Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 มกราคม 2559
 
All Blogs
 

นัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆ

หลังจากคุยกะหนุ่มสิงคโปร์ใน tinder มาหลายเดือน
หนุ่มคนนี้เป็นรายที่ 2 ที่มาเมืองไทยแล้วนัดเจอ
จริง ๆ ก็มีหนุ่มมาแล้วอีก 2-3 คนนะ แต่ไม่ได้นัดเจอ
คือเราเป็นหญิงไทยใจงาม ยังไงก็จะไม่เป็นคนพูดเรื่องการจะนัดเจอตัวกันก่อนอยู่แล้ว
ของอย่างนี้ต้องให้ผู้ชายเริ่มก่อนนะ
ถึงอยากเจอยังไง เราก็จะไม่พูดนะ

ที่รู้ว่าแต่ละคนมา ก็เพราะเค้าถามนู่น ถามนี่ ให้ช่วยหาข้อมูลให้หน่อยไรเงี้ย
หนุ่มแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
คือแบบ มีหนุ่มคนนึง มากับเพื่อน
ตอนมาก็ให้หาข้อมูลร้านอาหาร ที่เที่ยว อยากกินปลาเผา ที่ไหนดี อยากไปช้อปปิ้ง ที่ไหนดี
ไอ้เราก็ใจดีหาข้อมูลให้เสร็จสรรพ
อยู่ที่นี่ ก็ส่งข้อความมาเรื่อย ๆ นะ แต่ไม่นัดเจอเลย ตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพ
อย่างว่าแหละ มากับเพื่อน คงไม่มีเวลานัดเจอ ก็ไม่เป็นไร
แต่ให้เพื่อนผู้หญิงโทรมาถามให้คุยกับคนขับแท็กซี่ให้หน่อย แล้วก็ถามนู่น นี่ นั่น
อย่างนี้ก็ไม่ไหวป่ะ ไม่นัดเจอ ไม่แม้แต่จะโทรมาคุยเอง ให้เพื่อนผู้หญิงคุยตลอด ขอบใจนะ เลิกคุยเลยจ้า


อีกคนก็ไม่ต่างกัน
มากรุงเทพคนเดียวด้วยนะ มาบอกวันสุดท้ายว่าจะกลับละ วันนี้จะบินกลับ ไม่พูดเรื่องการนัดเจอนะ
แล้วจะบอกตรูเพื่อ???
แถมเสาร์ อาทิตย์นี้จะมาอีกจ้า บอกว่านัดนวดให้หน่อย หมอนวดที่ยูบอกว่าดีน่ะ
ก็นัดให้เสร็จสรรพ แล้วไง ไม่พูดเรื่องนัดเจอ ขอบใจนะ

แถมจะมารอบใหม่ตอนตรุษจีน บอกว่าจะไปทริปเดียวกับที่เราจะไป
คือเราเพิ่งไปเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนกับสาวแปลกหน้าในห้องบลู pantip มา ก็เล่าให้ฮีฟัง
ฮีจะไปเหมือนกัน ถามละเอียดมาก ทั้งโรงแรมที่พัก การเช่ารถ ไปไหนบ้าง ไปยังไง ร้านอาหาร ฯลฯ
ก็ตอบไปให้อย่างละเอียดมากกกกก
บอกว่าขอบคุณ เออ ไม่ต้องนัดเจอก็ได้ ตรูทำตัวเป็นแค่คนที่แกจะมาหาผลประโยชน์ก็พอ

อีกคนมากับครอบครัว
แต่อันนี้เข้าใจได้ มาถึงก็เงียบ กลับไปก็เงียบ เออ ก็ไม่ต้องคุยกัน ฮา ๆ





อันนี้คือพวกที่ไม่ประทับใจ
ไม่ใช่ว่าไม่นัดเจอเลยไม่ประทับใจนะ
แต่มันดูหาผลประโยชน์อย่างเดียวเกินไปน่ะ
เป็นเพื่อนกัน มาถึงก็น่าจะมาเจอกันนะ ไม่ได้มาเดทกัน ชั้นก็ไม่ได้จะอยากกินข้าวฟรีนะเฟ้ย
หรือผู้ชายมันคิดแบบนี้ฟระ เหอ ๆ

อ่ะ ๆ
มาดูกลุ่มที่ประทับใจกันบ้าง
หนุ่มคนนี้
อย่างที่บอก เป็นคนที่ 2 ที่มากรุงเทพแล้วได้นัดเจอกัน
หนุ่มคนนี้ก็คุยเยอะอยู่นะ มากรุงเทพกับเพื่อน 2 คืน
แต่กว่าจะนัดตรู อยู่ดี ๆ ก็บอกว่าเจอกันมั้ยตอนเย็น ๆ
เอิ่ม ไม่ได้ให้เวลาตูเล้ย เลยบอกไปว่าวันนี้ไม่ว่างอ่ะ พรุ่งนี้ละกัน มีแพลนไปไหนบ้างล่ะ
ฮีก็บอกว่าวันนี้มาถึงก็ไปไหว้หลวงพ่อโสธร ที่ฉะเชิงเทรา
แล้วก็ตีรถกลับมาช้อปปิ้งแพลตตินั่ม แล้วก็ไปกินบุฟเฟต์ที่มังกรซีฟู้ด
คือหนุ่มบอกก่อนหน้านี้แล้วแหละว่าจะมากินดินเนอร์ 2 ร้าน
คือมังกรซีฟู้ด




กับ เจ๊อ้อที่ขายต้มยำล็อปสเตอร์




ฮีก็ถามว่ามีอะไรทำอีกมั้ย พรุ่งนี้ฮียังไม่มีแพลนไปไหน
แล้วฮีก็มากรุงเทพบ่อยแล้ว มาทุกปี มาไหว้พระให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเอง
เราก็เลยให้ลิสพวกพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ต่าง ๆ บ้านไทย วังต่าง ๆ ไป
ฮีก็ถามว่ายูแนะนำอะไรดีสุด
เราก็รีบบอกเลยว่า dialogue in the dark
สนุกนะยู ลองเป็นคนตาบอดซักชั่วโมงครึ่ง
เหมือนดูหนัง 1 เรื่อง แต่รู้สึกว่าแป๊บเดียว เพราะมันมีหลายอย่างให้ทำ
ให้ยูกับเพื่อนลองไปดูนะ มีรอบภาษาอังกฤษแค่ 2 รอบต่อวัน เดี๋ยวไอเช็คให้
ฮีก็บอกว่า โอเค งั้นเข้าไปกะยูแล้วกัน เจอกันกี่โมง
จ๊าก
ก็คิดว่าจะให้ฮีเข้าไปกับเพื่อน ไม่ได้ไปกับเรา
เพราะมันคงแปลก ๆ นะ เจอหน้ากันครั้งแรก แล้วก็เข้าไปจับกันในที่มืดเลยโดยที่ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกัน
แล้วเราทำงาน กว่าจะเลิกงาน มันจะปิดอยู่แล้ว
แต่สุดท้ายฮีบอกว่า ไปด้วยกันแหละ เพราะตอนนี้ฮีกับเพื่อนมาไหว้พระพรหมอยู่
แล้วเดี๋ยวไปช้อปที่ Central World ต่ออีก

เราก็เออ ก็ได้ ลองดู ถ้าจับกันข้างในแล้วไม่โอเคก็จะไม่ไปกินข้าวเย็นต่อกะฮีอยู่ละ
เลยโทรไปถามรอบภาษาอังกฤษ dialogue in the dark
มันเจ๋งมากเลยที่เค้าบอกว่า มีไกด์ stanby แค่บอกว่ามากี่โมง ก็เข้าได้
แต่ครั้งที่แล้วมีแค่ 2 รอบคือบ่ายโมงครึ่งกับบ่ายสามครึ่งเท่านั้น
คือถ้ามาหลังจากนี้คือภาษาไทยอย่างเดียว
เราก็เลยนัดรอบไปหลังเราเลิกงานไป 2 คน



แล้วก่อนเวลานัดประมาณ 2 ชม.
ฮีบอกว่า ฮีเอาเพื่อนไปด้วย 2 คนนะ FYI
แหม่ ขอบใจนะ แค่นัดเจอแกครั้งแรกคนเดียว ชั้นก็ทำตัวไม่ถูกละ
นี่แกเล่นเอาเพื่อนมาด้วยอีก 2 คน ชั้นจะทำตัวยังไงว้า
ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงก็โอเคนะ ยังสบาย ๆ หน่อย
แต่ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายหมดนี่ ยังไงดี ๆ ตรูเขินตายอย่างเดียว
ขนาดเดินผ่านวินมอร์ไซด์แถวบ้าน เจอวินนั่งกันเป็นกลุ่ม ชั้นก็ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนละ เขินไปไหน
นี่เจอผู้ชายอายุรุ่น ๆ เดียวกันตั้ง 3 คน จะยังไงวะเนี่ย ตรูจะเอามือเอาขาไปไว้ตรงไหนเนี่ย
คิดไป ตื่นเต้นไป แต่ทำไงได้ รับนัดไปแล้ว
แล้วยังโชคดีนะ ที่รอบภาษาอังกฤษ โทรไปเพิ่มจำนวนคนแล้วไม่เต็ม
คือเค้าห้ามเกินรอบละ 8 คน เพราะไกด์คงคุมไม่ไหวน่ะ

พออีก 15 นาที ก่อนเวลานัด
หนุ่ม whatsapp มาบอกว่า อยู่ CTW กำลังไป
ห๊า CTW จะมายังไงให้ทันจามจรีสแคว์ภายใน 15 นาทีวะ
ไม่มีทางแน่ ๆ ไม่ว่าจะ taxi หรือรถไฟฟ้า
เรารถมันติดแน่นอน แล้วเราคำนวณแล้วว่ารถไฟฟ้าเนี่ย
ต้องเดินไปขึ้นที่สยาม ต่อไปสีลม จากสีลมเดินไปต่อใต้ดินมาสามย่าน
ยังไงก็ไม่ทัน
เราก็เลยย่ามใจ ออกสายไปซัก 15 นาที
แล้วสรุป หนุ่มไปถึงก่อนจ้า ทั้ง ๆ ที่เราแค่นั่งใต้ดินต่อเดียวถึง กะเวลาได้แน่นอน 555

ไปถึง ตอนขึ้นลิฟต์ไปชั้น 4 ที่จามฯ นี่ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ มาก
เพราะเค้าถึงก่อนเราแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น
เค้าพิมพ์มาบอกว่าถึงแล้วตอนเราขึ้นจากใต้ดินพอดี
ในใจคิดว่า เออ ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงก็จะโอเคมากเลยนะ อย่างน้อยเพศเดียวกัน เราไม่เขินมาก
แล้วถ้าเป็นผู้ชายหมด เราจะเก็บอาการเขินของเรายังไงวะ
ส่วนใหญ่ถ้าเราเขินมาก เราจะพูดไม่ออก ทั้ง ๆ ที่เราเฟรนลี่มากเลยนะ
ไม่งั้นก็จะเฟรนลี่ใส่ แต่ถ้าผู้ชายแม่งไม่ใช่พวกชอบคุย มันดูกระแดะไปรึเปล่าวะ หรือมันจะ dead air ไปเลยป่าววะ
โอ๊ย คิดไปสารพัดจริง ๆ นะ กับเวลาชั่วขึ้นลิฟต์ 4 ชั้นเนี่ย





พอประตูลิฟต์เปิด
ผ่างงงงงงง
ผู้ชาย 3 คน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เขินสุดชีวิต ณ จุดนี้ แล้วตรูเป็นผู้หญิงคนเดียว!!!!
เอิ่ม ต้องเข้าใจนะ เรียนหญิงล้วนมาตลอด มหาลัยเพื่อนผู้ชายก็พอมี แต่มันก็สนิทกันแล้ว
แต่นี่ ผู้ชายแปลกหน้า 3 คน แล้วผู้ชาย 3 คนนี้เค้าสนิทกันอยู่แล้ว!!!
มันก็ยากจะโว้ย ที่จะพยายามกลมกลืนภายในไม่กี่นาทีน่ะ

แนะนำตัวเสร็จ
เราก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง
รีบพาหนุ่ม ๆ ไปซื้อตั๋วทันใด เพราะเกินเวลานัดไป 10 นาทีแล้ว ต้องรออีก 10 นาทีถึงจะเข้าได้
ตอนนั่งรอ 10 นาที ก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกัน หนุ่ม 3 คนเอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ ฮาละมึง
คือก็ได้คุยนิดหน่อย แต่ก็ยังเขินอยู่มาก แต่ก็คิดว่า เอาวะ เดี๋ยวเข้าไป ออกมา มันต้องมีเรื่องไอ้ที่เข้าไปเนี่ยแหละมาเม้ากัน
คือในนั้น เค้าไม่ให้เอามือถือเข้าไป
หนุ่ม ๆ ร้องกันใหญ่ แต่ก็ต้องยอม เพราะมันเป็นกฎ
กลุ่มเราเลยมีกันอยู่ 4 คน
เราขอเป็นคนสุดท้าย เพราะเราเคยเข้าแล้ว
คนเข้าคนแรกจะกล้าสุด เพราะคนต่อ ๆ ไป คนแรกอาจจะบอกเพื่อนได้

พอเข้าไปเจอไกด์
โอ้ว สวรรค์โปรด
ไกด์เราเป็นตุ๊ดจ้า
โหยยยยย
ฮามากอ่ะ ชอบเลย
ทำให้บรรยากาศเขิน ๆ อึน ๆ พังทลายลงมาอย่างง่ายดาย
ทำใหเราเป็นตัวของตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกเลย
เพราะมุกตลก ทะลึ่งตึงตังของไกด์ตุ๊ด
ทำให้เราหัวเราะเอิ๊ก อ๊าก เสียงดังตามสไตล์ผู้หญิงเฟรนลี่ได้อย่างไม่เคอะเขิน
ทุกมุกทะลึ่งจริง ๆ ขำมาก หนุ่มก็ขำนะ
เราเข้ามา 4 รอบแล้ว รอบนี้สนุกสุด ๆ ไปเลยเพราะไกด์เนี่ยแหละ
เข้าไปปุ๊บ ไกด์ก็ถามชื่อแต่ละคนเนอะ
แล้วเราเป็นคนสุดท้าย เราก็ตอบเป็นภาษาไทยเนอะ
ไกด์ก็บอกว่า แหม เธ๊อออออ ไปหลอกหนุ่มสิงคโปร์มาได้ยังไงตั้ง 3 คนเนี่ย
ไปเจอ ไปเอามาจากที่ไหนเนี่ย
เราก็บอกว่า คุณพี่ น้องก็เพิ่งเจอหนุ่มมะกี๊ก่อนเข้ามาเนี่ยล่ะค่า
ยังไม่รู้จัก ยังไม่ได้คุยกันเลยค่า เจอกันทางเน็ทค่า
แล้วคุณพี่เค้าก็ถามว่า เหรอ ๆ เธอสนใจคนไหนเหรอ เดี๋ยวชั้นจัดให้ ประมาณว่าจะสร้างสถานการณ์ให้
เราก็บอกว่า ไม่ต้องค่า เขินอยู่ เอาตามสบายของคุณพี่เลยค่า





แล้วพี่ไกด์ก็ถามว่า 1 ใน 3 คนนี้เนี่ย มีคนนึงใส่เสื้อสีดำใช่มั้ย
หนุ่ม ๆ งงกันใหญ่ว่ารู้ได้ยังไง เพราะในนั้นมันมืดมองไม่เห็นอะไรเลย
ไกด์ก็มาเฉลยต้องนั่งคุยตอนสุดท้ายเนอะ ว่าเค้าตาข้างนึงเค้ายังพอมองเห็นได้ 50%
พอดีเห็นหนุ่ม 3 คนในห้องน้ำ ก็คิดว่าสงสัยหนุ่มกลุ่มนี้แหละที่เป็นลูกทัวร์ของเค้า
แล้วพอดี๊ หนุ่มที่เราคุยเนี่ยก็เป็นหนุ่มที่ใส่เสื้อสีดำพอดี ฮา ๆ (แต่ก็ไม่ได้บอกไกด์นะ)

แล้วไกด์ก็อธิบายทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษเนอะ แต่พูดกับเราเป็นภาษาไทย
หลังจากผ่านไปหลายด่าน
ไกด์บอกว่า เธอ ถ้าให้ชั้นเลือกนะ
ชั้นว่าหนุ่มเสื้อดำเหมาะกะเธอนะ
เพราะมันเตี้ยดี เธอก็เตี้ย เหมาะสมกัน ฮา ๆ

แล้วก็ขำนะ เพราะบางครั้งที่ไกด์เค้ามาดูแลเราเป็นคนสุดท้ายเนี่ย
ไอ้ข้างหน้ามันก็เดินนำไปอย่างไม่รู้ทิศทางเนอะ
มันก็มีการส่งบอกกันเป็นภาษาจีนกลางอยู่เนือง ๆ
ไกด์ก็บังคับให้พวกมันพูดเป็นภาษาอังกฤษ มิเช่นนั้นไกด์จะคิดว่าพวกมันนินทาไกด์ ฮา ๆ
แต่เรากะไกด์คุยกันเป็นภาษาไทยได้นะ เพราะพวกเรานินทามัน ก๊าก ๆ

เดิน ๆ ไปไกด์ก็บอกว่า ทำไมหนุ่มสิงคโปร์ตัวอุ่นกันจังเลย
พวกมันมาเฉลยทีหลังว่า พวกมันไปกินสาเกกันมาก่อนมานี่แหละ ฮา ๆ



แล้วมาถึงตอนสุดท้ายที่นั่งคุยกันเนอะ
เราก็บอกคุณพี่ไกด์ว่า ให้ถามหนุ่ม ๆ แทนเราหน่อย
คุณพี่ไกด์ก็บอกว่า ได้เลย จัดให้ เราเหมือนเราไปสิงในร่างพี่ไกด์เลยนะ
ก็ถามหนุ่มทุกคนเลยว่าอายุเท่าไหร่ ก็มี 37 34 33 ซึ่งหนุ่มที่เราคุยเนี่ยก็คือ 33 ซึ่งเกิดปีเดียวกับเราเนี่ยแหละ
พี่ไกด์อายุ 35 เนอะ
แล้วก็ถามต่ออีกว่าทำงานอะไรกัน
ทั้ง 3 คนก็บอกว่าเป็นคล้าย ๆ พวกนายหน้าที่พักอาศัย
แล้วมีแฟนรึยัง
37 ก็ตอบว่ามีแล้ว แล้วพี่ไกด์ก็มีแอบกัดนะ บอกว่าแฟนหรือภรรยา
ฮีก็บอกว่า แฟน ๆ พี่ไกด์บอกว่า อะไรกัน 37 นี่น่าจะมีเมียได้แล้วนะ ไม่ใช่แค่แฟน ก็ฮากันไป
34 ก็ตอบว่ามีแล้ว คบมา 1 ปี (คนนี้หน้าตาดีสุด ฮาสุด แล้วน่าประทับใจสุด ประทับใจอย่างไร อ่านกันต่อไป อิอิ)
33 ตอบว่ามีแล้ว (อ้าว เฮ้ย) ไกด์ก็ถามต่อว่าประเทศไร สิงคโปร์หรือไทย หรืออะไร
ฮีบอกว่า โอ๊ย หลายประเทศ (ขอบใจนะ ซึ้งมาก ฮา ๆ)

แล้วพี่ไกด์ก็เล่าให้ฟังว่า
เค้าไม่ได้ตาบอดตั้งแต่เกิดนะ เพิ่งมาตาบอดเมื่อ 5 ปีที่แล้วนี่เอง ด้วยเหตุผลที่ไม่น่าจะให้เกิดขึ้นเลยคือการใส่คอนแทคเลนส์นอนเป็นประจำจนทำให้ตาบอด
ตาข้างขวาบอดสนิท ตาข้างซ้ายบอดไป 50%
แล้วพี่ไกด์มีแฟนแล้วเป็นคนอังกฤษ คบมาเข้าปีที่ 9 แล้ว
ซึ้งมากเลยนะ ที่ขนาดตาบอดก็ยังคบกันอยู่

แล้วพี่ไกด์ก็บอกเราเองเป็นภาษาไทยนะว่า
เราเป็นคนเดินหลังค่อม ในพยายามเดินยืดอกเอาไว้ จะได้ไม่เสียบุคลิก
แล้วก็อ้วนนะเธอเนี่ย จากการมาจับเอวเราตอนที่มานั่งใกล้ ๆ ในบางห้อง ฮา ๆ
เราก็สงสัยอยู่แล้ว ว่าเค้าเคยไปสิงคโปร์ได้ยังไง
เพราะบางช่วง เค้าจะพูดว่า เค้าเคยไปสิงคโปร์มาแล้ว
ในหนุ่ม ๆ ลองจินตนาการว่ายูอยู่ตรงถนนโน้ส ตลาดนี้ ช้อปปิ้งตรงนั้น
คือคิดว่า เฮ้ย ถ้าเค้าตาบอด เค้าจะอธิบายได้ยังไง
สรุปคือ เราเคยไปสิงคโปร์ตั้งแต่ตายังไม่บอด
แล้วไกด์ก็เล่าให้ฟังอีกว่าขีวิต 2 ปีแรกที่ตาบอกเค้าทรมานมากเลย
มันไม่เหมือนคนตาบอดแต่กำเนิดนะ ที่ปรับตัวได้เลย
เค้าใช้เวลาปรับตัวตั้ง 2 ปีแน่ะ ว่าจะเข้าที่เข้าทาง
แต่ตอนนี้เค้าเชื่อในเทคโนโลยีอีก 10 ปีข้างหน้าที่จะทำให้เค้ากลับมามองเห็นอีกครั้ง
เค้าพูดไป ทัศนคติเค้าดียอดเยี่ยมมากเลย ประทับใจไกด์คนนี้มากกกกกก



แล้วไกด์ก็พูดต่อหน้าหนุ่ม ๆ เป็นภาษาอังกฤษเลยนะว่า
ตั้งแต่เค้าทำงานที่นี่มา 2 ปี
เราเป็นคนที่ 2 ที่เค้าเจอในนี้แล้วเฟรนลี่มากขนาดนี้ ฮา ๆ
เพราะเด็ก ๆ ที่มาก็อาจจะโดนบังคับก็จะไม่สนุก
ผู้ใหญ่บางคนก็มากวนตีน ลองของ
แต่กับเรานี่ สนุกมาก เค้าทำงาน เค้าก็สนุกเอ็นจอยไปกับเรา
แล้วเราก็บอกกับเค้าว่าเราก็สนุกมากกับเค้าจริง ๆ ขอบคุณนะ

แล้วตอนเดินออกมา 3 หนุ่มข้างหน้าก็มาจับมือไกด์
เราคนสุดท้าย จะจับมือเหมือนกัน แต่ไกด์บอกว่าขอกอดได้มั้ย
เราบอกว่าได้สิ เพราะเราก็กะจะกอดเค้าเหมือนกัน
ตอนกอดกัน พี่ไกด์ก็กระซิบบอกมาเลยว่า ไม่ต้องไปเอานะ หนุ่มเสื้อดำน่ะ มันเจ้าชู้ เชื่อเซ้นส์พี่สิ
ขอบคุณนะคะ คิดในใจว่าฟังแบบนี้หนูก็คงไม่เอามันหรอกค่ะ นี่ขนาดพูดต่อหน้าเรานะ ฮา ๆ

เลเวลเราอัพมากอ่ะ
เราไปเจอหนุ่มสิงคโปร์ที่เคยแต่แชท ไม่เคยเห็นหน้า
แล้วไม่ได้เจอคนเดียวด้วยนะ เจอทีตั้ง 3 คนพร้อมกัน
เดี๋ยวตอนหน้ามาอ่านกันต่อนะ ว่าเราไปไหนกันบ้าง แล้วมีบทสนทนาอะไรสนุก ๆ กันบ้าง แล้วมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เราประทับใจในตัวเพื่อนของหนุ่มของเรา
บล็อคนี้ยาวมากแล้ว ขอไปพิมพ์ใหม่รอบหน้าแล้วกัน อิอิ


ปล. ใครยังอ่านประสบการณ์เกี่ยวกับ tinder ไม่สะใจ
เชิญเสพย์ต่อด้านล่างจ้ะ
เจ้ไม่ได้มาเล่น ๆ เจ้เล่นจริงจัง เก็บมาเม้าได้หลายบล็อคเลย ฮา ๆ


เม้าฝรั่งที่เจอในแอพ tinder หลังจากเพิ่งเล่นได้แค่อาทิตย์เดียว

เสียเซลฟ์กับหนุ่มใน tinder อีกละ

เรามาอ่าน tinder profile ขำ ๆ แย่ ๆ หรือสร้างสรรค์กันดีกว่า

มาอ่าน tinder profile ขำ ๆ กันต่อดีกว่า

มาอ่าน tinder profile สนุก ๆ ฝึกภาษากันต่อนะ

เม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์

แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอ

ลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้าง

เม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์

คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้า

นัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆ

นัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!

จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโน

เรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinder


แชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย




 

Create Date : 16 มกราคม 2559
1 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2559 8:55:16 น.
Counter : 4100 Pageviews.

 

พี่ไกด์น่ารักอ่า อ่านแล้วยิ้มตามเลย อ่อ แวะมาแปะติ๊กเกอร์ล่ะ แฮปปี้วาเลนไทน์น๊าาาา

 

โดย: copo de nieve 7 กุมภาพันธ์ 2559 22:11:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.