อิ่มท้องแล้ว ตังค์ก็จ่ายแล้ว ก็เริ่มเดินย่อยอาหารด้วยกันถ่ายรูป รูปนี้เด่นที่ร่มจริง ๆ เลยอดใจไม่ไหว ต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกเห็นแดดอย่างนี้ แต่อากาศยังเย็นอยู่มาก
ดอกไม้ที่สถานีเกษตรละลานตาจริง ๆ มากี่ปี ก็สวยทุกปี ไม่มีเบื่อ
บ้านพักในสถานีเกษตร มีโอกาสคงได้ไปพักบ้าง
สองนักท่องเที่ยว แดดอบอุ่น แสงกำลังดีเชียว
ทิวลิปเป็นนางเอกเสมอสำหรับสวนดอกไม้เมืองหนาว สีสดใจจริง ๆ
หงษ์คู่ของพี่เบิร์ด วันนี้ไม่ยอมทำรูปหัวใจโชว์แขกเลย
เห็นทีไร อดใจไม่ไหว ต้องเข้าไปถ่ายรูปไว้ทุกที แล้วก็ไม่รู้ว่า ต้นอะไร
สีแดงสวยสลับกันไป มากบ้างน้อยบ้าง แต่สวยกลมกลืน
ได้เวลา่ก็ออกเดินทางตามฝันกันต่อไป
เราก็ออกจากสถานีเกษตรหลวงมุ่งหน้าไปชิมกาแฟยามบ่ายที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ( ขุนวาง )
ซึ่งเราใช้เป็นทางผ่านเพื่อไปแม่จอนหลวง ขุนวางยังอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
บรรยากาศดีมาก ๆ มีบ้านพัก และที่กางเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย น่าเสียดายที่เราไม่ได้มีเวลาเดินสำรวจและไม่มีโปรแกรมจะพักที่นี่ในคืนนี้ แต่แค่ได้เข้าจิบกาแฟรับลมหนาวที่ขุนวางก็คุ้มค่าเหมือนกัน
เราก็สอบถามเส้นทางต่อเพื่อไปแม่จอนหลวง เด๋วนี้ทางเข้าแม่จอนหลวงดีมากเลย ลาดยางมาได้เยอะมาก ขาดอีกแค่ 3 กิโลก็ถึงแม่จอนหลวงแล้ว เส้นทาง 3 กิโลสุดท้ายก็ไม่ได้โหดมากมาย แต่ก็พอเอาเรื่องอยู่เหมือนกันสำหรับรถเก๋ง เรามาถึงแม่จอนหลวง ประมาณบ่ายสาม อากาศเริ่มเย็นตลอดไม่ใช่เย็นเพราะลมหนาวพัดมาเหมือนเมื่อกลางวันแล้ว
เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักมาก ๆ ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มสดใสและมีไมตรีจิต สถานที่ก็น่าตื่นตาตื่นใจพอสมควร
แต่ไฮไลจะอยู่ที่ตอนเช้า ถ้าโชคดีเราจะได้ทะเลหมอกที่หลังบ้านเราเอง
บ้านที่เราพักชื่อบ้านทะเลหมอกอัสดง มีสองเตียงเล็ก ๆ พื้นที่ไม่กว้างนัก
เหมาะกับคนเพียงแค่ 2 คนจริง ๆ ในห้องมีผ้าห่มผืนไม่หนา ผ้าเช็ดตัวผืนกลาง ๆ บาง ๆ
และมีน้ำดื่มสองขวดไว้ให้บริการ อ้อ มีเครื่องทำน้ำอุ่นกับทีวีให้ด้วย
ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็ออกมารอดูพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวกัน
สวยไร้คำบรรยายจริง ๆ
แสงอบอุ่นก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้า มองกี่ครั้งก็ประทับใจมิรู้ลืม
แสงสุดท้ายที่ปลายเหลี่ยมเขา เมื่อแสงหมดปุ๊บอากาศเย็นก็มาเยือนปั๊บ หนาวเย็นขึ้นมาทันตาเห็น
พวกเราเดินไปที่ร้านอาหาร อาหารที่นี่เหมาหัวคิดอาหารเย็น หัวละ 100 อาหารเช้าหัวละ 50 บาท ก้อสะดวกดี ไม่ต้องหิ้วมาเอง ที่หิ้วมาเอง ก็จะเป็นเหล้าที่แวะซื้อข้างทางกับพวกขนมขบเคี้ยวซะเป็นสวนใหญ่ คืนนี้คนไม่เต็ม จะมาเต็มก็เสาร์อาทิตย์ อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลย มีกับข้าวสามอย่าง เป็นปลาทอดราดพริก ผัดผัก และต้มยำไก่ ผัดผักกรอบอร่อยมากที่สำคัญเติมได้ด้วย ( ภาพตอนเช้า )
ตื่นมาตี 5.30 แหวกม่านหน้าต่าง เห็นริ้วขาว ๆ ขึ้นแล้ว รอสว่างอีกนิดก็จะได้รูปสวยแน่นอน และช้านก็ไม่พลาดทะเลหมอก
จุดนี้ถึงไม่เห็นพระอาทิตย์แต่ก็คุ้มค่ามาก ๆ ที่ได้เห็นทะเลหมอกแบบนี้และแสงอย่างนี้
จนสายหมอกก็ยังไม่จางหายไปไหนเลย แต่เราคงจะรอจนหมอกจางไม่ได้ ต้องตัดใจไปกินอาหารเช้า เพราะต้องเดินทางต่อ
สวยมาก ยิ่งเห็นยิ่งชอบ ยิ่งอยากอยู่ที่นี่นาน ๆ
กลับจากกินอาหารเช้า หมอกก็ยังสวยอยู่อย่างนี้ ประทับใจสุด ๆ แต่จำต้องตัดใจ
เปลี่ยนมาถ่ายอะไรแนว ๆ นี้บ้าง ตากล้องให้เวลากับภาพแบบนี้นานเลยทีเดียว
เพียงแค่แสงเปลี่ยน ความมืดมิดก็พลันสว่าง สวยดี เป็นความชอบส่วนตัวมาก ๆ
อีกมุมที่ประทับใจมากของตากล้อง ชอบมากพวกแสงเปลี่ยน แสงเล็กแสงน้อย
ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่เพิ่งสลัดใบทิ้ง ผุดดอกบานออกมาเพียงเล็กน้อย
บานแล้วในปีนี้
ใบเมเปิ้ลที่ยังคงยึดมั่นไม่หวั่นไหวต่อแรงลม น่าเสียดาย ถ้าแดงคงจะสวยกว่านี้
ทางสายดอกไม้ อยู่บริเวณหน้าเวทีกลางแจ้ง
เด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดู เด็กผู้ไม่หวั่นไหวกับอากาศหนาวเย็น
1691