Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 
ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7

สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเรา
คือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ย
ทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้
ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะ



เม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์

แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอ

ลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้าง

เม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์

คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้า

นัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆ

นัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!

จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโน

เรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinder


แชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย


ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9



เช้าวันสุดท้ายของเราในสิงคโปร์
ตั้งปลุกตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง
ตื่นมาปุ๊บ ส่งข้อความไปปลุกหนุ่มปั๊บ กลัวมันไม่ตื่น แล้วเราอดไป ฮา ๆ
แล้วก็ไปอาบน้ำ
ต้องใช้วิธีอาบน้ำนอกห้องตัวเองอีกแล้ว
อุตส่าห์จ่ายแพงเพื่อให้มีห้องน้ำส่วนตัวในห้องรวม สุดท้ายก็ต้องมาใช้ห้องน้ำรวมข้างนอก
เพราะไม่อยากให้เสียงอาบน้ำรบกวนเพื่อน ๆ อีก 7 คนในห้องที่กำลังนอนหลับสนิทตอนตี 4 ครึ่ง
แต่ยังดีที่ห้องน้ำรวมข้างนอกชั้น 1 มีแค่ห้องเดียว แล้วติดกับห้องหญิงล้วนของเราเลยไม่ต้องเดินไกล
แต่ตอนจะม้วนผม แต่งหน้า ต้องขึ้นไปเข้าชั้น 2 เพราะห้องน้ำรวมห้องเดียวข้างล่าง มันไม่มีเคาร์เตอร์ให้วางของเลย
ต้องไปม้วนผม แต่งหน้าห้องน้ำข้างบน ที่มันจะมีเคาร์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วมีปลั๊กไฟให้เสียบ
ก็หอบข้างของอุปกรณ์อาบน้ำ แต่งหน้า ม้วนผมไปอาบห้องน้ำรวม ประตูสีฟ้าที่น้อง staff ผู้หญิงบอกไว้ตั้งแต่วันแรกว่า
ถ้ายูจะเข้าห้องน้ำ จำไว้ว่าให้เข้าประตูสีฟ้า ไอ้เราก็จำเอาไว้ เอ๊ะ หรือเราจำผิดก็ไม่รู้

ตื่นมาแต่เช้า อาบน้ำ สระผมข้างล่างเสร็จ
ขึ้นไปชั้นสอง แต่งหน้า ม้วนผม
ตอนตี 5 กว่า
กำลังม้วนผมอยู่ดี ๆ มีผู้ชายคนนึงผลักประตูเข้ามาแล้วเข้ามาฉี่ให้ห้องน้ำที่ซอยย่อยไว้จ้า
อ้าว
ตายห่าน นี่ตูเข้าผิดเป็นห้องน้ำผู้ชายรึเปล่าวะ
หลังจากที่หนุ่มคนนั้นออกไป เราเลยออกไปดู
อ๋อ มันเป็นห้องน้ำรวมจ้ะ ได้ทั้งผู้ชาย ได้ทั้งผู้หญิง
เราก็ไม่รู้เนอะ ไม่ได้นอนชั้น 2
ห้องน้ำนี้มันอยู่หน้าบันไดเวลาขึ้นไปถึงเลย เลยผลักเข้าไปใช้บริการเลย เห็นว่าประตูสีฟ้า
แต่เราคาดว่ามันน่าจะมีของหญิงล้วนอีกห้องนึงนะ
ไม่งั้นใครอาบน้ำเสร็จ อยากนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาแต่งตัวที่แห้งด้านนอก (ซึ่งชั้นทำบ่อย)
มันก็ไม่เหมาะสมนะ ถ้าเป็นห้องน้ำรวม


Image Hosted by PicturePush


กำลังม้วนผมเสร็จดี ไม่เสร็จดี
ตี 5.30 ผู้ชาย ส่งข้อความมาว่าอยู่หน้าโฮสเทลแล้ว ออกมารับหน่อย
เวง ผมตูยังม้วนไม่เสร็จเลย ไม่ต้องม้ง ต้องม้วนมันละ ดีนะแต่งหน้าก่อน
จริง ๆ ไอ้คำว่าแต่งหน้าของเราเนี่ย ก็ไม่ได้มีอะไรนะ
แค่ทากันแดดแล้วโปะ ๆ รองพื้นรอยสิวที่เพิ่งไปเลเซอร์มา
แล้วทาแป้งบาง ๆ ใส่สีให้คิ้ว แก้ม ปากอ่อน ๆ แค่นั้นเอง
อ้อ โฮสเทลก็ดีนะ ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าได้นะ ทุกคนจะเป็น key card ตั้งแต่ประตูใหญ่เลย
เลยรีบหอบอุปกรณ์ลองมาจากชั้น 2 มาเปิดประตูให้หนุ่ม
แล้วไปเก็บของเตรียมตัวไปรถไฟใต้ดิน
หนุ่มบอกว่า ยูไม่ต้องรีบหรอก ใต้ดินมันเริ่มทำงานตอน 6 โมงครึ่ง
อ้าว แล้วยูมาไงอ่ะ
อ๋อ มาแท็กซี่
แล้วตื่นกี่โมงเนี่ย ตอนชั้นส่งข้อความไปตื่นรียัง
อ๋อ ดูหนังทั้งคืนเลย ยังไมได้นอนเลย กลัวนอกลงไปแล้วไม่ตื่น
แหม่ เหมือนหนุ่มวันที่สองเลย ที่นัด 6 โมงเช้าแล้วมันนั่งเล่นเกมส์ทั้งคืน เพราะกลัวว่านอนแล้วจะไม่ตื่น
ผู้ชายสิงคโปร์มันตื่นยาก ตื่นเย็นแบบนี้ทุกคนป่ะเนี่ย
แถม....รู้สึกผิดเลยกรู ทำหนุ่มไม่ได้นอนแล้ว แถมให้มันจ่ายตังแพงมาหาเราอีก
ฮีก็ไปชงกาแฟกิน แล้วฮีก็บอกว่า มีกาแฟ ฮีอยู่ได้ละ






แล้วเราก็เอาข้าวของทำสวยของเราเข้าไปเก็บในห้อง
แล้วออกมาแพ็คขนมปังทาแยมเตรียมไปปิคนิคกับหนุ่มระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นบน Marina Barrage ฮิ ๆ
แล้วเราก็นั่งคุยรอเวลากันไป จนกว่ารถใต้ดินจะเปิดวิ่ง
แต่ตอนนั้นก็แอบคิดนะว่า โห เปิดตั้ง 6 โมงครึ่ง แล้วจะทันพระอาทิตย์ขึ้นตอน 7 โมงข้างบนนั้นมั้ย
เพราะมันไม่ได้อยู่ตรงสถานีรถไฟใต้ดินนะ ตั้งเดินไปอีกไกลประมาณนึง แล้วต้องเดินขึ้นอีก ฯลฯ
แต่ก็ไม่กล้าบอกหนุ่มนะ ก็นั่งคุยรอกันไป แล้วหนุ่มก็ขอนามบัตรโฮสเทลไป
เอาไปถ่ายรูปหรืออะไรเนี่ยแหละ แล้ว หนุ่มเอาแต่ก้มหน้าก้มตากับมือถือ
ตอนตี 5 ครึ่งเนี่ยนะ แกจะคุยกับใครวะ
อ่อ ลืมไป มีเพื่อนอยู่ออส อาจจะแชทกับเพื่อนที่ออสก็ได้
คุยกับเราไป ก้มดูมือถือไปซักพัก
อยู่ดี ๆ หนุ่มก็บอกว่า ไปกันเถอะ รถมาละ
เราก็เหวอดิ รถอะไร ยังไง
สรุป หนุ่มมาเฉลยจ้ะ ว่าที่ก้ม ๆ เงย ๆ กับมือถือเมื่อกี๊น่ะ คือเรียก uber จ้า
โหยยยยยยย หล่อเลยยยยยยยยย เจ้กรี๊ดดดดดดดดดดดด

สรุป หนุ่มมาเฉลยจ้ะ ว่าที่ก้ม ๆ เงย ๆ กับมือถือเมื่อกี๊น่ะ คือเรียก uber จ้า
โหยยยยยยย หล่อเลยยยยยยยยย เจ้กรี๊ดดดดดดดดดดดด

ก็แอบตกใจเล็กน้อย มิได้เตรียมตัวเตรียมใจมา ฮา ๆ
แหม รู้สึกว่าปีนี้เจอหนุ่มแล้วหนุ่มเรียก uber ให้ทั้ง 2 ประเทศที่ไปเลยนะ
ต้นปีไปไต้หวัน นัดเจอหนุ่มวันแรก หนุ่มก็เรียก uber มาให้
ได้ CRV เลยนะแจ๊ะ แต่ แต่ แต่ ไม่ไหวเลย คนขับแม่งเพิ่งสูบบุหรี่มา เหม็นไปทั้งรถ
แต่ดีหน่อย uber ที่สิงคโปร์ คนขับไม่สูบบุหรี่
แต่ท่าทางแพงนะ เพราะ taxi ก็โคดแพง uber แพงกว่า taxi อีก แล้วนี่กี่โมงจ๊ะ เพิ่งจะ 6 โมง!!!
ไม่รู้ว่าเค้าคิดเรทคูณ 1.5 เท่ารึเปล่า
เพราะอย่างที่เคยคุยกับ taxi ที่นี่ไปเมื่อบล็อคที่แล้วว่า
เรียก taxi ที่นี่ แต่ละเวลา ค่า taxi ไม่เท่ากันนะจ๊ะ
ถ้าช่วงเวลาคนเรียกเยอะ เช่นเวลาก่อนไปทำงานตอนเช้าและหลังเลิกงาน หลังเที่ยงคืน บวกเพิ่มเข้าไปอีก 50% จ้า





ตอน 6 โมงเช้าวันอังคาร
รถไม่มีเลย ถนนมืดสนิท แต่ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
นั่งดูวิวมืด ๆ คุยกันนิดหน่อยก็ถึงละ
ไม่กล้าคุยมาก เกรงใจคนขับ ก๊าก ๆ
กะว่าจะช่วยหนุ่มจ่ายซะหน่อย
อ้าว ไม่มีมิเตอร์ แล้วเค้าก็ไม่รับเงินแฮะ
คิดว่าเค้าตัดบัตรเครดิตไปเลย ไฮเทคดีแท้

แล้วหนุ่มคนนี้ก็ช่วยเราแบกเป้ ประทับใจอีกละ
เรารู้สึกเลยว่าหนุ่มที่นี่เทคแคร์ดี (ถ้าเค้าคิดกับเรามากกว่าเพื่อนนะ เดาเอา ๆ)
เพราะเจอหนุ่มที่นี่ 4 คน
2 คนที่เจอมากกว่า 1 ครั้งจะช่วยแบกเป้ให้ตั้งแต่เจอกัน
ส่วนอีก 2 หนุ่มที่มีรถ
หนุ่มคนนึงนี่เรารู้กันว่าเป็นเพื่อน แม่งกินโคดเร็ว ไม่ค่อยคุยกับเราระหว่างกินข้าว แถมตอนพาเดินเที่ยวแม่งยังก้มแชทมือถือตลอดทาง
ส่วนอีกหนุ่มนึงก็ไม่ได้ช่วย แต่เค้ามาเจอกับเราแค่ชั่วโมงกว่าเองเพราะต้องไปธุระต่อ
แต่เป็นความผิดของเราเองแหละ ที่ไม่ได้นัดเค้าล่วงหน้า จู่ ๆ เกิดไม่มีหนุ่มมาเที่ยวครึ่งวันเช้าก็ไปให้เค้าออกมาเลยซะงั้น


อ่ะแล้วเราก็มาถึง Marina Barrage
ขึ้นไปถึง
โอ้แม่เจ้า
ไม่มีคนเลยซักคนเดียว
มืด ๆ เงียบสงบ
เห็นแสงไฟจากวิวตึกไกล ๆ

Image Hosted by PicturePush

แล้วเราก็หาที่นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นกัน
ซึ่งเราก็เพิ่งรู้ว่า พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งทะเล ไม่ได้ขึ้นฝั่งตึก
ตอนแรกคิดว่าพระอาทิตย์จะขึ้นฝั่งวิวตึกซะอีก
แต่คิดไปคิดมา
เออว่ะ จากที่ดูรูปรีวิวแล้วเห็นพระอาทิตย์ฝั่งตึก นั่นมันยามเย็นมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นไปมานี่หว่า เอ๋อจริงตู
(ขอยืมรูปที่เค้ารีวิวมา เครดิตอยู่ในรูปค่ะ)


Image Hosted by PicturePush


เราสองคนก็เลยนั่งที่นั่งที่หันหน้าไปทางพระอาทิตย์ขึ้นกัน
เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมากกกกกกกกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว)
เพราะเป็นสนามหญ้าเงียบ ๆ ไม่มีคนเลย แล้วนั่งกันอยู่สองคนคุยกันหนุงหนิงระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น
เราจำเรื่องที่คุยกันไม่ได้หรอก แต่เราคิดว่าฮีก็คงรู้สึกดีเหมือนกัน
จำได้ประมาณว่าฮีถามเรื่องแฟนเก่าเรา เราก็เลยถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน
เล่าเรื่องครอบครัวของเค้า ครอบครัวของเรา
ถามเรื่องที่ฮีไปเรียน ไปทำงาน ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเป็นเวลานาน
เรารู้สึกว่า ผู้ชายทุกคนที่เราคุยแล้วรู้สึกอยากเจอ คือผู้ชายที่เคยไปอยู่ต่างประเทศมาระยะเวลานึงกันหมดเลย
คือเราว่าคนพวกนี้เปิดใจมากกว่าคนที่ไม่เคยไปใช้ชีวิตต่างถิ่นที่ไหน
ไปเที่ยวอย่างเดียวมันก็ต่างกันนะ
คนที่ไปใช้ชีวิตเค้าจะมีมุมมอง เปิดใจรับคนต่างชาติ ต่างภาษาอย่างเรามากกว่า
แล้วตลกมาก
หนุ่ม 2 คนที่เราเจอมากกว่า 1 ครั้ง
ที่เคยไปใช้ชีวิตต่างประเทศ
จะสนิทกับคนชาติอื่นมากกว่าชาติตัวเอง
หนุ่มทั้ง 2 คนไม่มีเพื่อนสนิทเป็นสิงคโปร์เลย ทั้ง ๆ ที่ก็มีคนสิงคโปร์เป็นเพื่อนร่วมงานอยู่ในประเทศนั้น ๆ
เที่ยวกับหนุ่ม 2 คน เหมือนพูดซ้ำสองรอบในบางหัวข้อ
แล้วก็เหมือนได้ฟังเรื่องซ้ำในบางเรื่องที่เหมือนกันของหนุ่มทั้ง 2 คน
เป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ
อาจจะดีเพราะว่าเราไปเที่ยวด้วยมั้ง
ถ้าไปเราทำงาน ไปอยู่คนเดียวที่นั่น ทุกอย่างมันก็คงแตกต่างจากนี้


แล้วก็ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
ว้า พระอาทิตย์ขี้อาย เพราะเมฆเยอะ มองไม่เห็นจ้ะ
แต่ได้เห็นเมฆสีรุ้งที่มีพระอาทิตย์อยู่ด้านหลังก็ฟินละ
ได้นั่งคุยกับหนุ่มเงียบ ๆ ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นก็ฟินเหมือนกัน



Image Hosted by PicturePush


หันหลังกลับไปดูฝั่งตึก


Image Hosted by PicturePush


แอบให้หนุ่มลองไปนั่งเป็นนายแบบให้หน่อย
เพราะเราอยากถ่ายรูปตัวเราเล็ก ๆ ไกล ๆ แล้ววิวกว้างใหญ่
เลยแอบถ่ายด้านหลังหนุ่มมา
เห็นมั้ยว่าไม่มีคนเลยจริง ๆ
บรรยายกาศน่ารักมาก


Image Hosted by PicturePush



แล้วเราก็เดินเล่นกันต่อไปยังอีกฝั่งนึงของแม่น้ำ


Image Hosted by PicturePush

Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush


แล้วเราก็เดินเล่นไปตรงเขื่อน
เงียบสงบ ไม่มีคนเลยซักคนเดียว

Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush


เราชอบทางเดินริมฝั่งแม่น้ำมากเลย
เพราะมันเขียว แบ่งแยกทางเดินและทางจักรยานชัดเจน
แล้วเช้าวันอังคารแบบนั้น ทางเดินก็เงียบสงบ


Image Hosted by PicturePush



Image Hosted by PicturePush



เหลือแต่กลุ่มพายเรือหรือ dragon boat ที่มาซ้อมในแม่น้ำทุกวัน
เห็นหนุ่มบอกว่าแข่งเรือ dragon boat นี่สิงคโปร์ชนะตลอดเลยนะ
แล้วนักกีฬาทุกคนต้องตื่นมาซ้อมที่แม่น้ำนี้ทุกเช้า ไม่มีวันหยุด ต้องทุ่มเทมากเลยจริง ๆ กว่าจะเข้าขากันได้
แล้วเราก็เดินคุยกันจนสุดทางริมแม่น้ำ
เรื่องที่คุย จำได้เรื่องเดียว
คือเรื่องที่เป็นทหารหรือ National Service
คือผู้ชายสิงคโปร์ทุกคนต้องไปเป็นทหาร 2 ปีเนอะ
จะมีการฝึกเกี่ยวกับร่างกายหนัก ๆ ในแคมป์ประมาณ 3 เดือน
กลับบ้านได้แค่เสาร์ อาทิตย์ ตื่นมาวิ่ง มาฝึกทุกเช้า กิน นอน เป็นเวลา
แล้วหลังจากนั้นก็ไปฝึกตามแผนกต่าง ๆ บางที่ก็ได้กลับมานอนบ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็นอนในแคมป์
แบบนี้ก็จะได้เพื่อนสนิทเลยเนอะตลอด 3 เดือนที่ฝึกพร้อมกัน นอนใกล้กัน
ฮีก็บอกว่าใช่ ๆ
แล้วสนุกมั้ยในแคมป์
เป็นคำถามที่เราถามผู้ชายส่วนใหญ่ที่แชทด้วยนะ
แต่คนนี้ก็ตอบดีนะ
เค้าบอกว่าชอบมากเลยนะ
จะมีซักกี่ครั้งในชีวิตที่เราจะได้ใช้ชีวิตที่ healthy ขนาดนี้
ตื่นแต่เช้า ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายจริง ๆ
ไม่ใช่อาหารขยะรสอร่อยที่เราอยากกินแต่ไม่มีประโยชน์
แล้วก็นอนหัวค่ำ
ทำแต่สิ่งที่ทำให้สุขภาพดีตลอด 2 ปี
โอ้ว พูดได้ดี
แล้วฮีก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
แล้วฮีก็ไม่อ้วนด้วยนะ
แต่เป็นคนชอบกินของหวานมากกกกกกก
แล้วก็นอนดึก ตื่นสาย
แต่ให้ใช้ชีวิตแบบเรียนทหารก็ทำไม่ได้
แต่ฮีบอกว่า เสียใจอยู่อย่างนึง
ตอนที่ฮีไปเรียนต่อเมืองนอกน่ะ
ทำให้ฮีไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ที่สิงคโปร์เลย
แถมก็ทำงานที่โน่นด้วย
เพื่อนสนิทสมัยมัธยมหรือตอนเป็นทหารก็ขาดหายไปเลย
กลับมานี่ก็ต้องมาหาเพื่อนใหม่เลย
แล้วเพื่อนแต่เก่าก่อนก็ไม่ค่อยสนิทกันเหมือนก่อนแล้ว


Image Hosted by PicturePush


แต่จริง ๆ แล้วเราว่า
เพื่อนสมัยเรียน ถ้าจะต่อกันจริง ๆ ก็น่าจะติดนะ
เพียงแต่ว่า ทุกคนยุ่งมากด้วยไง ทำงานกันหมด
แล้วทำงานที่สิงคโปร์เนี่ย ไม่ได้สบาย สบายเหมือนออฟฟิศที่ไทยนะจ๊ะ
เราไปอ่านกระทู้ที่คนสิงคโปร์ได้รับมอบหมายมาทำงานในเมืองไทย 2-3 ปีแล้วกลับไปสิงคโปร์
ฮีบอกเลยว่าคนไทยขี้เกียจ ทำงานช้า กินข้าวกลางวันนาน มีไปช้อปปิ้ง แล้วก็จับกลุ่มเม้ากันเวลางาน
ซึ่งสิงคโปร์ไม่มีนะจ๊ะ
เค้าบอกเลยว่า แค่เอาความขยันและระบบการทำงานของคนสิงคโปร์มาซักครึ่งนึง
พวกมันสามารถเป็นผู้บริหารในเมืองไทยได้เลย
เจ็บมั้ยล่า
แต่เค้าก็ชอบมาทำเมืองไทยนะ
เพราะได้เงินเดือนสิงคโปร์ แต่จ่ายค่าครองชีพของไทย
มีเงินไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ เที่ยวอาบอบนวดได้ทุกวันก็ได้ถ้าจะทำ แถมมีเงินเหลือเก็บด้วย (โห ดูมันพูด)
สามารถเช่ารถหรูขับได้
คนไทยก็ดูเหมือนกันว่าเราขับรถยี่ห้ออะไร ใส่นาฬิกาอะไร
แหม
พูดไปจะหาว่าเราโม้มโนเขียน
เอาลิงค์อ้างอิงไปอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเองเลยดีกว่า

[AMA] I am working in Bangkok!

(AMA ย่อมาจาก ask me anything)

แต่ก็จริงนะ
เพื่อนสิงคโปร์เราพักเที่ยงแต่ครึ่งชั่วโมงเองแล้วก็ต้องกลับมาทำงานต่อ
แถมต้องทำ OT อีก
วันธรรมดาของพวกเค้ายุ่งกันจริง ๆ ไม่มีเวลาหาเพื่อนหรือหาคู่เลย
รัฐบาลของเค้าก็เลยทำกลุ่ม meetup ในคนในประเทศเค้าได้รู้สึกสังคมเพิ่มมากขึ้นกว่าคนในที่ทำงาน
เรียกว่า Social Development Network
เป็นกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกีฬา ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ
ให้คนมาทำกิจกรรมกลุ่มกัน เผื่อว่าถูกตาต้องใจกันจะได้จับคู่แต่งงานช่วยรัฐบาลปั๊มลูกมาจ่ายภาษีต่อไปกันหน่อย ฮา ๆ



Image Hosted by PicturePush



เดินมาจนสุดทางละ ประมาณ 9 โมงกว่า
ฮีก็ถามว่าจะไปไหนต่อ
แล้วแต่ฮีเลย ไอมีเวลาครึ่งวัน
ฮีก็เลยพาขึ้น private bus คนละ 1 เหรียญไปสนามกีฬาใกล้ ๆ
มากับคนท้องที่ก็ดีเงี้ยเนอะ
เป็นเรา ๆ ก็คงไม่รู้นะว่ามันมี private bus ไปสนามกีฬาจากตรงป้ายรถเมล์นี้ด้วย
ก็นั่งไปสนามกีฬากัน ฟ้าครึ้ม ๆ
ก็เดินไป 1 รอบแล้วก็นั่งกินขนมปังทาแยมที่เตรียมมาคนละ 2 คู่
นั่งกินไปก็คุยเรื่องงานที่ฮีทำแล้วเพิ่งลาออกมา
ฮีจบการทำหนังมานะ แต่ดันมาชอบการลงทุนพวกหุ้น พวก Futures ต่าง ๆ
ฮีบอกว่า การลงทุนของฮี รับประกันว่า ลง 10 ได้ 8 ขาดทุน 2 เสมอ
จะขาดทุนหรือได้กำไรนิดหน่อยจากค่าเงิน
แล้วเป้าหมายการลงทุนของฮีคือผลตอบแทน 5-10% ต่อเดือน ย้ำ ต่อเดือน!!!
เฮ้ย มันจะได้กำไรง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ขั้นต่ำ 60% ต่อปี!!
แต่ฮีก็ต้องเลือกตลาดต่างประเทศด้วยว่า อยากลงทุนตลาดไหน ซึ่งมีให้เล่นทั้งวันทั้งคืนทุกประเทศ ฮา ๆ
แต่ฟังไปฟังมารู้สึกปวดหัวมากกว่าตาลุกวาวอยากลงทุน
เปลี่ยนเรื่องดีกว่า
แต่เป็นช่วงเวลาน่ารักเหมือนกันนะ
นั่งกลางแจ้ง กินขนมปังทาแยมกันตอน 9 โมงกว่า 10 โมง แต่ไม่มีแดด


Image Hosted by PicturePush

แล้วตลกมาก นั่งไปนั่งมาแป๊บเดียวฝนตก
แล้วตกเฉพาะเมฆก้อนตรงที่เรานั่งกินกันด้วยนะ
เดินออกมาหน่อยในบริเวณเดียวกันก็ไม่ตกแล้ว
สงสัยมีใครไม่อยากให้เรานั่งอยู่ตรงนี้นานก็เป็นได้

แล้วเราก็ไปเดินวนรอบสนามกีฬากัน ระหว่างเดิน ฮีก็วางแผนอีกละ
อ่ะ ยูอยากไปไหนต่อ เพิ่งจะ 10 โมงกว่า
แต่เราก็ 2 จิต 2 ใจละว่าจะไปกะหนุ่มคนไหนดีวะ
หนุ่มคนนี้ก็อยากไปต่อ แต่หนุ่มที่เที่ยวด้วยกันมาสองวันก็อยากเจอเป็นวันสุดท้ายแล้วก็นัดเค้าไว้แล้วด้วย
คือหนุ่มคนนี้บอกว่า ชั้นพายูเที่ยวได้ถึงตอนยูกลับสนามบินล่ะ
แต่เราก็เกรงใจเนอะ จริง ๆ อยากแค่นัดมาดูพระอาทิตย์ขึ้น กับเดินเล่นนิดหน่อยแค่ 10 โมงตอนนี้เท่านั้นแหละ
แล้วเราก็บอกฮีแล้วนะว่าเรานัดเพื่อนอีกคนกินข้าวเที่ยง มื้อสุดท้ายในสิงคโปร์
เพราะฮีก็คงรู้สึกดีกับเราอ่าเนอะ แล้วเราก็รู้สึกดีกะฮีเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีเรื่องถามว่าไปไหนต่อ ฮา ๆ (มโนอีกละ)
แล้วก็เกรงใจอีกอย่าง คือ ฮียังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน คือว่าคงต้องง่วงมาก
แต่ฮีบอกว่าไม่เป็นไร ยังไม่ง่วง

เอาไงดี ๆ
เดินคิดไป วนสนามกีฬาไปอยู่ 3 รอบเลยตัดสินใจว่า
เอาแผนเดิมดีกว่า
ไปหาหนุ่มคนเดิมเป็นวันสุดท้าย เพราะยังไง ๆ เราก็นัดกับเค้าไว้แล้ว
แล้วอีกอย่าง
หนุ่มคนนี้ บอกไว้แล้วว่าเค้าจะไปเที่ยวกรุงเทพ ฯ ปีหน้า
เพราะปีนี้เดี๋ยวอาทิตย์นี้ไปเมลเบิร์น ยังไม่มีกำหนดกลับ อาจจะอยู่บ้านเพื่อนซัก 2-3 เดือน
มันก็จะหมดปีอยู่แล้ว เค้าเลยกะจะไป กทม ปีหน้า
ซึ่งยังไง เราก็คงได้เจอหนุ่มคนนี้อยู่แล้วล่ะ


หนุ่มเห็นเราตัดสินใจไม่ได้ก็พูดขึ้นมาว่า
ตัดสินใจยังไงก็ได้ที่เอาตัวเองมีความสุขไว้ก่อน
ถ้าตัดสินใจเอาความสุขของคนอื่นแล้วเราไม่มีความสุข
สุดท้ายก็จะไม่มีใครมีความสุขเลยเพราะอีกฝ่ายก็รู้อยู่ดี
ก็เลยตัดสินใจลาฮีดีกว่า ยังไงปีหน้า ถ้ายังคุยกันก็เจอกันอยู่ดี
ฮีก็เลยไปส่งเราที่โฮสเทล แล้วเลยไปแลกตังแถวนั้นเลย



ขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่าน
ทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้า
งานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละ
แต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)
บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ
ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ
บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง
แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ
รักคนอ่านนะคะ



Create Date : 20 สิงหาคม 2559
Last Update : 9 กันยายน 2559 21:06:50 น. 1 comments
Counter : 1988 Pageviews.

 
ติดตามค่า คอมเม้นทุกกระทู้เลย555ยังติดตามอยู่น่า
เพิ่งกลับมาแล้วเห็นบรรยากาศแบบนี้ เลยอยากำปอีก รอบที่3แหละ อยากตบปากตัวเองจริงๆ เมื่อก่อนหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่คิดจะไป ตอนนี้อยากจะไปอีก555 แต่เอาจริงๆเร่คุยกับผู้ชายสิงคโปร์ขนานแท้ที่ไม่ได้ออกนอกประเทศบ่อยๆ คือเข้าใจเลยว่าไม่รู้จะพูดอะไร เพราะชีวิตมันเหมือนๆเดิมทุกวัน งื้อออ อยากเจอคนดีๆแบบจขกท.บ้าง


โดย: r IP: 1.47.233.13 วันที่: 24 สิงหาคม 2559 เวลา:19:45:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.