งไกด์, ล่าม, ครู และคนเขียนบทความ นอกจากนี้ก็เป็น 'กรรมการศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติของกรุงสตอกโฮล์ม' ด้วย เมื่อต้องพูดถึง 'รัฐสวัสดิการ' เขาจึงออกตัวขอพูดแบบเล่าประสบการณ์ ไม่ใช่ 'นักทฤษฎี' เพราะเขาเองก็เป็น 'คุณพ่อ' แล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยวิญญาณ 'นักไฮด์ปาร์ค' อย่างเข้มข้น ดังเรื่องเล่าเหล่านี้-เป็นพยาน!!,รัฐสวัสดิการแบบสวีเดน บุญส่งเล่าแบบเน้นๆ ไปที่ เด็ก ผู้หญิง คนชรา คนตกงาน รวมถึงผลกระทบจากการเข้ามาของยูโร


เริ่มต้นที่เรื่อง 'เด็ก' บุญส่งบอกว่า เด็กที่นั่นได้เรียนฟรี-มีเงินเดือนใช้ ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 16 ปีเต็ม "เด็กในสวีเดนตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 16 ปีเต็ม รัฐบาลเขามีเงินเดือนให้ โดยไม่คำนึงถึงฐานะของพ่อแม่ ทุกคนได้เงินเดือนเท่ากัน ตั้งแต่ลูกนายกรัฐมนตรี จนถึงลูกคนขับรถเมล์หรือลูกคนทำงานร้านอาหาร

"ตอนนี้ได้ประมาณ 950 โครนสวีเดน/เดือน แล้วเงินเดือนนี้ขึ้นทุกปี เหมือนของข้าราชการหรือคนงาน เขาเรียก 'เงินช่วยเหลือการดูแลเด็ก' อันนี้ไม่ได้กำหนดว่าจะมีลูกกี่คน เด็กทุกคนจะได้เงินเดือนนี้ ซึ่งปีหน้าจะขึ้นเป็น 1,050 โครน แล้วจะขึ้นเรื่อยๆ "ส่วนเด็กอายุ 16 ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ เขาจะยืดให้อีก 2 ปี ก็มีเงินเดือนจนครบอายุ 18"


เรื่องการศึกษา-สวีเดนเรียนฟรีตั้งแต่ชั้นประถมกระทั่งจบดอกเตอร์ โดยไม่มีค่าหน่วยกิต ระดับมหาวิทยาลัยจะเก็บอย่างเดียวก็คือ 'ค่าบำรุงองค์การนักศึกษา' ซึ่งบังคับให้นักศึกษาต้องจ่ายด้วย "อันนี้ถ้าเป็นสมัยเราก็ดีเลย พอองค์การนักศึกษาได้เงินมาเดินขบวนอยู่เรื่อยๆ เลย (ฮา)"


เรียนฟรี-มีเงินเดือน แล้วอาหารกลางวันฟรี หนังสือ ปากกา ดินสอ ไม้โปร ฯลฯ อะไรทั้งหลายฟรีหมด พอเปิดเทอมที พ่อแม่จึงมีหน้าที่อย่างเดียวก็คือ ปลุกลูกให้ตื่นไปโรงเรียน

"มีอย่างนี้ด้วยก็คือ โรงเรียนจะพานักเรียนไปต่างประเทศ เพราะยุโรปเป็นทวีปเล็ก จากสวีเดนจะไปอังกฤษก็แค่ 2 ชั่วโมง หรือประเทศต่างๆ ก็ชั่วโมงเดียว หรือแค่ 3 ชั่วโมงก็ไปได้ทั่วยุโรปแล้ว บางทีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส ครูก็จะรวบรวมพาเด็กไปอังกฤษหรือฝรั่งเศส 1 อาทิตย์ โดยรัฐบาลมีงบประมาณสนับสนุนให้ไป นี่เป็นการสนับสนุนเรื่องการศึกษา"


บุญส่งยังเล่าด้วยว่า เด็กที่นั่นการศึกษาภาคบังคับเขาเริ่มตั้งแต่ 7 ขวบ "ลูกสาวผมคนเล็กจบ ป.3 แล้ว ตอนนี้กำลังจะขึ้นชั้น ป.4 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมก็สงสัยว่าลูกผมมันเรียนอะไร เวลาไปประชุมผู้ปกครอง ครูเขาจะตื่นเต้นมากที่จะบอกว่า เขาแพลนงานใหญ่เทอมนี้ด้วยการพาเด็กไปเก็บข้าวโพด 1 ครั้ง ไปดูวิธีทำขนมปังอีก 1 ครั้ง พูดแต่เรื่องนี้ เราคนไทยไปก็คิดอยู่ว่า เมื่อไหร่จะเริ่มสอน นี่ขึ้นชั้น ป.1 แล้วนะ "เชื่อมั้ยว่า ก. ข.หรือ A B C ของเขานั้น ตัว A สอนอยู่ 2 อาทิตย์ แล้วกระโดดไป M สอนอยู่เดือนหนึ่ง ผมก็สงสัยว่า เมื่อไหร่ลูกผมจะอ่านหนังสือได้ เราคนไทย เจออย่างนี้ก็กลุ้มใจนะครับ เพราะที่นี่เขาต้อง...อื้อหือ...ยิ่งอ่านได้เร็วยิ่งดี แต่ที่สวีเดนไม่สอนเลย แต่ภูมิใจมากที่ลูกสาวผมไปเก็บเห็ดในป่า "วันศุกร์พาลูกเข้าป่าไปเก็บเห็ด พอกลับมาก็มีดอกไม้ ใบไม้ ลูกสน หรือไม่ก็ก้อนหินกลับมาที่บ้าน แล้วก็ภูมิใจเหลือเกิน พอถาม "วันนี้ครูให้ทำอะไรลูก?" ก็ตอบว่า "วันนี้ครูให้วาดรูป" ผมบอกว่า นี่เรียนช่างศิลป์เลยตั้งแต่เด็ก ทำอย่างนี้ 3 ปี ไม่ให้มีการบ้านด้วย เพราะการมีการบ้าน ถือเป็นเรื่องทารุณเด็กเสาร์-อาทิตย์นี่ห้ามพาเด็กไปเรียนพิเศษ และจะแปลกมาก-ถ้าตอนเย็นเด็กไปเรียนภาษาสวีดิชเพิ่ม ที่นั่นไม่มีเด็ดขาด

