สิ่งที่ต้องรู้ ไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้เวียนว่าย อยู่ในวังวน หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ใครสักคน ไม่มีใครพ้น เรื่องกฎแห่งกรรม
แค่สักครึ่งหนึ่ง...ให้แม่ได้ไหม?        สึนามิ ภัยธรรมชาติ หรือ คำเตือนจากพญายม
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
ประสบการณ์การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวของท่านประธานาธิบดีคีร์ซาน


ฯพณฯคีร์ซาน อีลูมชีนอฟ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐคาลมิเกีย (The Republic of Kalmykia)

สาธารณรัฐคาลมิเกีย เคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Volga บนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลแคสเปียน เป็นรัฐที่มีชื่อเสียงในวงการหมากรุกสากล และนับเป็นดินแดนชาวพุทธแห่งเดียวในทวีปยุโรป ที่รับเอาศาสนาพุทธมาเป็นศาสนาประจำรัฐ

รูปประกอบจาก Photobucket
By shawnclary_77
สำหรับประสบการณ์การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวนั้น ท่านประธานาธิบดีคีร์ซาน ได้เล่าให้ทีมงาน DMC ฟังเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2553 โดยประสบการณ์การพบเจอมนุษย์ต่างดาวของท่านคีร์ซานนั้น ไม่ใช่มีเพียงแค่ครั้งเดียว หากแต่ท่านเคยเจอถึงสามครั้ง โดยสองครั้งแรกเป็นการพบเจอแบบผ่าน ๆ กล่าวคือ เห็นแค่ยานยูเอฟโอบินผ่าน แต่ในครั้งที่สามซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว หรือประมาณปี พ.ศ.2540 ท่านคีร์ซานได้ประสบพบเจอกับมนุษย์ต่างดาวแบบเผชิญหน้า ซึ่งเรื่องราวที่ท่านคีร์ซานได้เล่าให้ฟังจากปากของท่านคีร์ซานเอง ในช่วงที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป ดังนี้...

               เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2540 ในขณะนั้น ตัวผมอายุ 35 ปี ในช่วงเวลาประมาณสักสี่ ห้าทุ่ม ผมได้อยู่ในห้องพักกลางกรุงมอสโค ซึ่งผมมีแผนว่าเวลาเที่ยงตรงของวันรุ่งขึ้นผมจะเดินทางไปคาลมิเกีย และในขณะที่ผมกำลังดื่มชาและพักผ่อนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึก ผมก็ได้เผลอหลับไปในช่วงนั้น

ทันใดนั้นเอง...ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาผลักข้างหลัง พอผมลืมตามองไปที่ระเบียงหน้าห้องก็เห็นหน้าต่างเปิดอยู่ ผมจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ซึ่งตรงบริเวณหน้าต่าง ผมได้เห็นปล่องแสงที่มีลักษณะเหมือนท่อกลมใสอยู่ตรงหน้าต่าง จากนั้น ผมได้เดินไปตามปล่องแสงนั้น ซึ่งผมมองไม่เห็นใครแต่ก็เหมือนได้ยินคนเรียกชื่อของผม พอผมเดินไปจนสุดปล่อง ผมก็ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ และใส่ชุดคล้ายๆกับอุบาสก (เสื้อคอจีน-กางเกงขายาว สีขาว) เพียงแต่เป็นชุดสีส้ม



               เมื่อผมไปอยู่บนยานอวกาศแล้ว ผมสังเกตเห็นว่าตัวยานมีขนาดใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลถึงสามสนาม และมีมนุษย์ต่างดาวที่ใส่ชุดเหมือนๆกันอยู่เยอะมาก เท่าที่จำได้...บนยานมีสิ่งประดิษฐ์รูปทรงเรขาคณิตที่มีลักษณะและสีสันแตกต่างกันไป นอกจากนั้น ผมยังเห็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนมอนิเตอร์หรือจอภาพที่ฉายภาพมนุษย์บนโลกว่ากำลังทำอะไรอยู่ และในช่วงที่ผมอยู่บนยานนั้น มนุษย์ต่างดาวแต่ละคนก็กำลังพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจผมมากนัก จากนั้น มนุษย์ต่างดาวคนหนึ่งได้พูดกับผมว่า “เราน่าจะไปด้วยกัน”

