คำว่า "ผี" นี้เป็นเรื่องลึกลับ ที่รอคอยการพิสูจน์ ในขณะเดียวกัน ก็มีข่าวการพบเจอเรื่องผี ๆ นี้ อยู่เสมอ ๆ ในทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์
ในบางประเทศ อย่างเช่น โรมาเนีย ทางภาครัฐ ถึงกับมีการออกใบประกอบการให้สำหรับหมอผี (ผู้ทำหน้าที่ขับไล่วิญญาณ) กันเลยทีเดียว...
เืรื่องผี ๆ หรือ วิญญาณ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง...
ดังที่คุณซูซาน ลี เจ้าหน้าที่แผนกฝึกอบรมของกองทัพอากาศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ กรุงพริทอเรีย ได้พบเจอกับประสบการณ์นั้น และ นำมาถ่ายทอดให้พวกเราฟังกันค่ะ
บ้านผีสิง หลังนี้คุณซูซาน ลี ได้อยู่อาศัย มาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว โดยคุณซูซาน เล่าว่า เธอรู้สึก ถึงสัมผัสลึกลับภายในบ้านของตัวเอง ราวกับว่า ในบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเธออยู่เพียงคนเดียว เธอมักจะรู้สึกหมดแรง และเหนื่อยทุกครั้งที่เข้าไปในห้องครัว เมื่อเดินผ่านกำแพงอิฐใกล้อ่างล้างจาน เธอรู้สึกเหมือนพลังงานในตัวไหลออกไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเหมือนถูกวิญญาณนี้มาควบคุม เพื่อนที่เข้ามาบ้านนี้ต่างก็รู้สึกอึดอัด ชมวีดีโอคำบอกเล่าของคุณซูซานได้ที่นี่ค่ะ
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล และ พยายามหาทางแก้ไข มาโดยตลอด โดยได้เชิญ หมอผี จากหลาย ๆ สำนักมาทำพิธีขับไล่วิญญาณ แต่การณ์กลับเป็นว่า เมื่อเสร็จพิธี หมอผีก็พากันป่วยหมดทุกคน
วันหนึ่ง คุณซูซาน ได้ปรารภเรื่องนี้กับ พระอาจารย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโจฮันเนสเบิร์ก (พระภิกษุสงฆ์ จากประเทศไทย) ถึงเรื่องการขับไล่วิญญาณดังกล่าว
พระอาจารย์ท่านได้ชี้แจงว่า ท่านไม่ถนัดในการปราบผี หากแต่พอจะมีวิธี กล่าวคือ
วิธีที่หนึ่ง คือ ใช้คาถาอาคม ซึ่งสิ่งนี้มีอยู่ในโลก แต่วิธีนี้ผีจะโกรธ เพราะเราใช้กำลังไปบังคับกักขังเขา เหมือนผีชื่อดังที่อำเภอพระโขนงที่กรุงเทพฯ ซึ่งเธอถูกขังอยู่ในหม้อ และเมื่อเธอหลุดออกมาแล้ว เธอโกรธมาก หากเราใช้วิธีนี้...ถ้าผีโกรธก็อาจจะมาแก้แค้นทำร้ายเรา
วิธีที่สอง คือ
เราใช้ความรักและความเมตตา เพราะเรามองว่า วิญญาณไม่ได้อยากจะอยู่ตรงนี้ เขาก็อยากจะไปที่อื่นที่ดีกว่านี้ แต่พลังงานเขาไม่พอ อุปมาเหมือนตอนนี้ เราอยู่โจฮันเนสเบิร์ก อยากจะไปเคปทาวน์ แต่ไม่มีเงินเติมน้ำมัน ก็ไม่สามารถไปได้ เพราะมีพลังงานไม่เพียงพอ
ทุกท่านได้แก่คุณซูซาน เพื่อนคุณซูซาน และ พระอาจารย์ ได้มีความเห็นเป็นสมานฉันท์ว่า จะใช้วิธีที่สองกับเขา คือ จะสวดเจริญพระพุทธมนต์ แล้วให้เจ้าของบ้านนั่งสมาธิเพื่อสร้างพลังงานบวกในปริมาณมหาศาล แล้วแบ่งปันความรัก ความเมตตา ไปให้เขา เมื่อเขามีพลังงานมากพอแล้ว เขาก็จะไปเอง
และแล้ววันทำพิธีก็มาถึง...
คุณซูซานได้เล่าว่า ในขณะที่เธอกำลังหลับตาทำสมาธิอยู่นั้น
"เหลือเชื่อจริงๆ...ดิฉันได้เห็นวิญญาณของคนสองคนอยู่ระหว่างพระอาจารย์สองรูป และวิญญาณก็ค่อยๆ...สว่างขึ้นๆ เมื่อสว่างจนถึงจุดหนึ่งก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วหายไปค่ะ หลังจากวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า ดิฉันก็หลับได้อย่างสบาย มีพลังงานเหลือเฟือ สามารถทำงานที่บ้านได้มากมายหลายชั่วโมง" ชมวีดีโอคำบอกเล่าของคุณซูซานได้ที่นี่ค่ะเธอเชื่อว่า นี่คืออานุภาพของความรักและความเมตตาที่มีต่อวิญญาณเหล่านั้น โดยมีเสียงสวดมนต์ของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เป็นสื่อกลาง
ปัจจุบัน คุณซูซานเชื่อมั่นในอานุภาพของพระพุทธเจ้า และ การทำสมาธิ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
เธอได้มีคำถามมากมาย เกี่ยวกับเหตุการณ์ปราบผี ในวันนั้น ฝากมาถามผู้รู้ ดังนี้
1. เมื่อมนุษย์ตายแล้ว ทำไมวิญญาณของเขาจึงไม่กลับไปอยู่กับผู้สร้าง ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านของดิฉันได้คะ2. ทำไมดิฉันถึงสัมผัสวิญญาณได้ และเมื่อสัมผัสวิญญาณแล้ว ทำไมดิฉันถึงถูกวิญญาณนี้ควบคุมได้คะ3. ทำไมบทสวดพระพุทธมนต์จึงมีอานุภาพ เคลื่อนย้ายพลังงานที่ไม่เป็นมิตรออกไปจากบ้านของดิฉันได้ ดิฉันอยากทราบกลไกการทำงานของบทสวดนี้ค่ะพบกับคำตอบของคำถามเหล่านี้ ได้ที่นี่ค่ะ
"บ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย"ชมวีดีโอ การถ่ายทอดเรื่องราว บ้านผีสิงจากปากคำ คุณซูซาน ลี ได้ที่นี่ค่ะ