ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส, อ่านวันละหน่อย พลอยรื่นรมย์
|
||||
A Monster Calls ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน A Monster Calls (2011) โดย Patrick Ness จากแรงบันดาลใจของ Siobhan Dowd สนพ.เวิร์ดส์ วันเดอร์ แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร "แต่ว่าความฝันคืออะไร...ใครจะบอกได้ว่า เรื่องอื่นทุกเรื่องไม่ใช่ความฝัน" 24.07 น.ของวันหนึ่ง ปิศาจต้นยูไดัเดินทางมายืนอยู่ ณ บ้านหลังหนึ่ง บ้านที่แม่กำลังป่วย พ่อแยกทางไปอยู่อเมริกามียายอยู่อีกบ้านนึงซึ่งจริตไม่ถูกกับหลาน...หลานชายวัย 13 ปีคนนั้น ก็คือ "คอเนอร์ โอ'มัลเลย์" ราวกับความฝันในความคิดของเขา ซึ่งไม่เคยเชื่อเรื่องปิศาจที่ใครๆต่างเล่านิทานให้ฟังในสมัยเด็กๆอีกเลยตั้งแต่โตมา ปิศาจบอกว่ามันถูกเรียกมาโดยคอเนอร์เอง มันมีข้อแลกเปลี่ยนง่ายๆ เพียงมันจะเล่านิทาน 3 เรื่องเพื่อแลกเปลี่ยนกับเรื่องเล่าของเขาเพียงเรื่องเดียว แต่เรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องจริงเท่านั้น...มันจะกลับมาพร้อมกับเรื่องเล่าในครั้งต่อๆไปจนกว่าจะได้ "ความจริง" ปิศาจที่มาหลังเที่ยงคืนตนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ ต้องการเพียงเรื่องเล่าจากเขาแค่นั้นเองหรือ?...และอะไรคือ "ความจริง" เป็นหนังสือที่มีสารที่ต้องการจะสื่อแก่ผู้อ่านอย่างชัดเจน แต่ผ่านกลวิธีการเล่านิทาน 3 เรื่องของปิศาจหลังเที่ยงคืน ซึ่งนิทานที่เล่านั้น มันต้องขบคิดแล้วแต่จะตีความกันเอาเอง (ขณะอ่านความคิดวิ่งกันให้สนุกเชียว) ความรู้สึกเหมือนอ่าน "เจ้าชายน้อย" หรือนิยายในแนวนี้ ไม่ได้หมายความว่า อ่านยากนะ อ่านง่าย อ่านเพลิน แป๊บเดียวก็จบ ความสนุกกับความหวือหวาจะไม่ฉูดฉาดเด่นชัดมากนัก แต่ดีงามมากในแง่คุณค่า "ความตาย"เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่บางทีก็ไม่ได้ตระหนัก รับรู้ พร้อมเผชิญหน้ากับมัน แล้วยิ่งกับเด็กๆอย่างเช่น "คอเนอร์" จะผจญกับความจริงนี้ได้อย่างไร เมื่อเขาเริ่มก่อกำแพงทีละก้อนจนสูงท่วมตัว (ต้องชมคนเขียนที่สร้างสถานการณ์แบบนั้นให้กับตัวละครจนเหมือนให้ตัวเอกต้องเผชิญกับมันตามลำพัง) ทุกๆคนที่เขารู้จักเหมือนยืนบนรัศมีของวงกลม ล้อมรอบตัวเขา ดุจเขาเป็นเพียงจุดศูนย์กลางของวงกลมนั้น ไม่มีใครที่เข้าถึงตัวเขาได้และมีป้ายบนหน้าผากเพียง "เด็กน่าสงสาร" ปิศาจหลังเที่ยงคืนร่างใหญ่ ไม่ได้ทุบกำแพง ไม่ได้ยกตัวเขาให้ลอยข้ามกำแพง เพราะมันง่ายเกินไป เพียงแค่มัน...ทำให้เขาเห็นความจริงของ "ความตาย" 1"ความตาย" ถึงแม้จะน่ากลัว แต่มันก็มีทั้งดีและร้าย 2."ความตาย" ดูเหมือนความเชื่อ เมื่อมันเกิดกับคนอื่นๆ แต่เราจะตระหนักประจักษ์ว่ามันเป็น "ความจริง" ก็ต่อเมื่อมันสร้างความเจ็บปวด ให้เรากับคนใกล้ตัวที่เรารัก 3."ความตาย"ดูเหมือนจะล่องหน ไม่มีใครเห็นมัน แต่มันจะทำให้คนเห็นมันได้...ก็ด้วยการมี"ชีวิต"นั่นเอง ราวกับติดกระจกใสให้เห็นธรรมชาติของมัน ราวกับติดประตูให้รอวันเปิดไปรับความจริง ราวกับติดลูกบิดให้สัมผัสกับมัน เพียงรอให้ "คอเนอร์" มีความกล้าที่เปิดประตูด้วยมือของตนเอง เปิดออกไปยอมรับความจริงท่ามกลางอ้อมกอดแหงรักที่เขาอาจจะพยายามปิดตา ไม่อยากรับรู้มันมาก่อน เช่นเดียวกับเราทุกคน...ที่มีเวลา 24 ชั่วโมง 7 วัน 12 เดือน ให้ใช้ "ชีวิต"และมีด้านตรงกันข้ามกับ "ชีวิต"ให้ตระหนักรับรู้ถึงมัน จนถึงวันที่...A Monster Calls... "เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่ซับซ้อน.... พระราชินีเป็นทั้งแม่มดดีและแม่มดชั่วได้อย่างไร เจ้าชายเป็นทั้งฆาตกรและเป็นทั้งผู้กอบกู้ได้อย่างไร หมอยาเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ก็เป็นคนคิดอย่างมีเหตุผลได้อย่างไร นักบวชเป็นคนคิดอย่างไร้เหตุผล แต่ก็เป็นคนใจดีได้อย่างไร คนที่ไม่มีใครเห็นกลับทำให้ตัวเองว้าเหว่มากขึ้นด้วยการทำให้คนเห็นเขาได้อย่างไร" ป.ล.หนังสือเป็นกระดาษอาร์ตอย่างเดียว อาจจะมีสะท้อนแสงบ้างตอนอ่าน และวาดภาพประกอบโดย Jim Kay คนเดียวกับที่วาดภาพ Harry Potter ฉบับที่มีภาพวาดประกอบเรื่องนะครับ คะแนน 8.4/10 |
สมาชิกหมายเลข 755059
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]
Group Blog All Blog Friends Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |