๐ อตีตา/ทมยันตี ๐



ประพันธ์โดย : ทมยันตี
สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม



ส่วนต้ว

หลังจากหยิบเรื่องนื้มาอ่าน ซึ่งจำไม่ได้ว่าอ่านไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว บรรพบุรุษหลั่งเลือดชโลมดินไปสักกี่หยาดหยด ไทยถึงยังเป็นไทยอยู่ได้ เคยจินตนาการเหมือนกันนะคะว่า ถ้าเราได้เข้าไปร่วมรบกับชาวบ้านบางระจัน แบบที่ศิโรตม์ได้เข้าไปสัมผัส ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าถึงรบไปก็ไม่ชนะ จะอย่างไรเสียกรุงศรีก็ต้องแตกแน่นอน บรรยากาศของสงคราม ความหึกเหิม ห้าวหาญ ความเป็นอันเดียวกันของขาวบ้านบางระจัน อาจจะทำลายความรู้สึกรักตัวกลัวตายของเรา เปลี่ยนมาเป็นความห้าวหาญ พร้อมที่จะเอาชีวิตเข้าแลก ขอเพียงให้ศัตรูออกไปให้พ้นจากแผ่นดิน..ว่าไปโน้นเลย กำลังอินนะคะ อย่าถือสา

แต่เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? หรือเป็นเพราะเราผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมานานมาก จนจำไม่ได้แล้วว่า กว่าที่เราจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เราได้สูญเสียอะไรไปกันบ้าง..?




จากปก

ลูกผู้ชายต้องหมายรักษาสัตย์
ลูกผู้ชายต้องอารักษ์ขอบเขตขัณฑ์
ลูกผู้ชายไยเสียดายซึ่งชีวัน
ลูกผู้ชายมีหรือพรั่นเรื่องความตาย


“เรามิมีวันทิ้งเจ้า”
นี่หรือสัจจาธิษฐาน ที่เขาผูกพันเป็น “ยางเหนียว” เหนี่ยวนำให้คืนมาพบเจ้าเพื่อนตาย แลบุคคลอันเป็นที่รัก “ตราบใดที่เมืองใจต้องการ เราจักอยู่ข้างเสมอ” และบัดนี้ “เมืองใจ” บุรุษผู้ก้าวจากอโยธยา ปีระกาสัปตศกศักราช 1127ก่อนการเสียกรุงครั้งสุดท้าย 2 ปี นับถึงวันที่เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ สองร้อยสิบเจ็ดปี ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เป็นไปแล้ว เมืองใจมาตามสัจวาจา ที่ “ศิโรตม์” ชายหนุ่มแห่งปัจจุบัน ได้กล่าวว่า เมื่อครั้งเป็นคู่ศึกบางระจัน...คราวนั้น กำดาบตีนเหยียบแผ่นดิน ทิ้งถิ่น ทิ้งเพื่อน ฤาได้ อโยธยาลุกร้อนเป็นไฟ มีแต่เลือดไหล โลมดิน

วันนี้...ปัจจุบันกาลประตูแห่งเวลาหมุนมาเหลื่อมซ้อนกัน พา “เมืองใจ” มา ณ เวลาปัจจุบัน หากเขายังไม่รู้ชะตากรรมแห่งแผ่นดินที่รักยิ่ง อย่าให้รู้เสียดีกว่า ว่า บางระจัน อโยธยา ย่อยยับ แหลกลาญ เพลิงพลุ่งผลาญเผาแทบไม่เหลือไหม้ พินาศเช่นนี้..คนรักแผ่นดิน จะรู้สึกอย่างไร


วัดเวียงวังย่อยยับ
เพลิงโหมควันลอยเหลือดับ
เจ็ดวันผลาญฆ่าเผ่ายับ
แดงเดือดเลือดจับทุกเม็ดดิน


“เมืองใจกำมือช้า ๆ มือที่เคยจับดาบมั่น มือที่ด้านด้วยซ้อมดาบ ตราบใดที่ดาบอยู่ในมือนี้ ไม้มีเสียล่ะ ไม่มีที่จะยอมพ่ายยะย่ายหนี มากที่สุดคือ..ล้มลงตายตรงแผ่นดินที่หยัดยืนและต้องมิใช่ศพต่อศพ ต้องห้าต่อหนึ่งเป็นอย่างน้อย และยิ่งมิใช่หมดชาย ศัตรูจะได้แผ่นดิน แม้อิสตรีก็พร้อมจะถมร่างให้แผ่นดินเช่นกัน เมืองใจ..บุรุษนี้เกิดที่ใด จักทำให้แผ่นดินเกิดคนดีที่สุด

“เจ้าร่างน้อยเอย
อย่าอาวรณ์เทวษ
พี่ไม่ละเลยดวงเนตร
ยังอยู่กับเจ้ามิไปไหน
ยามตื่นจะแลหาเจ้า
ยามหลับจะฝันถึงสายใจ
เจ้ามิเคยลี้หาย
ห่างไกลหัวใจพี่เอย


“ในอดีตนั้น ศิโรตม์มักครุ่นคิดถึงปมปริศนาแห่งหัวใจ เหตุใดในโลกที่เขาจากมา ไม่เคยต้องตาหญิงใด วันนี้ ในโลกขณะนี้ เขารู้หัวใจตนเองแล้ว เขาไม่เคยอิ่มเอมในหัวใจกับสตรีใด เขาอาจเคยชอบคนนั้นคนนี้บ้าง แต่หาความลึกซึ้งไม่ได้ หัวใจเขาว่างเปล่าอยู่เสมอ บัดนี้สิ เขากระจ่างชัด เจ้ายอดรักตัวน้อย “จันกะพ้อ” หญิงงาม ใจแกร่ง ผู้ติดตามหัวใจเขาไปทุกชาติ เจ้ามิเคยลี้หาย ห่างไกลหัวใจพี่เลย

“พี่จะไม่มีวันทิ้งเจ้า!”
“ข้าจะไม่มีวันทิ้งเพื่อน!”
นี่คือสัจจาธิษฐานที่ผูกพันเป็นสัญญา ให้เขาย้อนคืนมาพบ เมืองใจ เจ้าเพื่อนตาย และ จันกะพ้อ น้องน้อยอันเป็นที่รัก


“จันกะพ้อเอย
กลิ่นลอยส่องลมเมื่อวันวาน
แสนสุดหอมหวาน
เมื่อไหร่จะบานอีกเลย
เจ้าเมืองใจเอย
ในเจ้าเป็นชายชาญ
เลือดเจ้าสาดพสุธาร
เหลือแต่นามจารไว้เอย


“จันกะพ้อ...เมืองใจ แผ่นดินไทยไม่มีคนอย่างเจ้าไม่ได้เลย!




เพลงเลือดไทย - ประกอบละครอตีตา









Create Date : 30 พฤษภาคม 2551
Last Update : 27 กันยายน 2553 19:43:58 น.
Counter : 5614 Pageviews.

25 comments
  

เคยได้ดูที่ช่อง 7 สร้างหน่ะค่ะ อ่านจากที่บรรยายแล้ว ทุกวันนี้

หาคนที่รักชาติจริง ๆ มีน้อย ทุกวันนี้เห็นแก่ตัว

มากกว่าเห็นแก่ประเทศชาติ

โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:09:26 น.
  


คุณลิตช์
ปัจจุบันนี้ คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและเห็นแก่พวกพ้อง
กันเสียเป็นส่วนใหญ่ ปากบอกเพื่อประชาชน
เป็นคำอ้างที่ดูดี แต่ผลงานที่ออกมาย่อมเห็นกัดชัด
อยู่แล้วว่าอะไรคืออะไร..ง่ะ (เอาเข้าไป)

จะพูดเรื่องหนังสือนี่นา..อื้ย!!
บรรยากาศของหนังสือ ทำเอาทราบซึ้ง
น้ำตาึ้ซึมเลยทีเดียว แม้จะอ่านไปหลายครั้งแล้วก็ตาม..อินจัด

โดย: ไลเดเลีย วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:13:20 น.
  
เป็นอีกเรื่องที่อยากอ่านค่ะ ยังไม่เคยดูละครด้วย
เห็นด้วยกับหญิงไลอย่างแรงเลย ตอนนี้เป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย เฮ้อ เล่นอะไรกัน ประชาชนคนธรรมดา ไม่เข้าใจอ่ะ
โดย: ohioh IP: 202.60.203.117 วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:36:39 น.
  
คุณยาย...

เอ้อ... เรื่องนี้ ไม่เคยดู เคยอ่านเรื่องย่อ นิดส์ ๆ

กลอนที่ตัวยกมา... มี 2 บท
ที่โดนเค้าอย่างแรง...

ลูกผู้ชายต้องหมายรักษาสัตย์
ลูกผู้ชายต้องอารักษ์ขอบเขตขัณฑ์
ลูกผู้ชายไยเสียดายซึ่งชีวัน
ลูกผู้ชายมีหรือพรั่นเรื่องความตาย

กับ

จันกะพ้อเอย
กลิ่นลอยส่องลมเมื่อวันวาน
แสนสุดหอมหวาน
เมื่อไหร่จะบานอีกเลย
เจ้าเมืองใจเอย
ในเจ้าเป็นชายชาญ
เลือดเจ้าสาดพสุธาร
เหลือแต่นามจารไว้เอย


ฉุนกึก ๆ เมื่อไหร่จะเลิก
อ้าง "กู้ชาติ" ฯลฯ เพื่อ
ทำลายกันเองซักทีฟะ
เซ็งจิต (อย่าแหลมไป
แถวนั้นเน้อ เดี๋ยวเพื่อน
ฉันจะเป็นข่าว อิอิ)



ยกให้แก่กว่าป้าแล้ว อิอิ
ไปนอนกลางวันต่อรึเปล่าเนี่ย?
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:35:19 น.
  

คุณโอ๋
ละครยังทำไม่ซาบซึ่ง เหมือนในหนังสือค่ะ
อ่านแล้วทำให้นึกถึง"วีรชน"ที่พยายามป้องปก
แผ่นดินด้วยชีวิต แต่ชนรุ่นหลัง กลับพากัน
ทำลายกันเองด้วยคำพูดที่สวยหรู "ประชาธิปไตย"






สาวปลิว
จากป้า กลายเป็นยายเพียงไม่กี่วัน
ข้าเจ้ายังไม่แก่ขนาดจะเป็นยายซะหน่อย
แต่ถึงจะเป็นก็คุณยายยังสาวแหล่ะ..ฮ่าๆๆๆ

เอาไปอีกบทนะ
ที่มาดหมายมิได้ดังหมายมาด
ที่ชมชื่นกลับพลาดชมชื่นหาย
ที่เฝ้ามองมิได้มองเฝ้าเปล่าดาย
เสน่ห์หายวายสวาทเร่รักตรม

และอีกบท..อิอิ
น้ำค้างย้อยหยัดเหยาะลงเผาะผลอย
ไอดินลอยอวลเสาวรสรื่น
ไก่เรียงเสียงแจ้วยามสิ้นคืน
วิหกแซ่อรุณรื่นแอร่มราง

ข้าเจ้าก็เบื่อ พอหมดเรื่องนึง
ก็ยังมีอีกเรื่อง ให้อ้างกัน
ไม่จบไม่สิ้นเสียที..เซ็ง

ข้าเจ้ามิกล้าแหลมเข้าไปเด็ดขาด

โดย: ไลเดเลีย วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:36:05 น.
  
ยายฝน...

กลอน 2 บทหลังนี้ สู้ 2 บท
ที่เค้าชอบไม่ได้จ้ะ อิอิ
(รักคู่ ใจเดียว 555+)

ยังอยู่แถวนี้รึเปล่า จะชวนขึ้นคุยเอ็มซะหน่อย
เค้าคงจะอยู่แถวนี้ถึง 23:00 เน้อ

ถ้าอยู่ก็เคาะมาที่บล็อกละกัน
emo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:22:06 น.
  

มาส่งเข้านอนจ้า...
โดย: พิจักษณา วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:0:13:56 น.
  

อ่านที่น้องปลิวเขียนแล้วพี่คิดถึงเพลงนี้


หัวใจถูกแทงกี่ขั้ว ตามตัวถูกฟันกี่แผล
ปู่ไทยตายไปกี่คนแน่ ไทยจึงได้แผ่มาถึงแหลมทอง
กระดูกไทยกระเด็นไปกี่ท่อน เชิงตะกอนเผาไปกี่หน
คอขาดกันไปกี่คน ไทยทุกคนจึงได้ไทยครอบครอง
เสียเลือดกันไปเท่าไหร่ เสียใจกันไปกี่ครั้ง
น้ำตาของไทยไหลหลั่ง ทุกๆครั้งที่ถูกเฉือนขวานทอง
เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร



ยาวหน่อยนะครับ แต่พี่ร้องเพลงนี้ได้ตั้งแต่เล็กๆ

ตอนเรียนครูให้สอบร้องเพลงนี้ครับ

โดย: ธรรม (ห่วงใย ) วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:2:58:36 น.
  
รู้สึกเศร้าใจยังไงก็ไม่รู้...
เหตุผลของคนที่อยู่บนความเห็นแก่ตัว...
อยากอ่านเล่มนี้จัง ต้องเสียน้ำตาแหงๆ
โดย: jar_pnoom วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:12:03:00 น.
  
ยายฝน...

เมื่อคืนที่ผ่านมาเค้ารอแล้วรออีก
รอถึงเที่ยงคืนเป๊ะเลยนะ โฮ ๆ ๆ
เป็นอะไรรึเปล่า? หรือแค่หลบไป
คร่อกฟี้ซะแล้ว 555+

แต่คืนนี้คงไม่รอคุยแล้วเด้อ
แวว..ง่วง..ออก ตั้งแต่เที่ยงวัน
แล้ว ฮิ ๆ ๆ
emo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:13:12:30 น.
  
ลืมไป... ขอปาบอลลูนคำพูด "สวัสดีค่ะ" ถึง พี่ธรรม ด้วย อิอิ
emo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:13:13:52 น.
  
ยังไม่ขึ้นเน็ทอีกเหรอ งึมงำ งึมงำ
บ่น ๆ ๆ แล้วก็ไป

สงสัยต้องหาเรื่องออกไปเที่ยว แก้เซ็งซะแล้ว ชิ!
โดย: เกล็ดหิมะกลางฤดูร้อน IP: 118.172.98.137 วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:15:08:20 น.
  
พอจะเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองเลยนะคะ

ซ้อมรบกันเองไม่เลิกเนอะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:18:09:28 น.
  


ฝนจ๋า..


เรื่องนี้ไม่เคยอ่านนะคะ
สงสัยต้องหามาอ่านตามคำแนะนำ
แต่ขอพักใจก่อนนิดค่ะ...ล้าๆ คะช่วงนี้

คิดถึง


โดย: Nok_Noah วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:20:22:27 น.
  
เคยเป็นละครนี่เนาะ
โดย: Boyne Byron วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:10:15:27 น.
  
เก็บไปฝันเลยเหรอ... ฝันว่า ตัวเองเป็นฆาตกรรึเปล่า?
555+

แหกขี้ตา (เอาคำพูดฝนนั่นแหละ)
มาอ่านที่ให้อ่านรึยัง? สรุปความได้
จั๋งใดนิ? เอ่อ... คุยกันข้างหลังก็ได้
แหะ ๆ ๆ
โดย: เกล็ดหิมะกลางฤดูร้อน IP: 118.172.27.12 วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:10:33:40 น.
  

สาวปลิว 6,10,11,12,16
โทษทีนะ พอดีว่าวันเสาร์ไปหลบมุมมานะเลยไม่ได้เล่นเน็ท
พอวันอาทิตย์ก็ไปใช้ตังค์ แถมกลับมาซะมืด มาจ่ายค่าเน็ท
ไม่ทัน ออฟฟิศปิดก่อน..หุหุ

ส่วนนิยายที่กำลังอ่าน ดันอ่านยังไม่จบแล้วไปนอน
เก็บมาฝันต่อ แต่ตื่มาจำไม่ได้..ฮ่าๆๆๆ