แต่ผมบอกไปว่า “ผมไม่อยากไป เพราะพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปที่เมืองอลิสตา (เมืองหลวงของคาลมิเกีย)”

แต่เขากลับตอบว่า “เรากลับมาทันไม่ต้องเป็นห่วง”
ผมก็ตอบเขาไปว่า “ผมกลัวกลับมาแล้วทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะเวลาของคุณแตกต่างจากเรามาก เพราะหนึ่งชั่วโมงของคุณจะเท่ากับ 1,000 ปีของเรา”
จากนั้น ผมก็ถามเขากลับไปว่า “ทำไม คุณถึงไม่เปิดเผยตัว แล้วทำไม คุณถึงไม่ออกโทรทัศน์ถ่ายทอดบีบีซีไปทั่วโลก”
เขาก็ตอบมาว่า “มันยังไม่ถึงเวลา เพราะคนบนโลกยังเด็ก ความคิดยังไม่ถึงขั้น”
ผมก็ถามเขากลับไปอีกว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่า ความรู้ของพวกเราไม่ถึงขั้น เพราะเราก็มีเครื่องบิน มียานอวกาศ แล้วทำไมคุณถึงว่าเรายังเป็นเด็ก”

               เขาก็ตอบมาว่า “มนุษย์บนโลกยังเป็นเหมือนเด็ก เพราะความรู้ที่คุณมีเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก นอกจากนั้น พวกคุณยังชอบฆ่าฟันกันเอง แถมยังชอบฆ่าสัตว์ต่างๆเพื่อกินเป็นอาหาร แล้วพวกคุณยังชอบกินเนื้อกันเองอีกด้วย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ความคิดของพวกคุณยังคงดูป่าเถื่อน และยังไม่พร้อมที่จะรับรู้เรื่องราวแบบนี้”

แล้วผมก็ถามเขาไปอีกว่า “แล้วจะทำอย่างไรล่ะ มนุษย์โลกถึงจะพัฒนาความคิดได้เร็วขึ้น”

เขาก็ตอบว่า “พวกคุณต้องพัฒนาความดีขึ้นมา เพราะมนุษย์โลกในตอนนี้เหมือนเด็กห้าขวบที่ยังขับเครื่องบินเองไม่ได้” เขาเปรียบเทียบว่า มนุษย์โลกเป็นเหมือนเด็กเล็กที่ต้องค่อยๆโต ค่อยๆฝึก


               ในช่วงที่ผมสนทนากับมนุษย์ต่างดาวนั้น ผมไม่ได้ใช้ภาษาอะไรเลย แต่ผมใช้วิธีส่งใจถึงกันแทน เมื่อถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ เขาก็นำยานมาส่งผมที่ห้องพัก โดยใช้ปล่องแสงกลมๆส่งผมเหมือนตอนขามา คือ มาอย่างไรก็กลับอย่างนั้น ผมได้มาถึงที่ห้องพักในเวลา 11:00 น.ของวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2540 รวมเวลาที่หายไป ประมาณสิบสองชั่วโมง เวลาที่หายไปคืนวันเสาร์ ประมาณช่วง 22.00 น.‐23.00 น.กลับมาเวลา 11.00 น.ของวันอาทิตย์

