เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่2
ใครเพิ่งมาอ่านบล็อคนี้ครั้งแรกลองกลับไปอ่านตอนแรก ๆ ก่อนได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้นะคะเพื่อความต่อเนื่องเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่ 2เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่2เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สาม...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดกินกาแฟเสร็จ ฝนก็ยังไม่หยุดตกพอดีหน้าตึกเค้าเปิดระบำน้ำพุ เลยได้ส่องจากบนตึกเนี่ยแหละ สวยงามแก้เซ็งไปได้หน่อยเพราะเพื่อนคุยก็ไม่มี มีเพื่อนก็เหมือนไม่มี เพราะมันเอาแต่แชทกะสาวถ่ายรูปจนไม่รู้จะถ่ายอะไร ได้เห็นระบำน้ำพุเคลื่อนไหวค่อยเพลินหน่อยมันก็ยังเป็นห่วงเราที่จะไปเจอหนุ่มตี๋มาเลนะ บอกว่าให้มันไปด้วยเหอะ จะได้ปลอดภัยแต่เราไม่ให้มันไป แต่ก็บอกว่า งั้นเอาเบอร์โทรยูมา มันก็แซวว่า โหย ไม่เคยมีสาวขอเบอร์มานานมากแล้ว 5555มันจำไม่ได้ งั้นขอเบอร์ยูแล้วกัน แล้วเดี๋ยวระหว่างกินข้าวโทรไปนะ จะได้รู้ว่ายังปลอดภัยอยู่รึเปล่าไม่อยากจะบอกเหมือนกันว่า ก็ไม่เคยมีผู้ชายมาขอเบอร์มานานมากแล้วเช่นกัน ก๊าก ๆดูน้ำพุอยู่ครึ่งชั่วโมง เริ่มได้เวลาเดินกลับ เพราะฝนหยุดตกละก็เดินกลับทางเดิม เพิ่มเติมคือเราจำไม่ได้ดีจริง ๆ ที่ผู้ชายมันจำได้ ทั้ง ๆ ที่มันเดินไปพิมพ์แชทกะสาวไปนะเนี่ย 555แต่กว่าจะถึงโรงแรม ก็เล่นเอาเมื่อยเลยเพราะใน google map มันบอกว่าเดินครึ่งชั่วโมงอ่ะจ้า ขากลับอิผู้ชายชั้นก็แชทจ้ะ แต่แชทหาเพื่อนมาเลเพราะเราจะทิ้งมันไปดินเนอร์กับหนุ่มมาเลตอนแรกมันก็กลัวว่าเราจะเป็นอันตรายรึเปล่าเพราะหนุ่มคนนี้ เราก็ไม่เคยเจอ เคยแต่แชทกันแต่หลังจากแชทและเช็คประวัติใน LinkedIn แล้ว โอเคมีตัวตน ตำแหน่งและที่ทำงานตรงกับใน LinkedIn รูปก็ตรงหนุ่มที่คุยนี่จำอังกฤษนะจ๊ะไปเรียนตรีวิศวะ แล้วก็โท MBA ที่อังกฤษProfile ดีเลย ฮา ๆ แล้วอิหนุ่มสิงคโปร์บอกว่างั้นชั้นไปกินข้าวกะยูด้วยแล้วกัน เผื่อว่ามันไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ให้มันไปเว้ย อัลไล ชั้นอยู่กะแกทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ชั้นก็ไปมะละกากะแกทั้งวันให้ชั้นมีเวลาไปคุยกะหนุ่มคนอื่นบ้างสิ 555ก็ไม่ได้ตอบมันแบบนี้หรอกนะแค่บอกว่าไม่ให้ไป ก๊าก ๆมันก็โอเค ๆ แล้วเราก็พยายามแชทหาเพื่อนมาเลมันแต่เพื่อนมาเลมันจะมากินข้าวกะมันตอนดึก ๆ พร้อมลูกและเมียก็ให้มันรอที่โรงแรมต่อไป เราก็ชิ่งมันไปหาหนุ่มมาเล ก๊าก ๆ ไปถึงโรงแรมก็ทุ่มนึง ได้เวลาเจอผู้ชายพอดีแต่ไปถึงหนุ่มมาเลยังไม่มานะแต่พอขึ้นห้องมาพักแป๊บนึง หนุ่มก็บอกว่าอยู่ข้างล่างแล้วเอาก็หอบขนมจากเมืองไทยลงไปให้หนุ่มบอกว่า เอาขึ้นไปเก็บก่อนเพราะจะพาไปกินข้าว ตรง food street ข้างหลังโรงแรมเราเองเราก็เลยหอบขนมขึ้นไปเก็บก่อนแล้วก็ไปกินข้าวกะฮี หน้าที่หนุ่มมาเลพาไป เป็นร้านที่ดังตรงนั้นนะเพราะไรรู้มั้ยมันคิวเต็มตลอด ไม่มีที่นั่งเลย แล้วไม่มีระบบด้วยว่าใครมาก่อน ใครมาหลังเป็นร้าน 3 ห้องแถว ดังเรื่องอาหารจีน โดยเฉพาะไก่ย่างซึ่งสั่งแล้วรอเป็นชั่วโมงแน่ะกว่าจะได้กิน แล้วทุกคนก็สั่งเราก็บอกหนุ่มเลยว่า สั่งอะไรก็ได้ กินได้หมด สั่งอย่างที่ยูอยากกินได้เลยชั้นแค่ไม่กินเนื้อ แล้วหนุ่มคนนี้ก็ไม่กินเนื้อเหมือนกันระหว่างนั่งคุยกัน รออาหาร ก็มีเบอร์แปลก ๆ ของมาเลโทรเข้ามาเราก็รับรับปุ๊บ ถามว่าจำชั้นได้มั้ยเราก็งงอ่ะดิ หนุ่มทุกคนที่แชทด้วย เราก็ต้องเมมเบอร์ไว้ เบอร์นี้เราไม่ได้เมม ใครวะสำเนียงแขก ๆ ด้วย เป็นสแปมหรือโทรมาขายประกันหรืออะไรวะเราก็บอกว่าจำไม่ได้หรอก ยูเป็นใคร โทรผิดแล้วมั้งฮีก็บอกว่า คนที่ขายซิมการ์ดให้ยูไง หืมมมมมมมมมมมมม??????????นี่เมิงแบบเมมเบอร์กรูเหรอเนี่ยน่ากลัวมากกกกกกกกกกมันก็ถามว่าทำอะไรอยู่ พักอยู่โรงแรมอะไร กินข้าวกันมั้ย เดี๋ยวมันพาเที่ยวหยุด อย่ามายุ่งกะกู กูหลอนนนนนนนนนนนนนแต่ก็ไม่ได้พูดนะด้วยความที่ในร้านอาหารเสียงมันดัง ก็แกล้งบอกว่า ชั้นกินข้าวอยู่ ไม่ได้ยินที่ยูพูดหรอก แค่นี้นะ แล้วเราก็วางไปแล้วเราก็เล่าเรื่องหนุ่มพม่า และอิแขกขายซิมให้หนุ่มตี๋มาเลของเราฟังฮีดูจะเป็นห่วงมาก บอกว่า ถ้าเบอร์ไหน ยูไม่ได้เมมไว้ก็อย่าไปรับนะตอนนี้เราโคดหลอนอ่ะ เพราะไอ้แขกขายซิมเนี่ย มันอยู่ตู้ขายซิมตรงถนนใหญ่ที่เราต้องเข้าออกจากโรงแรมแถวนั้นซึ่งมันสามารถเห็นเราได้ตลอดอ่ะ เวลาเราเดินผ่าน แม่งน่ากลัวมากรู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่ทริปนี้ได้เที่ยวกะหนุ่มสิงคโปร์เนี่ยแล้วหลังจากวันแรกที่เราเดินผ่านตู้ขายซิมมันไปขึ้นรถไฟฟ้าเนี่ย เราก็ไม่กล้าอีกแล้วเพราะหนุ่มสิงคโปร์ที่เราเที่ยวด้วย มันเรียก uber ให้มารับหน้าโรงแรมที่อยู่ในซอกตึกตลอด ทำให้ไม่ต้องเดินผ่านมัน