ชอบในสิ่งที่เลือก กับเลือกในสิ่งที่ชอบ อยู่ที่คุณตัดสินใจ ชีวิตของคุณ คุณคือผู้ลิขิต
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
ปิดภาคเรียน

เมื่อฤดูกาลที่เด็กๆทุกคนรอคอยมาถึง นั้นคือฤดูกาลปิดภาคเรียน โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดจะรู้สึกคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะได้กลับบ้านเสียที ต้นข้าวเด็กผู้หญิงที่ต้องจากบ้านมา เพื่อแสวงหาอนาคตทางการศึกษา ด้วยหวังว่าการศึกษาจะยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น ครอบครัวเธอก็คิดเช่นนั้นจึงได้สนันสนุนในเรื่องการศึกษาของเธอ และหวังที่จะได้เห็นเธอจะนำความสำเร็จกลับมาบ้าน

กลับบ้านครั้งนี้เธอได้เจอกับเพื่อนเก่าทั้งสมัยมัธยมและประถม มีทั้งที่สนิทและไม่สนิท เวลาที่เธอจากบ้านมาเพียงไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีข่าวคราวมากมายเกิดขึ้น สมัยก่อนแม่จะคอยเป็นห่วงเธอในเรื่องการคบเพื่อน แม่กลัวว่าถ้าเธอคบกับเพื่อนที่ไม่ดีจะพากันเสียคน ฉะนั้นแม่จึงสอนเธอเสมอในเรื่องนี้ แม่มักบอกว่าคบกับคนแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้นประมาณว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบันฑิตบันฑิตพาไปหาผล เธอพึ่งรู้ว่าแม่ของเธอชอบเอาคำคมอารมณ์ขันมาสอน

แต่เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่แม่บอกเท่าไหร่ เพื่อนที่เธอคบด้วยจึงมีทุกประเภท ทั้งเด็กเรียนที่นั่งเรียนหน้าชั้น และเด็กหลังห้องเรียนที่มักถูกมองว่าเลวร้ายในสายตาคนอื่น เหตุที่เขาถูกมองเช่นนั้นเพียงเพราะ เกรดของเขาไม่ใช่เลขสวยๆที่อาจารย์อยากเห็นเท่านั้นเอง จากการที่ได้คุกคีกับเพื่อนทั้งสองกลุ่ม จะเห็นถึงความแตกต่างกลุ่มเด็กหลังห้องที่ใครๆมองว่าไม่ดี เขากลับเข้าใจลึกซึ้งในความหมายของคำว่าเพื่อน ซึ่งเด็กหน้าห้องทั้งหลายไม่มีวันได้รู้จักและเข้าใจ

เธอเชื่อว่าถ้าทุกคนไม่เอาตัวเลขที่ถูกกำหนดขึ้นมา มาตัดสินความเป็ตัวตนของพวกเขา พวกเขาจะมีศักยภาพในการทำสิ่งใดๆให้สำเร็จไปได้ ด้วยพลังของความสามัคคี ไม่เห็นแก่ตัว เธอจึงมีความคิดที่ต่างจากแม่ของเธอในเรื่องนี้ อีกอย่างหนึ่งเธอเชื่อว่า การที่เธอคบกับคนเช่นใดไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องเป็นคนเช่นนั้น เธอจะเป็นคนเช่นใดมันก็ขึ้นกับการเลือกปฏิบัติตัวของเธอเองสิ ไม่มีใครมาบังคับให้เธอทำแบบนั้นแบบนี้ได้ หากเธอไม่ต้องการ แต่ในเมื่อพวกเขาถูกมองว่าไม่ดี เขาจึงทำตามที่คนภายนอกมองเขา

เธอได้เจอกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เคยเรียนด้วยกันตอน ม.ต้น เขาจะจบ ม.ปลายปีนี้ เมื่อก่อนเคยเรียนด้วยกัน แน่นอนว่าเขาเป็นกลุ่มนักเรียนหลังห้อง เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยจะสนใจเรียนสักเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดถึงความมีน้ำใจแล้วละก็ เธอต้องยอมรับว่าเขามีจนเต็มเปี่ยม พอเจอเขาในวันนี้ ดูต่างไปจากเดิมมาก ดูมีความรับผิดชอบมากขึ้น

“เฮ้ยแกไม่อยู่สอนน้องอีกสักปีเหรอ อยู่อีกปีหนึ่งเผื่อแกจะเรียนได้ที่ 1 กับเขาไง”
“ยังปากมอมเหมือนเดิมนะแก อยู่ดีๆมาแช่งกัน”
“ไม่ได้แช่งนะแก ก็แนะนำเผื่อเพื่อนจะสนใจ เอาที่ 1 ไปประดับบารมีตอนจบ มีลูกมีหลานจะได้บอกลูกบอกหลานได้ว่า พ่อนะเรียนได้ที่ 1”
“ไม่เอาแล้วแค่นี้ก็โดนแม่บ่นทุกวัน ฉันพูดจริงๆนะแก ลำพังตัวฉันนะไม่เท่าไหร่ ฉันสงสารแม่ ไม่อยากให้แม่ร้องไห้ เพื่อนๆคนอื่นเขาไปถึงไหนต่อไหนกันหมดแล้ว แต่ไอ้ฉันสิแก...”
“เอ้อแล้วจบนี้แล้วแกจะต่อไหน”
“กะว่าจะต่อสายอาชีพ”
“แกยังไม่เข็ดเหรอ เดี๋ยวได้กลับมาซบอกที่โรงเรียนอีกรอบหรอก”
“คราวนี้ถึงมาเขาก็ไม่รับเข้า ม.4 แล้วละ คงต้องลงเรียน ม.1 ใหม่”
“รู้ตัวด้วยเหรอแกนะ แล้วแกคิดว่าจะจบเหรอ แก้ศูนย์แล้วหรือยังจ๊ะ”
“เออๆๆ รู้แล้วน่า”
“เอ้อแกรู้หรือยังว่าไอ้มดมันแต่งงานแล้ว”
“ไม่รู้ มันไปเรียนไม่ใช่เหรอ แล้วมันแต่งกับใคร”
“เออมันนะไปเรียน แล้วก็ได้แฟนเป็นของแถม แล้วแกไม่เอาบ้างเหรอ”
“ไอ้ปากมอม ลองเอามาสิพ่อได้ไล่ออกจากบ้าน อยู่ดีไม่ว่าดีพ่อแม่ส่งไปเรียนให้ฉลาด ไม่ได้ส่งไปให้โง่ เอาแฟนกลับเข้าบ้าน ยังนึกไม่ออกเลยแกว่าพ่อจะทำยังไง แล้วมันเรียนอยู่ไหม”
“เห็นเขาว่าไม่แล้วนะ ออกมาทำงานห้าง เขาว่ามันท้องด้วย ผู้ใหญ่เลยจับแต่งงานกัน”
“แฟนของมันเป็นใคร ไปรู้จักกันได้ยังไง”
“มันไปพักหอแล้วเพื่อนของมันมีแฟน เพื่อนของมันเลยแนะนำให้เพื่อนของแฟนให้รู้จักอีกที”
“เอ้อฉันว่านะชีวิตเขาก็ของเขานะ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะวะ แกก็เอาให้จบปีนี้ซะ ไอ้ตัวฉันก็ไม่รู้ว่าเกรดเทอมนี้จะออกมาอย่างไรเลย”
***********************************
แม่ทำหน้าตาตื่นเต้นขึ้นบันไดบ้านมา แล้วเล่าเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งของเธอให้ฟัง ทำให้เธอตื่นจากภวังค์
“จำเนมได้ไหมลูก”
“อื้อจำได้ ทำไมหรือค่ะแม่ เขาไปเรียนกรุงเทพฯหลังจบ ม.ต้น”
“แม่เห็นเขาเล่าที่ตลาดให้แซดว่า เพื่อนของลูกนะกลับมาหอบเอาลูกไม่มีพ่อ มาให้แม่ตัวเองเลี้ยง แล้วตัวเองจะกลับไปอยู่กรุงเทพฯ”
“อะไรนะแม่ แม่ไปเอาที่ไหนมาพูด เห็นไอ้เนมมันบอกว่าไปเรียนอยู่กรุงเทพฯกับพี่ชายมันไม่ใช่หรือ”
“ก็แม่เห็นเขาพูดกันเลยเอามาเล่าให้ฟัง เห็นลูกกับเขาสนิทกัน”
“แม่ตอนนี้มันกลับหรือยัง พี่จะไปบ้านแม่ไอ้เนมมัน”
“ลูกจะไปทำไม”
“ไปดูให้รู้ความจริงค่ะแม่”