"ด้วยความกังวัลเกี่ยวกับลูก ผมจะแอบสอนเลขหรือ ABC แต่ครูสั่งห้ามผู้ปกครองทุกคนเลยว่า อย่า-ไม่ให้สอน-ไม่ต้องยุ่ง เขาบอกว่า เด็กมีเวลาอีกตั้ง 10-15 ปี ให้เขาเล่นเท่าที่เขาอยากจะเล่น"


นอกจากนี้ ที่โรงเรียน 'ของเด็กเล่น' ไม่มีพวก 'พลาสติก' เลย เพราะของเล่นของเขาก็คือ เขาไปเก็บก้อนหินตามป่ามากองๆ มีผ้าให้พับสองพับ เก้าอี้ไม้ ท่อนไม้ มีลูกสน ให้เด็กจินตนาการกันเอง "ตอนนี้ลูกคนโตของผมจบ ป.5 แล้ว ก็ยังไม่ได้เรียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลย ตอนนี้ก็ยังดีที่มีการให้อะไรมาทำที่บ้านบ้าง แต่เขาบอกว่า ไม่ใช่การบ้าน เพราะเขาสอนไม่ทัน เขาให้สัปดาห์ละ 1 แผ่น เลขบวกลบ มันยังไม่คูณหารเลย จบ ป.5 แล้ว มันบวกลบสัปดาห์ละแผ่นเอง เขากลัวว่า ให้มากกว่านี้ ผู้ปกครองจะประท้วง "แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์นะครับ เพราะแม้จะใช้เวลาคุยเรื่อง ก ไก่ ข ไข่ อยู่ปีหนึ่ง และ ป.1 ยังเรียนกันไม่ครบ ก ถึง ฮ แต่เชื่อมั้ยครับว่า พอปีที่ 2-3 เด็กอ่านได้ อ่านหนังสือได้คล่องและชอบอ่านหนังสือ"


บุญส่งบอกว่า "เป็นไปตามพัฒนาการของเด็ก คือเด็กมีวุฒิภาวะพร้อมมากขึ้น จะสนใจเรียน พอถึงระดับมหาวิทยาลัยเด็กๆ เขาจะเรียนหนักกว่าเราเยอะ" มาถึง 'ผู้หญิง' กันบ้าง สมัยที่บุญส่งไปอยู่ใหม่ๆ ผู้หญิงมีสิทธิจะลาคลอดลูกได้ 1 ปี 3 เดือน และยาวถึง 1 ปีกับ 6 เดือน ช่วงก่อนหน้าเศรษฐกิจจะพัง "ตอนนี้ลาได้ 1 ปี 3 เดือน ช่วง 1 ปีแรกจะได้เงินเดือนจากรัฐ ตอนโน้นได้ 90% ของเงินเดือนก่อนหน้าการลา มาตอนนี้ได้ 80% พอเศรษฐกิจไม่ดี เขาก็ประหยัดเงิน แต่มีแนวโน้มกลับไปเป็น 85% นั่นคือ 1 ปีแรก อีก 3 เดือน จะให้แค่วันละ 60 โครน คือลาได้ แต่เงินน้อยลง'


บุญส่งบอกว่า การลานี้ไม่จำเป็นต้องลารวดเดียวทั้ง 1 ปี 3 เดือน จะทยอยลาตอนไหนก็ได้เรื่อยๆ แต่ต้องใช้ให้หมดภายใน 8 ปี ไม่งั้นถือว่าสละสิทธิ ถ้าได้ลูกแฝดหรือแฝดสาม จะทำยังไง? คำตอบก็คือ ได้คนละ 1 ปี 3 เดือน ถ้าแฝด 3 ก็คูณ 3 เข้าไป!!จากการลา ที่ลาตอนไหนก็ได้นั้น บางบ้านก็ให้ภรรยาลา 3 เดือนตอนแรกคลอด (ที่ได้เงินเดือนน้อย) แล้วก็เก็บอีก 1ปี (ที่ได้เงินเดือน 80-90%) ไว้ ก็มี เพราะการศึกษาภาคบังคับ 7 ขวบ พอลูกอายุได้ 6 ขวบ ทั้งพ่อแม่อาจจะลาหยุดงาน แถมได้เงินเดือนอีกต่างหาก ก็สามารถอุ้มลูกเที่ยวรอบโลกได้เลย นอกจากไม่ต้องสนใจเรื่องงาน เพราะมีสิทธิลาตามกฎหมาย และได้รับเงินเดือนจากรัฐแล้ว ยังถือว่าช่วงนี้ "เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดก่อนลูกจะเข้าโรงเรียน"


เมื่อมีเรื่องบ่นๆ กันมากว่า ผู้ชายไม่ค่อยจะยอมหยุดกัน จนมีปัญหาตามมาก็คือ ผู้ชายไม่รู้จักวิธีเปลี่ยนผ้าอ้อมลูก ชงนมก็ไม่เป็น เข็นรถลูกก็น่าห่วง ไปๆ มาๆ ก็ออกกฎหมายบังคับเลยว่า "พ่อต้องหยุด อย่างน้อย 3 เดือน ถ้าไม่หยุดถือว่าสละสิทธิ" เพื่อว่าจะได้รู้จักวิธีเปลี่ยนผ้าอ้อม ชงนมให้ลูกได้


ในส่วนของ 'คนชรา' คนที่จะ 'เกษียณ' ได้ หมายถึงคนอายุ 65 ปี ซึ่งบางช่วงให้เกษียณ early retire ตั้งแต่ 61 ก็มี ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ถ้าช่วงไหนคนตกงานเยอะก็ลดอายุลงมาที่ 61 ปี ซึ่งนโยบายนี้นำมาใช้เป็นพักๆ และคนสวีเดนค่อนข้างอายุยืนมากทีเดียวก็คือ 80-85 ปี "บ้านเราข้าราชการจะได้ เงินบำนาญ ถ้าทำครบ 25 ปี ถ้าไม่ถึงก็ได้ เงินบำเหน็จ ในสังคมสวีเดน คนทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการ จะทำอาชีพอะไร ทุกคนจะได้เงินจากรัฐเหมือนกันเมื่อปลดเกษียณ"


ข้อดีของ 'เงินบำนาญ' ก็คือ มันจะตามไปทั่วโลก "เงินบำนาญนี้ รัฐจ่ายให้คนทุกคนที่ทำมาหากินอยู่ในสวีเดน จะมีอยู่ 2 ก้อนด้วยกันก็คือ ก้อนแรก เป็นเงินการันตีจากรัฐให้เท่ากันหมด ถ้าใครไปอยู่สวีเดนแล้วแก่ตัวก่อนบำนาญ แบบ 'ไปแล้วแก่เลย' นั้น จะได้เงินก้อนนี้ "ส่วนอีกก้อนหนึ่งขึ้นอยู่กับ 'เงินภาษีอากร' ที่เราจ่ายไป ถ้าคนบำนาญน้อย เพราะไปเมื่อตอนแก่ เขาจะมีหน่วยงานของรัฐอีกแห่งหนึ่งช่วยเพื่อให้อยู่ได้"


ที่น่าสนใจมากๆ อีกประเด็นหนึ่งก็คือ การช่วยเหลือ 'คนตกงาน' บุญส่ง บอกว่าจะมีการช่วยเหลืออยู่ 3 ขั้นก็คือ ขั้นแรกจะมีเงินชดเชยก้อนหนึ่งจากบริษัท เฉลี่ยเป็นเงินเดือน 1 ปี

ก้อนที่ 2 มาจาก 'สหภาพแรงงาน' ซึ่งจะจ่ายให้ 1 ปี เพราะคนในสวีเดนเป็นสมาชิกสหภาพกันทั้งนั้น และสหภาพแรงงานในสวีเดนแข็งมาก จนว่ากันว่า กลุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในสวีเดน มีอสังหาริมทรัพย์ที่มีค่ามากสุด ก็คือ สหภาพแรงงาน ที่เก็บค่าสมาชิกแพง แต่ช่วยทุกเรื่อง


จากนั้น 'รัฐ' จะเป็นคนเลี้ยงดูต่อจนกว่าคนๆ นั้นจะได้งานทำ โดยไม่มีจำกัดเวลา"เวลาเราไปขอตังค์ เขาจะนั่งคุยกับเราว่า 'ตอนนี้ทำอะไรอยู่' ถ้าบอกว่ายังหางานไม่ได้เลย เขาก็จะถามว่า 'อยากทำอะไร?' ผมบอกเคยสอนหนังสือ ตอนนี้โรงเรียนปิดหมดแล้ว ผมอยากเป็นคนขับรถเมล์ แต่บอกก่อนว่า ผมไม่มีใบขับขี่ ผมขับรถไม่เป็น เขาก็จะไปหาคอร์สเรียนขับรถเมล์ให้ผม โดยรัฐเป็นคนจ่ายค่าเรียนให้ผม แล้วผมก็ไปเรียน 6 เดือน ระหว่างนั้นรัฐก็จ่ายเงินให้ผมอยู่กินไปตลอด "เขาทำอย่างนี้เพราะว่า ต้องการให้คุณออกไปทำงานในตลาดแรงงานให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้จ่ายภาษีเร็วๆ เพราะภาษีแพงมาก อย่างไรก็ตาม การที่จะได้กินดีอยู่ดีเช่นนี้ ไม่ได้มาฟรีๆ เพราะคนสวีเดนมี 'ราคาที่ต้องจ่าย' สูงมากเหมือนกัน นั่นก็คือ 'ภาษี' ที่ต้องจ่ายขั้นต่ำสุด คือ 30% และจะเป็นระบบ progressive คือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามรายได้ที่เพิ่ม โดยสูงสุดก็คือ 70-80% เนื่องจากรัฐมีรายได้จากภาษีเป็นหลัก


และหนี้ที่คนสวีเดนกลัวกันมากก็คือ 'หนี้กรมการภาษี' ซึ่งชำระผ่อนส่งไม่ได้ มีทางเดียวคือ ต้องยอมไปกู้เงินธนาคารมาจ่าย มิฉะนั้นจะถูกตามชนิด 'ถลกหนังหัว' กันเลยทีเดียว บุญส่ง ว่าอย่างนั้น เพราะเขาเองก็เคยโดนภาษีย้อนหลังมาแล้ว


ในด้านสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วน่าวิตกก็คือ กลุ่มคนไร้บ้าน หรือ homeless people ที่ไม่เคยมี แต่ตอนนี้เริ่มมี และมีแนวโน้มมากขึ้นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวสวีเดนเอง แม้รัฐสวัสดิการจะมีหน่วยงานช่วยเหลืออยู่แล้วก็ตาม ตรงนี้สะท้อนเรื่อง 'ความอบอุ่น' ที่สวีเดนแตกต่างจากไทยได้ดีทีเดียว "อย่างเด็กพออายุ 16 จะเริ่มออกจากบ้านไปละ อย่างลูกสาวผมตอนนี้ 12 เชื่อไหมฮะ เตรียมตัวจะย้าย อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมสวีเดน พออายุ 16-17 ขึ้นไปจะย้ายออก ฉะนั้น พอ 20 ก็ไปกันหมดแล้ว ความอบอุ่นเขาจะน้อยมาก ถ้าเลิกกัน คนหนึ่งจะต้องหลุดไปข้างนอก อันนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่กลายมาเป็นพวกโฮมเลส แล้วพวกโฮมเลสส่วนใหญ่จะเป็นพวกติดเหล้า ยาเสพติด ผู้หญิงโสเภณีก็มี "ตอนนี้รัฐมีเงินช่วยเหลือเป็นร้อยล้าน แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ก็คือ รัฐมีเงิน รัฐต้องการจะปลูกบ้านให้พวกนี้อยู่ คนสวีเดนพร้อมใจกันสนับสนุนนโยบายเอาเงินภาษีอากรไปช่วยพวกโฮมเลส แต่คุณอย่ามาสร้างข้างบ้านผม "นี่เป็นเรื่อง double moral เหมือนกัน คือเอาภาษีอากรผมไปช่วยได้เลย แต่อย่ามาอยู่ใกล้บ้านผมเด็ดขาด เพราะอ้างว่าถ้าพวกนี้มาอยู่ เดี๋ยวมาขโมยของ มาทิ้งเข็มฉีดยา ทำที่ดินแถวนั้นเสียแอเรียไป มันเป็นอย่างนี้ตลอด หลายปีที่ผ่านมา เถียงกันอยู่แต่เรื่องนี้ หาที่ปลูกบ้านให้เขาไม่ได้แม้มีเงิน ครั้นจะไปใช้โกดังเก่าเป็นบ้าน คนก็ประท้วงไม่ให้อยู่"


เรื่องความสัมพันธ์ในสังคม เป็นอีกความแตกต่างหนึ่งระหว่างไทย-สวีเดน ที่เห็นได้ชัด ขณะที่ไทยเป็นสังคมที่ 'มนุษย์กับมนุษย์มีความสัมพันธ์กันสูง' แต่สวีเดน เป็น 'สังคมระหว่างคนกับรัฐ' ฉะนั้น หากมีปัญหาอะไรก็วิ่งไปหารัฐได้ทุกเรื่อง แม้กระทั่ง 'คนโสด' อยากมี 'คู่' ก็วิ่งไปหารัฐได้ "มีบางเขตเหมือนกันที่ประชากรน้อย เช่น ทางเหนือ และบางเขตเริ่มมีผู้ชายมาก (เกิน) ผู้ชายโสดทั้งนั้นเลย เขามีโฆษณาจากทางรัฐ พาผู้หญิงจากเขตอื่นหรือประเทศอื่น เป็นทัวร์สตรี 40-50 คนไปที่หมู่บ้านนั้นเลย อันนี้เรื่องจริง เขาสนับสนุนพาไปโดยรัฐจะจัดเลี้ยงให้มาเจอหนุ่มโสดทั้งหลายในหมู่บ้านเพื่อจะได้มาเต้นรำ กิน พาเที่ยว เผื่อว่ามีใครหลงเสน่ห์หนุ่มแถบนั้นแล้วอยู่"


ประชากรสวีเดนตอนนี้เกือบ 9 ล้านคนแล้ว ซึ่งเพิ่งประกาศกันใหญ่โตว่า ผ่านเลข 8 มาแล้วก็คือ 8,888,888 คน เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งน้อยกว่ากรุงเทพฯ จังหวัดเดียวเสียอีก

ทางเหนือประชากรจะเบาบางมาก เพราะคนหนุ่มคนสาวย้ายลงมาเมืองหลวงกันหมด รัฐถึงกับบอกว่า ถ้าใครไปเช่าบ้านอยู่เขตนั้น 1 ปี จ่ายค่าเช่าแค่ 10 เดือนที่เหลืออยู่ฟรีก็มี เพราะสถิติประชากรที่เพิ่มน้อยมาก ส่งผลต่อปิรามิดสังคมของสวีเดนเป็น 'รูปสามเหลี่ยมหัวกลับ' ที่นับวันจะมีแต่คนชรา (ที่รับบำนาญ) เพิ่มมากขึ้นๆ แทนที่จะเป็นประชากรเด็กเกิดใหม่หรือคนหนุ่มสาว อย่างนี้เรียกว่าวิทยาการเทคโนโลยีที่เจริญมากๆ ก็เป็นปัญหาได้เหมือนกัน "ต่อไปรัฐสวัสดิการจะพัง ถ้าเด็กไม่เกิดออกมา เพราะไม่มีเงินเลี้ยงคนแก่ๆ ซึ่งมันมหาศาลมาก"


ส่วนใครที่ยังอยากไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศในฝันนี้ก็ยังพอมีทาง เพราะคนเข้าไปในสวีเดนจะมีอยู่ 3 กลุ่ม หนึ่งคือ กลุ่มนักศึกษา (แต่เรียนจบแล้วต้องกลับ) สอง-กลุ่มผู้ลี้ภัย ซึ่งมีทั้งลี้ภัยการเมือง สังคม และศาสนา (แต่ตอนนี้ส่งกลับหมด ไม่มีโอกาสลี้ภัยแล้ว) และสามคือ 'มีคู่' คือพวกที่แต่งงาน ซึ่งจะหญิงแต่งกับหญิง หรือชายจะกับชายก็ได้ (ตอนนี้คนไทยไปอยู่สวีเดนเฉลี่ยปีละ 500 คน)


กรณีสุดท้ายนี้ จะต้องอยู่กับคู่คนนั้นอย่างน้อย 2 ปี โดยตำรวจจะเรียกสัมภาษณ์ทุก 6 เดือนจนครบ 2 ปีเต็ม หลังจากนั้นจะได้ permanent visa ซึ่งต่ออายุทุก 3 ปี ถ้าอยู่ครบ 4 ปี มีสิทธิยื่นขอสัญชาติหากไม่เคยทำผิดกฏหมาย ถ้าเป็นเมื่อก่อน 2 เดือนก็ได้แล้ว แต่ปัจจุบันรอคิวสัมภาษณ์ก็ปีหนึ่งแล้ว กว่าจะได้ก็ 5-6 ปี


บุญส่งกระซิบบอกอีกว่า หนุ่มสวีเดนนั้น ปิ๊งสาวไทยมาก ที่สำคัญภาพพจน์ไทยในสายตาสวีดิชดีมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เวลาพูดถึงไทยก็มีแต่ ผู้หญิงหากิน ยาเสพติด หรือแรงงานเด็ก เพราะปัจจุบันพูดถึงแต่เรื่องท่องเที่ยวไทย ถึงขั้นหนังสือพิมพ์เล่มไหนไม่เขียนถึงเรื่องนี้ถือว่าเชย แล้วเมืองไทยติดอันดับ 'ประเทศในฝัน' ที่คนสวีเดนอยากมาเที่ยวถึง 2 ปีซ้อนด้วย นั่นเป็นรัฐสวัสดิการที่ยังคงเป็นไป แต่สิ่งที่กระทบต่อชีวิตของคนสวีเดนและทั่วยุโรปเวลานี้ก็คือ การเข้ามาของระบบยูโร ชนิดที่ว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตคนยุโรปตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบเลยก็ว่าได้


ตอนนี้รัฐบาลทุกประเทศจะมีตำแหน่งใหม่ขึ้นมา เรียกว่า 'รัฐมนตรีอียู' จะไปรวมกันอยู่ที่กรุงบรัสเซลล์ เป็นเหมือนคณะรัฐบาลที่นั่น แล้วจะมีสมาชิกจากทุกประเทศ ร่วมโหวตเหมือนสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นการเลือกสภาอียู


ระเบียบข้อบังคับมีอิทธิพลมหาศาล ถึงขั้นที่ว่า ถ้ากฎระเบียบใดของอียูออกมาแล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศสมาชิก ประเทศนั้นต้องแก้รัฐธรรมนูญตาม


ระบบศาลก็เหมือนกัน เดิมถือศาลฎีกาสูงสุดแล้วไปศาลโลก แต่จากนี้ไปคำตัดสินของ ศาลอียู ถือเป็นเด็ดขาด ขณะเดียวกันอียูส่งผลต่อสถานะของยุโรปไปด้วย แต่ละประเทศจะมีสถานะเป็นเหมือนจังหวัดหนึ่ง สิ่งที่ตามมาก็คือ คนในอียูสามารถโยกย้ายที่อยู่อาศัยได้ทั่ว 15 ประเทศ (และจะเพิ่มเป็น 25 ประเทศในปีหน้า) ทำให้สามารถอยู่ทำงานได้เลย 'โดยถูกต้องตามกฎหมาย' ไม่ต้องเป็นโรบินฮู้ดต่อไปอีกแล้วอย่างไรก็ดี แม้ระบบภายในง่ายขึ้น แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่ตามมา พร้อมกับที่กำแพงใน 15 ประเทศ (หรือ 25 ประเทศในปีหน้า) พังทลายลงก็คือ กำแพงรอบยูโรจะสูงขึ้น ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในอียู จะมีปัญหาเรื่องการกีดกันสินค้า โดยเฉพาะเอเชียที่จะส่งสินค้าเข้าไป


และนี่คืออีกโฉมหน้าของ 'รัฐสวัสดิการ' ที่เล่าสู่กันฟัง ดั่งของฝากจาก 'สวีเดน' ที่ บุญส่ง ได้นำพามา ก่อนจะบันทึกเป็นหนังสือให้ได้รู้จักกว่านี้ในสักวันหนึ่ง Just wanted to share this article with you..Norway is just like that. I met Boonsong once in Oslo.

Kamkian Kammee
14 ก.ค. 2546 02:52:03






###ชี้แจง

ชบา เห็นว่า บทความของคุณบุญส่งมีประโยชน์ และน่าสนใจมากค่ะ เต็มไปด้วย เนื้อหา สาระ และข้อคิดมากมาย จึงขออนุญาต นำมาเผยแพร่โดยมิได้มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการค้าแต่อย่างใดค่ะ

ขอแสดงความนับถือ

ชบา

ผู้ใหญ่บ้าน บ้านไทย
ชุมชนชาวไทยออนไลน์ ในสวีเดน

ด้วยความอนุเคราะห์จากแว็บบ้านไทยค่ะ



Create Date : 10 กรกฎาคม 2549
Last Update : 10 กรกฎาคม 2549 2:53:21 น. 16 comments
Counter : 11775 Pageviews.

 
อิจฉาคนสวีเดนแทนคนไทยเนาะ... ตอนนี้ก็หวังแค่คนไทยพอมีพอกิน มีการมีงานทำ ไม่มีหนี้สินก่อนก็แล้วกัน... สาธุ..ขอให้เมืองไทยสงบร่มเย็น และเดินตามสวีเดนมาเร็วๆ เถิ้ด...


โดย: ํีYui in Lund Sweden IP: 83.249.225.200 วันที่: 10 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:36:46 น.  

 


โดย: ํีYui in Lund Sweden IP: 83.249.225.200 วันที่: 10 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:37:32 น.  

 
อยากให้คนไทยได้อะไรๆ อย่างคนสวีเดน
ฝันไว้ก่อน ดีกว่าไร้ฝัน ...


โดย: ยุ้ยสุดสวยเจ้าค่าาาา... IP: 83.249.225.200 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:18:40 น.  

 
เป็นการเล่าเรื่องที่สนุกและน่าสนใจนะครับ...ผมเป็นนักสังคมสงเคราะห์ทำงานอยู่บ้านนอกครับ ผมสนใจเรื่องรัฐสวัสดิการแถวยุโรปมากครับ วันนี้ผมมีความสุข ผมอิ่มเต็มในสิ่งที่ผมต้องการจะหาอ่านเพื่อเติมเต็มในงานที่ผมทำซึ่งมันเป็นคนลัเรื่องครับ แต่ผมไม่ท้อนะครับ ยังอยู่บ้านนอกช่วยเหลือดูแลคนจน เคียงบ่าเคียงไหล่กันต่อไปครับ ผมอยากอ่านอีกครับ อยากเห็นภาพรวมของรัฐสวัสดิการวนแถบยุโรปทั้งหมดครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ/tibetsambala@hoymail.com


โดย: ทิเบต IP: 203.188.39.50 วันที่: 31 กรกฎาคม 2549 เวลา:2:02:37 น.  

 
ได้อ่านบทความของคุณบุญส่งแล้ว น่าสนใจมากเลย ถ้าอยากติดต่อคุณบุญส่งเกี่ยวกับสวีเดน จะสามารถติดต่อได้อย่างไร มีอีเมล์แอดเดรสมั๊ยคะ ถ้ามีรบกวนแจ้งกลับที่อีเมล์ได้มั๊ยคะ

ขอบคุณมากค่ะ
ตุ๊กตา
alrie@hotmail.com


โดย: Tukata IP: 58.9.76.212 วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:15:12:13 น.  

