Last Of Diary
Last Of Diary If I could endure one day If I could forget for one day Wouldn't it be great My heart beats Sad tears fall I shout out your name every day In the morning sunlight I can feel your presence And tears fall when I realize that I'm alone It still feels like I could touch you again When my memories give me pain I can't feel the hurt anymore I regret letting you go When I reach out my hands to touch your smiling face You disappear, just like in my dreams When will I start to believe That I'll smile again Once another day passes? As my heart continues to beat Memories fill my mind And there's no way to stop them I still don't know how As the stars light up the night sky Tears fall because I'm afraid that I'll erase you from my heart It's still hard for me to believe That I can't hold you the way I did in the past When I reach out to your hair as you lie in my arms You disappear into thin air How can I forget you? How can I erase you? Tell me how I can forget, the way you did I'll try to endure it for one more day I'll try to live on for one more day When time passes, things will change I'll finally forget you But for one more day I'll remember how you told me you loved me
เรื่องราวของการเดินทางของฉัน มันทำให้ฉันได้คิดอะไรได้มากมาย ทั้งความรู้สึกของตนเองและทบทวนเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักไม่ว่าจะเป็นรักเพื่อน รักพี่ หรือรักตัวเอง และความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น ฉันมีความฝันที่ว่าสักวันหนึ่งช่วงชีวิตของฉันจะได้มีโอกาสทำตามสิ่งที่หวังเอาไว้ คือการเดินทางออกไปเที่ยวทุกๆที่ นักเดินทางสำหรับฉันคำนี้มันมีความหมายมาก การเดินทางคือการพบเจออะไรที่แปลกใหม่ทั้งเพื่อน ทั้งสถานที่ อากาศและความหวังใหม่ๆ ฉันเชื่อว่าการเดินทางคือการเติมเชื้อไฟให้แก่ชีวิตนั้นเอง การเดินทางเพียงลำพังอาจจะเหงาไปบ้าง แต่มันทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้คิดและแก้ไขปัญหาเอง เพราะบางครั้งฉันก็รู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ อยากจะหนีไปให้พ้นๆไม่อยากจะเจอใครเลย ไม่อยากจะพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีคนบอกว่าฉันจิตตก คิดมาก ฉันว่าฉันคงเป็นแบบนั้นแหละ เรื่องราวการเดินทางของฉันเริ่มจากการเดินทางไปเชียงใหม่ โดยลำพังแต่ไม่เชิงลำพังหรอกเพราะมีพี่ที่รู้จักกันมาห้าปีอยู่ที่เชียงใหม่ เรารู้จักกันผ่านโลกอินเทอร์เน็ต พี่สาวที่ใจดีที่คอยดูแลทุกอย่างเป็นห่วงกันเสมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ฉันโชคดีที่ได้เจอคนดีๆ เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันแบบซึ่งๆหน้าที่ผ่านมาเราติดต่อกันทางโทรศัพท์ จดหมาย การคุยกันทางเอ็มมาตลอดห้าปีเต็ม เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันและพูดคุยกันโดยได้สังเกตสีหน้าของกันและกัน และความรู้สึกของเรามันก็ยิ่งแนบแน่นกันมากขึ้น โปรแกรมของฉันมันถูกรบกวนจากหลายๆสิ่ง หลายครั้งที่ทำให้ไม่ได้เริ่มต้นสักที สุดท้ายสองคืนกับอีกหนึ่งวันในเชียงใหม่ก็ประสบผลสำเร็จ ฉันคิดว่า ถ้ามัวแต่เลื่อนไปเรื่อยๆ แล้วจุดเริ่มต้นของฉันมันจะมีหรือเปล่า ดังนั้นขอแค่วันนี้ก็พอแล้ว เริ่มต้นกับสิบชั่วโมงที่ยาวนานในการนั่งรถทัวว์ หลับๆตื่นๆไปตลอดทาง จนมาถึงเชียงใหม่ มาถึงพี่สาวคนงามของเราก็มารับไปทานข้าว โดยมื้อแรกในเชียงใหม่เริ่มต้นด้วยขนมจีนน้ำยาเงี้ยว และจากนั้นเดินไนซ์บาซาต่อ ประทับใจแกลอรี่ที่อยู่ใต้ตึก สวยงามมากโดยเฉพาะภาพที่วาดขึ้นมาเหมือนจริงมาก ขอชมจากใจจริงเลย จากนั้นก็ไปทานนมกันก่อนนอน เหนื่อยมากเลยคืนแรก ต้องนอนเอาแรง เวลาเก้าโมงเช้าของวันอาทิตย์ การเดินทางจึงเริ่มขึ้นโดยการสำรวจมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พี่เล่าประวัติต่างๆให้ฟัง น่าทึ่งมากสำหรับเฟรชชี่ของที่นี้ที่ต้องเดินขึ้นดอยสุเทพ ฉันเองก็อยากเดินบ้างแต่ว่าเวลาในการอยู่ที่มันสั้นมากเลยต้องออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่โอยสุเทพ พระตำหนักภูพิง ดอยปุย บ้านแม้ว ฉันเริ่มต้นที่ภูพิงก่อนเพราะอยากไปถ่ายรูปดอกไม้ยามที่แดดกำลังสวยๆ ชอบอากาศที่นี้นะ ถ้าหน้าหนาวคงจะดีแต่ว่าวันนี้อากาศร้อนมากเลย แบบว่าดำไปอีกเยอะ แต่สนุกดี แดดเริ่มแรงก็เลยลงมาที่ดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะแต่ถ้าเทียบกับกรุงเทพค่อนข้างบางตา ชอบบรรยากาศที่มองดูทิวทัศน์แล้วมองเห็นพังเมืองเชียงใหม่สวยงามมากเลย ที่สังเกตเห็นคนเชียงใหม่จะเดินทางโดนรถจักรยานยนต์มากกว่ารถยนต์นะ และรถแดงนี้ราคาแพงไม่เบาเลย แล้วยังมีระบบการรับคนที่เราว่าน่าจะจัดคิวให้ดีกว่านี้จะดีมาก ฉันชอบบรรยากาศการทำบุญมากเลยนะ โดยเฉพาะวัดวานี้ชอบมาก มันให้ความรู้สึกสงบแบบบอกไม่ถูก มันสวยมากๆทั้งบรรยากาศและคน ฉันเคยไปเที่ยวสถานที่หนึ่งในจันทบุรีทำให้รู้สึกว่าศาสนามันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว ไม่ได้อยากจะว่าแต่มุมมองของฉันมันบอกแบบนั้น คนบางกลุ่มมักจะหาผลประโยชน์จากความเชื่อของคนอื่น เอาเป็นว่าบนดอยฉันประทับใจกับดอกไม้มากที่สุดเลย ถ้าหน้าหนาวคงจะสวยกว่านี้แน่นอน สุดท้ายท้ายสุดที่ที่ฉันว่ามันทำให้ฉันหลงใหลความเป็นศิลปะ ถนนคนเดินที่มีทั้งความสวยงาม กลิ่นอายของความสร้างสรรค์ และความเป็นคนของคนที่มีจิตวิญญาณ ที่นี้มีของมากมายที่เกี่ยวกับลานนา และความเป็นมีหัวคิดของตนที่สร้างสรรค์ความเป็นศิลปะขึ้นมา และความสามารถที่ตัวเองมีแล้วนำออกมาหากิน โดยที่ไม่ต้องไปนั่งขอทานตามถนน มีครบส่วนแค่นำส่วนที่เรามีออกมาใช้ก็นับว่าน่าชื่นชมมากแล้ว นี้ไม่ใช่สุดท้ายสำหรับชีวิตฉันแต่มันคือจุดเริ่มต้น การเดินทางครั้งนี้ขอบคุณพี่สาวคนงามของฉัน ขอบคุณการตัดสินใจของฉัน ขอบคุณเพื่อนๆและขอบคุณเชียงใหม่ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งแรก และที่ต่อไปฉันจะไปตั้งแคมป์ที่ ภูกระดึง........นักเดินทางทั้งหลายที่อยากจะร่วมแบ่งบันช่วงเวลาดีๆร่วมกันขอเชิญ......ได้นะ หรือใครจะไปเที่ยวที่ไหนก็อย่าลืมชวนกันด้วยเน้อ... พี่น้อง
Create Date : 31 พฤษภาคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 18:45:33 น. |
Counter : 535 Pageviews. |
|
|
|
มาเยี่ยมเยียนคะ
Blog น่าสนใจนะคะ