แล้วเธอก็ได้เจอเขาจริงๆ เธอไม่ได้ไปเพื่อช้ำเติมใคร เพียงแค่อยากรู้ความจริงด้วยตัวของเธอเองจากปากของเขา เพราะเขาคือคนที่สอนให้เธอได้รู้จักกับคำว่าเพื่อน เธอนึกเสมอว่าเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอ ในวันที่พ่อของเนมเสีย พี่ชายของเนมบอกว่าจะเอาเนมไปอยู่ด้วยให้ไปเรียนที่โน่น วันที่เธอขึ้นรถไปกรุงเทพฯครั้งแรกในชีวิต ต้นข้าวเองก็ไปส่งเนมขึ้นรถ และวันนี้เธอก็ได้ทำหน้าที่นั้นอีกครั้ง ไปส่งเธอขึ้นรถไปสู่เมืองอีกครั้ง เธอไม่ได้เอ่ยถามในสิ่งที่เธอสงสัยเลย เพราะเชื่อว่าเพื่อนของเธอคงจะมีเหตุผลของเขา และหากเขาต้องการที่จะเล่าเขาคงจะบอกแก่เธอเอง

หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ค่อยจะถามหาเรื่องราวของเพื่อนเก่าของเธออีกเลย เวลาเจอเพื่อนก็จะพูดคุยกันในเรื่องที่เรียนใหม่มากกว่า ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนนะ แต่ยังยอมรับไม่ได้เท่านั้นเอง หลายเรื่องมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังแพ้ มันทำให้เธอนึกถึงคำพูดของคนคนหนึ่ง ซึ่งเธอพยายามที่จะลืมมันไป และคิดที่จะเอาชนะคำพูดนั้น
“มีสามีหรือยัง” (ตำรวจมียศคนหนึ่งถามเธอ)
(ตอนแรกเธอตกใจ พอตั้งสติได้ จึงถามออกไปอย่างสุภาพ)
“อะไรนะค่ะ” เขายังพูดคำเดิม ให้ตายเถอะดูถูกกันขนาดนี้เลยเหรอ(เธอคิดในใจ)
“หน้าฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”(เธอพูดกับตำรวจรุ่นพ่อ)
“เปล่า ก็เห็นว่าอยู่บ้านนอก”
(แล้วภรรยาคุณไม่ใช่คนบ้านนอกหรือค่ะ แล้วคุณมาทำไมที่นี่)เธออยากพูดอย่างนั้น
“ขอโทษนะค่ะ เด็กบ้านนอกสมัยนี้เขาพัฒนากันแล้วค่ะ มีการศึกษากันทุกคนค่ะ”
“แล้วทั้งหมู่บ้านมีจบปริญญากันกี่คนล่ะ”
(เธออยากจะเดินหนีไปจากตรงนั้น แต่เด็กบ้านนอกอย่างเธอก็รู้ว่าอะไรควรมิควร)
“นับไม่หมดหรอกค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเรียนจบปริญญาตรีกันหมด”
“แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
“ผู้หญิงค่ะ ผู้ชายก็มี”
“เรียนที่ไหน ส่วนใหญ่เรียนที่ไหน”
“เยอะแยะ แล้วแต่ความถนัดค่ะ ใครชอบที่ไหนอยากเรียนอะไรมันก็เรื่องของเขาค่ะ”

หลังจากนั้นมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกรักบ้านเกิดของเธอมากขึ้น อย่างน้อยคนชนนบทอย่างเธอ ก็ถูกเขาสอนให้รู้ว่าบ้านเกิดของเธอน่าอยู่กว่า สังคมที่เธอใฝ่ฝันว่าสักวันถ้าเติบใหญ่แล้ว เธอจะไปโลดแล่นที่นั่น ทำให้เธอเห็นว่าสังคมที่เธออาศัยอยู่ ถึงจะไม่เจริญในทุกๆด้าน แต่เธอมั่นใจว่าความเจริญทางด้านจิตใจของคนในชนบทว่ามีสูงกว่าคนที่ถามเด็กรุ่นลูกว่า “มีสามีหรือยัง”



Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 20:52:28 น. 3 comments
Counter : 442 Pageviews.

 
อนาคตนักเขียนนะเด็กคนนี้นี่


โดย: พรานชมพู (ตาพรานบุญ ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:16:19 น.  

 
วันปิดภาคเรียนมีความหมายจริง ๆ โดยเฉพาะเด็กห่างบ้าน
อ่านแล้วคิดถึงความหลัง


โดย: แพรจารุ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:03:56 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่พรานชมพู,น้ายาย พรุ่งนี้จะกลับบ้านแล้ว
กลับไปเก็บข้อมูลที่บ้าน เอาภาพกิจกรรมที่วิทยาลัยมาฝากค่ะ มาดูทางนี้เลยค่ะ


โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:58:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lukkongpoka
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add lukkongpoka's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.