               เมื่อผมกลับมาถึงห้องพักของผมแล้ว ผมก็รีบล้างหน้าล้างตา อาบน้ำแต่งตัว เพราะเวลาเที่ยงตรงผมต้องรีบเดินทางไปที่สนามบิน และในระหว่างที่ผมเดินผ่านห้องครัว ผมก็ได้พบกับผู้ช่วยของผมสองคน และคนขับรถอีกหนึ่งคน ผมจึงได้สั่งให้พวกเขาไปเตรียมชาและบอกคนขับให้ไปเตรียมรถ พอผมพูดจบเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกใจมากว่า...ผมโผล่มาจากไหน เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างเข้ามาตามหาตัวผมในห้องพักแต่กลับไม่พบ ทันทีที่ผู้ช่วยของผมเห็นตัวผม เขาก็รีบเดินมาจับตัวผมดูว่าเป็นตัวจริงหรือเปล่า เพราะอยู่ดีๆผมก็ดันหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วเขาก็ถามผมว่า “นี่ใช่คีร์ซานหรือนี่ คุณยังมีชีวิตอยู่หรือ คุณหายไปไหนมา”

ผมก็ตอบเขาว่า “ผมไปอยู่บนยานอวกาศ”
ผู้ช่วยของผมก็พูดกับผมว่า “คุณอย่ามาล้อเล่นสิ บอกมาซิว่าคุณไปอยู่ที่ไหนมา”

               ในตอนนั้น เขาดูแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ไขกุญแจเข้ามาในห้องพักของผม แต่กลับไม่เจอตัวผม เมื่อหาผมไม่เจอเขาก็คิดว่าเขาคงจะต้องโทรศัพท์ไปแจ้งท่านประธานาธิบดีรัสเซียว่าผมหายตัวไป แต่ยังไม่ทันจะโทรก็กลับมาเจอตัวผมอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ทุกคนแปลกใจมากที่อยู่ดีๆผมก็หายตัวไป เพราะในระหว่างที่ผมพักอยู่ที่ห้อง ผมล็อคห้องเอาไว้ตลอด แถมหน้าต่างของห้องพักก็ห่างจากดาดฟ้าถึงห้าเมตร และในช่วงที่ผมหายตัวไปทีมงานทุกคนต่างก็เข้ามาช่วยกันค้นหาตัวผมในห้องพักตอนเวลา 10:30 น.แต่ก็ไม่พบ แต่อยู่ดีๆผมก็โผล่มาตอน 11:00 น. ในตอนนั้น ทุกคนโกรธผมมาก เพราะทุกคนคิดว่าผมเล่นซ่อนหา นึกว่าผมล้อพวกเขาเล่น ขนาดคนขับรถของผมยังโกรธ และไม่ยอมคุยกับผมถึงหนึ่งเดือน

               แต่เมื่อผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านปูติน (ประธานาธิบดีรัสเซีย วาลาดิเมียปูติน) ฟัง ท่านกลับเชื่อในสิ่งที่ผมเล่าว่าเป็นเรื่องจริง นอกจากนั้น ลูกสาวของท่านปูตินยังได้เชิญให้ผมมาเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังหลังจากนั้นอีกสามปี และในปีพ.ศ. 2542 ผมก็ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับสำนักข่าวบีบีซี ซึ่งทำการออกอากาศไปทั่วรัสเซีย นอกจากผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ท่านปูตินฟังแล้ว ผมยังได้เล่าเรื่องนี้ให้กับท่านบอริส เยลซิน ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีรัสเซียฟังอีกด้วย ซึ่งท่านเยลซินบอกว่า ท่านทราบแล้วให้ไปทำงานต่อ (แสดงว่าท่านเยลซินไม่ค่อยเชื่อ ซึ่งผิดกับท่านปูตินที่จดทุกคำพูดของผมเลย)

               นับตั้งแต่วันที่ผมเจอมนุษย์ต่างดาวในครั้งนั้น ผมก็ไม่สูบบุหรี่และดื่มเหล้าอีกเลย อีกทั้งผมมีโครงการที่จะสร้างวัดที่ใหญ่ที่สุดในคาลมิเกียอีกด้วย และในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้พบกับมนุษย์ต่างดาว ผมได้สร้างวัดพุทธไปแล้ว 46 วัด สร้างโบสถ์คริสต์ไปแล้ว 20 โบสถ์

               สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว จากองค์การนาซา (NASA) มีสถิติว่า ในหนึ่งปีจะมีคนเห็นยานอวกาศ หรือสิ่งที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวประมาณ 4,000 ครั้ง อีกทั้งประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา กับ ประธานาธิบดีเบรสเนฟ แห่งรัสเซีย เคยปรึกษากันว่าจะไม่ส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ เพราะทราบว่าบนดวงจันทร์ไม่มีมนุษย์ต่างดาว แต่ผมคิดว่าดาวที่ผมไปกับยานอวกาศเมื่อปี พ.ศ.2540 เป็นดวงจันทร์ ตั้งแต่ผมเจอยานอวกาศครั้งแรก หลังจากนั้นอีกสามสิบปี ผมไม่เคยเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ใครฟังเลย

               มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้แชมป์หมากรุกคนหนึ่งซึ่งเป็นศาสตราจารย์ฟัง ภรรยาของแชมป์หมากรุกคนนั้นก็บอกผมว่า ตัวเธอก็เคยเห็นยานอวกาศเหมือนกัน จากจุดนี้ทำให้ผมคิดว่า คงมีคนเคยเห็นยานอวกาศมากมาย แต่ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง


ส่วนว่า สิ่งที่ท่านคีร์ซานได้พบเจอนั้น มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ และ มนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนาเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ที่นี่ค่ะ มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือ เมื่อประธานาธิบดีถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว



Create Date : 07 มีนาคม 2554
Last Update : 7 มีนาคม 2554 12:05:51 น. 0 comments
Counter : 845 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

vlovethai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Born@Aug 8,2007


ผู้เขียน ขอรับผิดชอบ เนื้อหาที่แสดงใน Blog นี้ทั้งหมด แต่เพียงผู้เดียว พร้อมทั้ง ขอน้อมรับ ความคิดเห็น ของทุกท่าน ด้วยความยินดี และ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ หากผู้ใด ประสงค์ที่จะนำไปใช้ กรุณาระบุที่มาของข้อมูล จะเป็นพระคุณอย่างสูง
***เพื่อน ๆ ที่ต้องการนำ Content บนบลอกนี้ไปเผยแพร่ ติดต่อขอรับ File HTML ได้หลังไมค์ หรือ ติดต่อที่นี่ค่ะ ขอย้ำว่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ เพื่อน ๆ จะนำไปเผยแพร่ ต่อค่ะ***





Blog เดือนกันยายน ๒๕๕๐

สมาธิ เปลี่ยนชีวิต ตอน ดาวภายในของ น้อง Maximo
Gary Stretch : ดาราฮอลลีวูด กับ การทำสมาธิ
คำเตือน จาก Microsoft และ Mcafee : Virus ตัวใหม่ ห้ามเข้าเด็ดขาด !!!
DMC สื่อสีขาวของไทย ได้รับรางวัล Telly Awards
ดอกไม้จากยอดดอย
กิ้งกือเกือบถึงฆาต


Blog เดือนตุลาคม ๒๕๕๐

ดาวน์โหลดหนังสือ สมาธิเปลี่ยนชีวิตได้ที่นี่ค่ะ
บันทึกการทำอาหาร จากการท่องบลอก
ความสำคัญของวันออกพรรษา / ดาวน์โหลดหนังสือ ตำนานพญานาคสองฝั่งโขง
เล็ก ๆ กับบราวเซอร์ IE : ปรับขนาดตัวอักษร

Blog เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐

ความหมายของการทอดกฐิน
เราไม่ใช่ศัตรูกัน...ไม่ใช่ศัตรูกันเลย

Blog เดือนเมษายน ๒๕๕๒

★...คุณทราบข่าวดีที่สุดในโลกนี้แล้วหรือยัง ?...★
☆... ก่อนตาย คุณจะนึกถึงเรื่องอะไร?...☆

★...เมื่อนักบินต่างชาติ พบสิ่งมหัศจรรย์ ขณะอยู่บนท้องฟ้าเมืองไทย...★


















New Comments
Friends' blogs
[Add vlovethai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.