 


โดย: นักเรียนโท (ม.ราม) IP: 203.118.105.93 วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:09:47 น.  

 
รัฐสวัสดิการของประเทศสวีเดนนั้นดีมากๆ ประเทศของเค้าก็น่าอยู่ อากาศเย็นสบาย บ้านเมืองก็สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ต้นไม้ก็เยอะน่าอยู่เลยทีเดียว (คนที่นั้นทั้งหล่อและสวยเลยแหละ) พอดีเพิ่งไปกลับมา โดยมี อ.บุญส่ง เป็นผู้พาเที่ยวรอบเมืองค่ะ อาจารย์น่ารักมาก ใจดี และบรรยายสนุก ประทับใจมากกับการดูงานครั้งนี้ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
aum_chiang@hotmail.com


โดย: นักเรียนโท (ม.ราม) IP: 203.118.105.93 วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:19:45 น.  

 
ประเทศในฝัน คิดเสมอว่าจะได้มีโอกาศเข้าไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่นั่น แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายที่จะมาสนับสนุน อยากเรียนถามอาจารย์บุญส่งว่า ที่นั่นมีทุนให้นักเรียนต่างชาติเรียนฟรีหรือไม่ครับ ผมรับราชการเป็นนักพัฒนาสังคม อยู่ที่ศูนย์พัฒนาสังคมในต่างจังหวัดครับ ได้อ่านข้อเขียนของอาจารย์แล้ว มั่นใจว่าถ้ามีโอกาสได้เรียนต่อในระดับปริญญาเอกที่สวีเดนแล้ว
จะสามารถเก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆและนำกลับมาใช้เพื่อ
เป็นประโยชน์แก่ชีวิตคนไทยได้มากทีเดียว หากมีข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทุนขอความกรุณาแจ้งให้ทราบด้วย จักเป็นพระคุณอย่างสูงครบ


Ae.


โดย: Ae IP: 125.25.18.78 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:1:28:02 น.  

 
สวัสดีค่ะทุกท่าน ต้องขออภัยด้วยนะค่ะที่เข้ามาตอบช้าไปนะค่ะ แต่ถ้าท่านใดต้องการขอ้มูลเพิ่มเติม สามารถเมลมาหาดิฉันได้นะค่ะ ยินดีให้ข้อมูลค่ะ เพื่อเป็นแนวทาง และดิฉันจะหาข้อมูลให้เท่าที่ดิฉันทำได้นะค่ะ
detum_jaruwan@hotmail.com

ยินดีช่วยเสมอค่ะ


โดย: นายกสมาคม IP: 85.228.145.216 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:3:35:13 น.  

 
ต้องการทราบข้อมูลการจ่ายเงินสวัสดิการของประเทศสวีเดนค่ะ


ขอบคุณมากค่ะ


โดย: กิตติยา สมจิต IP: 125.25.209.18 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:15:53:30 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7589956/P7589956.html