พิกบ
มาส่งเข้านอนซะดึกเลยเชียว เพิ่งกลับมาเหรอค่ะ








พี่ธรรม
เพลงนี้คุ้น ๆ แฮะ แตจำไม่ได้ว่าร้องยังไงค่ะ
ประโยคสุดท้ายสะใจดีค่ะพี่ธรรม..อิอิ
"วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร"







คุณจาพนม
ถ้าเป็นคนอ่อนไหวง่ายก็ไม่แน่ค่ะ ถ้าอ่านในช่วงนนี้
อาจจะได้บรรยากาศยิ่งขึ้นไปอีก







คุณนาง
ค่ะ ซ้อมรบกันด้วยคำพูด "เพื่อประชาชน"
ฟังดูดีซะไม่มี ต่างคนต่างมีเหตุผล ต่างทำเพื่อประชาชน
น่าคล้อยตามจริง ๆ







นกจ๋า
อาจมีบ้างบางเวลาที่เราจะอ่อนล้า ทั้งชีวิต และจิตใจ
ฝนอยากให้นกก้าวผ่านช่วงเวลานั้นโดยเร็ว
มีใครหลายคนเป็นห่วง..คิดถึงนะจ๊ะ







คุณBoyne Byron
เรื่องนี้เคยทำเป็นละครทางช่อง 7ค่ะ
นานมาแล้ว จะมีบางตัวละครที่เพิ่มขึ้นมาด้วย
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น ศิโรตม์
วินัย ไกรบุตร แสดงเป็น เมืองใจ
ทราย เจริญปุระ แสดงเป็น กาหลง,ลติกา
ยศวดี หัสดีวิจิตร แสดงเป็น จันกะพ้อ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:19:21:55 น.
  
morning naka
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:10:02:13 น.
  
เอาหน้าเพลงขึ้น 4 หน้า เดี๋ยวออกไปข้างนอกแล้วเน้อ
อยู่ไม่ติดที่ก็งี้แหละ อิอิ

รับของขวัญแล้ว...
แปลว่าบุรุษไปรษณีย์ทำงานดี 555+
แล้ว... ถูกใจไหมจ๊ะ?
emo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:10:54:34 น.
  

หญิงวี
หวัดดีตอนมืด ๆ จ้า
ยุ่งมากป่าววันนี้ ข้าเจ้ายุ่งเกือบทั้งวันเลย






สาวปลิว
ของขวัญถูกใจหลายเด้อ กลิ่นก็ถูกใจมาก
ขอบคุณอีกครั้ง..ยิ้ม ยิ้ม..

วันนี้คงยุ่งล่ะซิ อย่าหักโหมนักล่ะ
พักผ่อนเยอะ ๆ นะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:20:46:03 น.
  
แวะมาเยือนค่ะ


ชาติยังไม่สิ้นชน คนยังไม่สิ้นใจ
จะให้กูไปไหน ขอตามจองเวร
ไล่ไปผู้รุกราน ฆ่ามันไม่เหลือเดน
ถ้ามาให้เห็น..ต้องเซ่นสังเวย
.........
สัตย์ปฏิญาณตั้งไว้ เพื่ไทยยืนยง
คำตอบสุดท้ายค่ะ
โดย: มีน IP: 117.47.202.73 วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:12:18:40 น.
  
ชอบเรืองนี้นะแต่อยากได้เนื้อเพลงที่มีประดยคนี้คะ
กระเทือนทุกพืนดินเลือดรินชะโลมทาง




โดย: หิรัญญิกา IP: 58.147.61.93 วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:14:48:03 น.
  
ชอบเรืองนี้นะแต่อยากได้เนื้อเพลงที่มีประดยคนี้คะ
กระเทือนทุกพืนดินเลือดรินชะโลมทาง




โดย: หิรัญญิกา IP: 58.147.61.93 วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:14:48:03 น.
  
อยากดูมากครับ
โดย: อขนมต้ม IP: 118.172.66.246 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:18:02:45 น.
  
อยากดูละครเรื่องนี้ จัง
โดย: ณัฐพล IP: 113.53.94.111 วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:19:15:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
พฤษภาคม 2551

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
30 พฤษภาคม 2551
All Blog