King Arthur : The Legend Of The Sword อำนาจในมือที่ไขว่คว้า แต่บารมีศรัทธาต้องลงมือสร้าง





คิง อาเธอร์ ตำนานแห่งดาบจอมราชันย์
King Arthur : Legend Of The Sword (2017)

แทบไม่ต้องเล่าแล้วมั้งกับเรื่องนี้...แต่เล่าซะหน่อยล่ะกัน

เมื่อกษัตริย์อูเธอร์ เพนดรากอนผู้ถือดาบ Excalibur อันทรงพลังสุดวิเศษถูกลอบสังหารด้วยบุคคลลึกลับซึ่งมีเวทมนต์ดำที่ไม่มีใครล่วงรู้ 

ลูกชายของเขาอย่าง อาเธอร์ เพนดรากอน ที่บิดาช่วยไว้หนีไปได้ไปคลุกดินกินทรายหลบซ่อนอยู่ในชุมชนโดยได้รับการฝึกสอนการต่อสู้เอาตัวรอดจากอาจารย์ชาวจีน

ในยุคเปลี่ยนผ่านมายังกษัตริย์วอร์ติเกิร์น ที่สีบทอดอำนาจมาจากพี่ชาย เขาปกครองประชาชนด้วย "ความกลัว" ด้วยคำสั่งบัญชาที่เด็ดขาด แต่ไม่สามารถปกคลุมหัวใจของประชาชนได้ บ้านเมืองเริ่มส่อแววล่มสลาย เขามีจุดมุ่งหมายเพียงสร้างปราสาทหอคอยให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่ออยู่ดีๆน้ำในแม่น้ำก็ลดลง ดาบ Excalibur ก็โผล่ขึ้นมา ใครกันที่จะดึงดาบได้ ชะตาชีวิตที่จะเปลี่ยนแปลงไปไม่เพียงผู้ดึงดาบได้แต่รวมถึงกษัตริย์ วอร์ติเกิร์นและบ้านเมืองนี้ด้วย...

หนังเกี่ยวกับ King Arthur นี่น่าจะเล่าผ่านจอภาพยนตร์กันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ที่กำกับโดยกาย ริทชี ใส่ความเป็นแฟนตาซีลงไปเยอะพอสมควรที่บางคนอาจจะไม่ชอบรายได้เลยไม่ค่อยวิ่ง ส่วนหนึ่งเพราะบางทีมันดูจะง่ายเกินไปในการเอาชนะคู่ต่อสู้ของตัวเอกอย่าง อาเธอร์ แต่หนังก็ปูเรื่องมาพอสมควรพร้อมทั้งสัญลักษณ์ที่ผมคิดเอาเองว่า ...น่าสนใจ...

1.ใช่ว่าอยู่ดีๆ พระเอกจะควบคุมดาบได้ ปมในอดีตที่ตามหลอกหลอนทำให้เขาไม่สามารถควบคุมพลังอำนาจอันวิเศษได้ เมื่อตัวเขาหลุดและเอาตัวรอดจาก Dark Island ได้ ซึ่งเปรียบเหมือนเกาะมืดปมดำในใจของเขา ปมในอดีตก็มลายหายไป 

เฉกเช่นเดียวกับตัวเรา เมื่อสลายปมที่ตกค้างอยู่ในใจเรา เราก็มีพลังที่จะเดินหน้าก้าวขาสร้างสรรค์สิ่งดีๆได้

2.อำนาจอาจจะตกอยู่ในมือใครก็ได้ แต่บารมี ความรัก ความศรัทธาที่จะได้จากประชาชนต้องสร้างมันขึ้นมาเอง แล้วต้องทำในแบบแนวราบให้ปกคลุมและซึมซับเข้าไปในหัวใจของคน ไม่ใช่สร้างปราสาทหอคอยที่สูงขึ้นไปให้ห่างจากประชาชนขึ้นไปอีกเหมือนที่วอร์ติเกิร์นทำ อาเธอร์จะได้เปรียบตรงที่เขาเคยคลุกดินกินทรายกับประชาชนมาก่อน

3.การปกครองด้วยคำสั่งบัญชาจากบัลลังก์ของผู้นำอาจจะเด็ดขาด ไม่มีใครกล้าโต้เถียง แต่ใช่ว่าเราจะมีความสามารถรอบด้านนั่นคือที่มาของ "โต๊ะกลม" สัญลักษณ์แห่งการหันหน้าเข้าหากัน เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องที่สำคัญในการบริหารบ้านเมือง

หนังสนุกใช้ได้เลย ถ้าเราไม่ได้คาดหวังมันสูงเกินไป ให้ตัวหนังพาเราไปจนจบ ผมชอบมากกว่า King Arthur เวอร์ชั่นที่แล้วนะ (แต่ดูทางทีวีแบบไม่ตั้งใจมาก) Jude Law แสดงได้ดีเหมือนเดิม ผกก.Guy Ritchie ใส่ความตลก ความกวน พร้อมกับวิธีเล่าเรื่องแปลกๆไม่เหมือนหนังพีเรียดย้อนยุคขนานแท้มากนัก 

ป.ล.หนังมีตำนานหมายเลข 7 แห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ดมาเล่นด้วย

คะแนน 7.5/10




Create Date : 27 พฤษภาคม 2560
Last Update : 27 พฤษภาคม 2560 17:11:31 น.
Counter : 1165 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
พฤษภาคม 2560

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
29
30
31
 
 
All Blog