สนทนาเรื่องรัฐสวัสดิการกับอาจารย์บุญส่ง ชเลธร
.
ดร.โสภณ พรโชคชัย*
.
.
ผมได้พบกับอาจารย์บุญส่งเมื่อคราวไปออกบูธอสังหาริมทรัพย์ในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ ผมเป็นคนพานักพัฒนาที่ดินและอาคารชุดไทย ไปขายสินค้าให้กับคนสวีเดน เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2552
.
อาจารย์บุญส่งเป็นผู้ประสานงานที่แข็งขันอย่างยิ่งของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำหน้าที่ประสานงานด้านการศึกษาทางไกลให้กับคนไทยในต่างประเทศที่สนใจศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ซึ่งในอนาคตก็จะมีถึงระดับปริญญาเอกด้วย แต่ในอดีตเมื่อ 30 ปีก่อน อาจารย์บุญส่งเป็นผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นหนึ่งใน 13 กบฎเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกจับในระหว่างการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในสมัยที่จอมพลถนอม กิตติขจรเป็นนายกรัฐมนตรี จนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อาจารย์บุญส่งจึงนับเป็นคนเดือนตุลาคนหนึ่ง
.
.
รัฐสวัสดิการในสวีเดน
.
อาจารย์บุญส่งเล่าให้ฟังถึงสวัสดิการสังคมที่ประเทศสวีเดนจัดให้ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายประการ ดังเช่น:
.
1. เด็กนักเรียน สามารถเข้าโรงเรียนได้ฟรี อุปกรณ์การเรียนฟรี โดยส่งให้เรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงปริญญาเอกตามกำลังความสามารถของนักเรียนเอง
.
2. เด็กทุกคนมีเงินเดือนให้ใช้ เทียบเป็นเงินไทยคงเป็นเงินเดือนละประมาณ 4,000 บาท โดยทุกคนได้รับเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นลูกตาสีตาสาหรือลูกนายกรัฐมนตรีก็ตาม
.
3. ผู้หญิงสามารถลาคลอดได้ยาวนานเป็นปี แถมยังได้รับรายได้เกือบเท่าเงินเดือนที่รับอยู่ก่อนคลอดเสียอีก
.
4. สำหรับคนทำงาน จะได้รับเงินเดือนตามลักษณะงานที่ทำ ไม่ใช่ตามวุฒิ เช่น ถ้าทำงานขับรถประจำทาง ไม่ว่าจะจบระดับไหน ก็เริ่มต้นด้วยเงินเดือนที่เท่ากัน และในระยะยาว คนขับรถประจำทางอาจมีรายได้มากกว่าคนจบปริญญาโทที่ทำงานตรงสาขาแต่ยังทำงานไม่นาน เป็นต้น
.
5. ผู้สูงอายุ ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือไม่ก็ตาม ต่างก็ได้รับบำนาญ โดยอาจารย์บุญส่งเล่าว่า ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในโลกก็จะได้รับเงินนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้สูงอายุส่วนหนึ่งจึงนิยมมาอยู่ในประเทศไทยหรือประเทศอื่น ๆ เพราะค่าครองชีพถูกกว่า ด้วยบำนาญที่ได้ จึงสามารถอยู่ได้อย่างสบาย
.
เท่าที่ผมพอจำได้ก็คงมีเท่านี้ แต่นี่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบอย่างสูงที่รัฐบาลมีให้กับประชาชนของตนเอง ถ้าประเทศไทยเราทำได้บ้าง ก็คงจะดียิ่ง
.
.
ความสำเร็จมาจากภาษีโหด
.
การที่ประเทศสวีเดนสามารถจัดสวัสดิการได้อย่าง “เหลือเชื่อ” เช่นนี้ ไม่ใช่ของฟรี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ รัฐบาลนึกจะทำก็ทำได้ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากภาษีอากรที่เก็บจากประชาชน และรัฐบาลของเขาโหดกับการเก็บภาษีเป็นอย่างยิ่ง ข้อนี้อาจต่างจากเรามาก เราอาจเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ต่าง ๆ นานา แต่คนไทยเรากลับพยายามเลี่ยงภาษี ในกรณีสวีเดน ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของเขาเก็บ 25% ภาษีรายได้บุคคลธรรมเก็บระหว่าง 30-62% ของรายได้สุทธิ
.
อย่างกรณีร้านอาหารที่มักมีโอกาสที่ภาษีรั่วไหล เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะมีสมุดบันทึกให้พนักงานลงชื่อเข้าทำงาน เพื่อป้องกันการ “มั่ว” จ้างแรงงานโดยไม่มีตัวตน หากวันใดที่เจ้าหน้าที่มาตรวจ ต้องมีจำนวนพนักงานครบตามที่ลงชื่อ บางครั้งมีกรณีที่พนักงานคนหนึ่งคนใดลืมลงชื่อ แต่มาทำงาน เจ้าของร้านก็จะถูกปรับ “อาน” ไปเลย คือเป็นเงินราว 100,000 บาทนั่นเอง พนักงานที่ไม่ลงชื่อก็ยังถูกปรับเช่นกัน นอกจากนี้กรมสรรพากรยังส่งเจ้าหน้าที่มานับจำนวนขวดเบียร์ นับปริมาณขยะหลังร้านอีกต่างหาก
.
.
การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง
.
นี่แสดงให้เห็นว่ากฎหมายของสวีเดนมีความโหดมาก ผู้คนจึงไม่กล้าเลี่ยงกฎหมาย และรู้สึกเข็ดหลาบที่จะละเมิดกฎหมาย คนสวีเดนกลัวกฎหมาย แต่ไม่กลัวตำรวจ ผิดกับคนไทย กลัวตำรวจ แต่ไม่กลัวกฎหมาย
.
แน่นอนว่าการโกง การฉ้อราษฎร์บังหลวง ก็มีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา แต่กระบวนการปราบปรามการโกงก็มีพัฒนาไปอย่างทันท่วงทีเช่นกัน ดังนั้นโอกาสที่ใครจะคิดติดสินบนข้าราชการ จึงมีได้ยากยิ่ง และถือเป็นการ “ฆ่าตัวตาย” มากกว่า เพราะต้นทุนการทำผิดกฎหมาย แพงกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายมากมายนัก
.
ในส่วนของข้าราชการเอง ระบบได้ทำให้เกิดความเข้มงวดมาก แม้แต่ประมุขของประเทศ หากได้รับของขวัญจากพระราชอาคันตุกะ ก็ยังต้องมอบของขวัญเหล่านั้นให้กับทางราชการ จะเก็บไว้ใช้สอยส่วนตัวไม่ได้
.
.
การเมืองที่เอื้ออำนวย
.
อาจารย์บุญส่งเล่าให้ฟังว่า รัฐบาลที่เข้มแข็งของสวีเดนนั้น ในช่วงหนึ่งพรรคสังคมประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งทุกๆ 3 ปีจนสามารถบริหารงานต่อเนื่องได้ถึง 44 ปี (1932-1976) ซึ่งก็เป็นโอกาสที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์สำคัญของพรรครัฐบาลรังสรรค์ระบบสวัสดิการสังคมที่ดีให้กับประเทศชาติได้ ดังนั้นการเมืองที่เข้มแข็งจึงเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือการมีสหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง ตามหลักการที่ว่า สิทธิที่พึงมีพึงได้ ย่อมมาจากการเรียกร้องที่เป็นธรรม ไม่ใช่ได้มาจากการร้องขอแต่อย่างใด
.
ปัจจัยแห่งความสำเร็จอีกประการหนึ่งของการสถาปนารัฐสวัสดิการก็คือ การที่ประชาชนได้รับการศึกษาดี มีความรู้ มีจิตสำนึก ทำให้การพัฒนาของสังคมเป็นไปในแนวทางที่ก้าวหน้า ไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือของนักการเมือง
.
อาจกล่าวได้ว่ารัฐบาลของประเทศสวีเดนมีการตอบสนองสูงต่อสังคม เช่น ในคราวเกิดสึนามิเมื่อปลายปี 2547 ชาวสวีเดนเสียชีวิตในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เด็กกำพร้าขาดพ่อแม่ และยังต้องเสียภาษีมรดก รัฐบาลจึงออกกฎหมายยกเลิกภาษีมรดก โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิดังกล่าวตามหลักการที่ว่ากฎหมายจะมีผลย้อนหลังได้หากเป็นคุณ
.
.
หนทางสู่แบบอย่างสวีเดน
.
มีโอกาสหรือไม่ที่ไทยจะมีรัฐสวัสดิการเช่นสวีเดน ข้อนี้คงต้องเปรียบเทียบประเทศทั้งสองในแง่มุมต่าง ๆ ดังตารางต่อไปนี้:
.
//www.prachatai.com/05web/upload/HilightNews/library/200903/04_054405_7.jpg
[img]//www.prachatai.com/05web/upload/HilightNews/library/200903/04_054405_7.jpg[/img]
.
.
หากเปรียบเทียบสวีเดนกับไทยจะพบว่า ประเทศทั้งสองมีขนาดใกล้เคียงกันมาก โดยไทยมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่ประชากรไทยที่ 65.493 ล้านคนนั้นมากกว่าสวีเดนถึง 7.24 เท่า ทำให้ความหนาแน่นของประชากรไทยสูงกว่าสวีเดนมาก ขนาดเศรษฐกิจไทยใหญ่กว่าสวีเดน 59% อย่างไรก็ตามหากพิจารณารายได้ต่อหัวจะพบว่าสวีเดนมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าถึง 4.55 เท่า
.
ในกรณีการจัดเก็บภาษีนั้น สวีเดนจัดเก็บได้มากกว่าไทยถึง 5.48 เท่า และงบประมาณแผ่นดินสูงถึง 4.76 เท่า และหากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า คนไทยเสียภาษีโดยเฉลี่ยปีละ 26,384 บาท ในขณะที่ชาวสวีเดนเสียภาษีปีละ 1,046,667 ล้านบาท ปมตรงนี้เองที่ชี้ให้เห็นว่า ระบบสวัสดิการสังคมที่แสนดีนั้นมีต้นทุนมหาศาลที่ทุกคนต้องช่วยกันจ่าย ถ้าเราจะมีรัฐสวัสดิการที่รับผิดชอบต่อประชาชนทุกคน ผู้เสียภาษีต้องพร้อมใจกันเสียภาษีให้มากกว่านี้
.
แต่ปัญหาก็คือคนจำนวนมากไม่เสียภาษี ไม่ยอมเสียภาษี และคนอีกจำนวนมาก อ้างว่าเสียภาษีไปก็จะถูกนักการเมืองหรือข้าราชการนำไปโกงกินกัน ผมเชื่อว่านี่คงเป็นข้ออ้าง เราต้องแยกกันระหว่างการที่พลเมืองไทยต้องมีหน้าที่เสียภาษี กับการปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง
.
.
* ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้เป็นประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) และยังเป็นกรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการสภาที่ปรึกษาของ Appraisal Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาที่แต่งตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส Email: sopon@thaiappraisal.org

//www.bcoms.net/upload/images/bcoms20093483659.jpg
[img]//www.bcoms.net/upload/images/bcoms20093483659.jpg[/img]

//www.bcoms.net/upload/images/bcoms20093483353.jpg
[img]//www.bcoms.net/upload/images/bcoms20093483353.jpg[/img]


โดย: s IP: 58.8.34.169 วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:13:19:03 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแม่ พอดีทางเราสังเกตุเห็นว่าคุณแม่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ จึงอยากบอกถึงโครงการดีๆ ของนมผงตราหมีค่ะ

ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วที่เราได้จัดกิจกรรม MommyBear Blogger ขึ้น เพื่อให้คุณแม่ได้แบ่งปันเขียนเรื่องราวและประสบการณ์ดีๆ ผ่านทาง Mommybear Blog พร้อมทั้งให้คุณแม่และครอบครัวร่วมกิจกรรมสนุกๆมากมาย เช่น การถ่ายแบบลงนิตยสาร class เรียนทำอาหาร หรือ ทริปไปต่างจังหวัดค่ะ

เข้าไปดูลายละเอียดและสมัครได้ในลิงค์นี้ หมดเขตรับสมัคร 21 ก.พ. 2553 //www.mommybear.net/mommybearblogger/year2/

อย่าพลาดโอกาสดีๆ สมัครวันนี้ รอรับ Welcome Pack จากพี่หมีได้เลยค่ะ


ทีมงาน MommyBear Network


โดย: apple IP: 203.146.242.40 วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:21:32:21 น.  

 
สวัสดีคะ คือดิฉันมีคำถามอยากจะรบกวนถามหน่อยค่ะ
คือดิฉันเเพิ่งแต่งงานกับชาวสวีเดนและมีลูกสาวกับสามีคนเก่ามาอยู่ที่สวีเดนด้วยไม่ทราบว่าลูกสาวของดิฉันจะได้รับเงินเหมือนกับเด็กสวีเดนหรือเปล่าคะ


โดย: jan IP: 91.125.235.197 วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:23:52:41 น.  

 
ต้องการติดต่ออาจาร์ยบุญส่งเช่นกันค่ะ จะติดต่อไดที่ใหน เพราะจะเดินทางไปสวีเดนในเร็ววันนี้ค่ะ กรุณาแจ้งได้ที่ Email- tae5522tae@yahoo.com



โดย: tae IP: 101.108.114.206 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:13:49:35 น.  

 
ผมจ่ายภาษีที่สวีเดน 30%แล้วทางskattส่งเอกสารมาว่าใด้รับเงินคืน 36000kr.ผมเช็นแล้วส่งไปทางบรษัทที่ผมทำงานถึงตอนนี้ผมยังไม่ใด้รับเงินเลยเหมือนว่าทางบรษัทไม่ดำเนินการให้ ตอนนี้ผมอยู่เมืองไทยทำอะไรไม่ใด้โทรถามเขาก็บอกรอปีหน้าผมขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใหนใด้บ้างครับ


โดย: Aphinan moonwong IP: 182.232.138.9 วันที่: 2 ตุลาคม 2560 เวลา:8:24:04 น.  

 
จริงหรือไม่ผู้สูงอายุที่ได้รับเงินห้ามออกนอกประเทศ1ปีไม่นั้นจะโดนตัดเงินส่วนนี้ไป


โดย: Arirat IP: 182.232.34.199 วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:15:00:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

jaruwan_2520
Location :
Eskilstuna Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




สมาคมคนไทยใน Eskilstuna ได้ทำการจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือน มกราคม 2551(2008) โดยการรวมตัวของคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในสวีเดน ติดตามต่อไปนะค่ะว่าคนไทยใน Eskilstuna เขาทำอะไรกันมั้งนะค่ะ
Vi startade Thaiförening som heter Mälardarens Eskilstuna Thaiförening i Jaruary 2008 för att du kan ser vad vi göra om thaiförening. Vi ses då!
Mvh.
Jaruwan
[Add jaruwan_2520's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com