เราก็เล่าให้ฮีฟังเรื่องหนุ่มสิงคโปร์ที่ติดตามมาเที่ยวกับเราอ่านะดูฮีก็เป็นห่วงน้อยลง แต่ฮีคงคิดว่าเป็นแฟนเรามั้ง ฮีก็ไม่ได้ถามอ่านะแต่ดูฮีก็ไม่ได้อะไรกะเราเท่าไหร่ แล้วคิดว่าคงเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วยแหละเพราะดูดิ กว่าจะเจอ ทุ่มนึงพรุ่งนี้เราก็ไปมะละกาวันจันทร์เรากลับไฟล์ดึกก็จริงแต่ต้องไปสนามบินตั้งแต่เย็น แล้วฮีก็ทำงานก็เจอกันไม่ได้อยู่ดีด้วยความที่ฮีเป็นคนวิ่งมาราธอนเนอะ (เอ๊ะ นี่ขนาดวิ่งฮาฟกะฟูลเดือนละครั้งนะเนี่ย ทำไมยังอ้วนวะ)เราก็เอาเหรียญวิ่งมาให้ฮีด้วยในชีวิตเราเคยจอยงานวิ่ง 2 งานเองแล้วเราก็เอาทั้ง 2 เหรียญนี่แหละมาให้ฮีดูจะเป็นของที่ฮีชอบมากก็บอกฮีว่า อ่ะ ให้ เราวิ่งให้ 2 เหรียญเพราะคนจอยงานวิ่ง เค้าก็ต้องสะสมเหรียญอยู่แล้ว อันนี้เข้าใจแล้วก็คิดอยู่แล้วว่าฮีน่าจะประทับใจช็อตนี้ อิอิ แล้วระหว่างที่นั่งกินข้าวคุยกัน นานมากเพราะอิไก่ย่าง ใช้เวลานานจริงจัง สั่งไปเป็นชั่วโมงจริง ๆ นะกว่าจะได้โต๊ะข้าง ๆ เป็นนักท่องเที่ยวจีน มากันเป็นสิบคนเค้าแบกมา ใหญ่กอง เป็นกองน่องและปีกไก่ย่าง อลังการสุด ๆระหว่างนั้น อิแขกขายซิมก็โทรเข้ามาอีกแล้วจ้าคือฮีก็เห็นว่ามันโทรเข้ามา เพราะเราวางมือถือไว้บนโต๊ะอาหารฮีก็บอกเลยว่า ไม่ต้องไปรับไม่ต้องไปสนใจแล้วอีกครึ่งชั่วโมง มันก็โทรมาอีกกกกกกกกกโอ๊ย นี่คิดว่าโทรมาตามแล้วกูจะออกไปกะมึงตอน 3 ทุ่มเหรอเนี่ยใช้อะไรคิดดดดดดดดดดด กูไม่ไปโว้ยหลังจากกินเสร็จฮีก็พานั่งรถไปถนนเส้นนึง ที่เป็นตึกยุโรป สมัยอังกฤษเข้ามาซึ่งแต่ก่อนเป็นรัฐสภามั้ง แล้วอีกฝั่งก็เป็นคลับสไตล์อังกฤษมาถนนเส้นนี้แล้วเหมือนอยู่ยุโรปเลย ยกเว้นเห็นอิเด็กแขกวิ่งไปมาเจี๊ยวจ๊าว แล้วไฮไลท์สุดถนนเส้นนี้คือI love KL สีแดงอันนี้ซึ่งน่ารักมากกกกกกกกชอบบบบบบบบบได้ถ่ายรูปด้วย ฟินนนนนนนต่อคิวนานมาก เพราะมีแต่คนอยากถ่ายกะมันแล้วเราก็กลับหนุ่มก็ขับรถพามาส่งโรงแรมอ้อแล้วอิหนุ่มสิงคโปร์ก็ส่งข้อความมาว่าเนี่ยเราไม่ต้องไปขนส่งขึ้นรถบัสละนะมันจอง grab hitch ได้แล้ว เค้าจะมารับเรา 2 คนที่โรงแรมแล้วไปถึงมะละกาเลย แค่ 40 ริงกิต Grab hitch คืออะไรมันคือเจ้าของรถบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่มีจุดหมายจะไปที่นึงแล้วอยากหาคนร่วมทางไปด้วยเพื่อแชร์ค่ารถ ค่าน้ำมันเค้าจะมารับเราที่โรงแรมตอน 7 โมงเช้าเราก็ โอเค ๆ เพราะดูฮีจะตื่นเต้นมากเพราะค่ารถบัสไปมะละกาจากขนส่งก็คนละ 10 ริงกิตแต่ค่า uber จากโรงแรมไปขนส่งก็น่าจะอีกคนละ 10 ริงกิตแต่นี่เราได้รถส่วนตัว ไปถึงเร็วกว่าแน่นอน แล้วมารับถึงหน้าโรงแรม เย้แต่แล้วก็มี surprise จะอะไรยังไง ติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะเขียนมายาวมากแล้ว แล้วก็เข้าใจว่าคุณผู้อ่านก็อ่านมานานมากแล้วด้วย ติดตามตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้นะคะซีรี่ย์มาเลรวมทุกตอนเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่ 2เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่2อ่านแล้วเม้นท์ให้กำลังใจหน่อยนะจ๊ะ อย่างน้อยจะได้รับรู้ว่าก็มีคนอ่านอะไรยาว ๆ ที่เราใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งพิมพ์เหมือนกันนะรักคนอ่านนะคะ บล็อคนี้ไม่ใช่บล็อคแรกที่ไปเจอหนุ่มทางออนไลน์นะแจ๊ะเคยไปเจอแล้วทั้งสิงคโปร์และฮ่องกงตามไปอ่านประสบการณ์ฟิน ๆ ของหนุ่มที่เราไปเจอเมืองนอกกันต่อได้เล้ยอันนี้ของสิงคโปร์ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1อันนี้ของฮ่องกงเครื่องลงฮ่องกงปุ๊บก็นัดบอดหนุ่มฮ่องกงมากินข้าวมื้อแรกด้วยกันเล้ยอันนี้คือประสบการณ์ความเซ็งเมื่อไปเจอหนุ่มตี๋อินเตอร์ใน กทม เนี่ยแหละรวบรวมสถานการณ์เซ็ง ๆ จากผู้ชายที่ไปเจอทางออนไลน์ตอนที่ 1รวบรวมสถานการณ์เซ็ง ๆ จากผู้ชายที่ไปเจอทางออนไลน์ตอนที่ 2รวบรวมสถานการณ์เซ็ง ๆ จากผู้ชายที่ไปเจอทางออนไลน์ตอนที่ 3ส่วนอันนี้ ประสบการณ์การเล่น tinder ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่เล้ยเชิญเสพย์ต่อด้านล่างจ้ะ เจ้ไม่ได้มาเล่น ๆ เจ้เล่นจริงจัง เก็บมาเม้าได้หลายบล็อคเลย ฮา ๆเม้าฝรั่งที่เจอในแอพ tinder หลังจากเพิ่งเล่นได้แค่อาทิตย์เดียวเสียเซลฟ์กับหนุ่มใน tinder อีกละเรามาอ่าน tinder profile ขำ ๆ แย่ ๆ หรือสร้างสรรค์กันดีกว่ามาอ่าน tinder profile ขำ ๆ กันต่อดีกว่ามาอ่าน tinder profile สนุก ๆ ฝึกภาษากันต่อนะเม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้างเม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้านัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆนัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโนเรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinderแชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย