ใครที่ยังไม่เคยอ่านตอนแรก แนะนำให้กลับไปอ่านก่อนนะคะ PART 1--------------------เอาละ เข้าเรื่องกันเสียที 18 June 2010 : งานแจกลายเซ็นต์ที่ไทเป ความประทับใจที่ลืมไม่ลงในที่สุด วันที่พวกเรารอคอยก็มาถึง สำหรับข้าว งานนี้เป็นงานแจกลายเซ็นต์ครั้งที่ 2 ในชีวิต แต่เป็นครั้งแรกที่คนแจก คือ วังตงเฉิง เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากกกกกก (เค้ายังจำงานแจกลายเซ็นต์ที่สิงคโปร์ได้ดี ตอนนั้นเพิ่งเรียนจีนได้ซักเดือนกว่าๆ ไว้งวดนี้เค้าจะแก้ตัวนะที่รัก)พวกเราทั้งหมดต้องออกจากที่พักราวๆตี 5 ครึ่ง (งานเริ่มบ่าย 2 ได้ข่าว) ที่ต้องไปก่อน ก็เพราะว่าเราต้องไปจองคิวค่ะ ยังไม่รู้อะไรเลยว่ารูปแบบงานจะเป็นแบบไหนยังไง เพราะฉะนั้นไปเช้าไว้ก่อนดีที่สุด งานจัดที่ลานหน้าห้าง SOGO ค่ะ (สาขาที่ไปซื้อ KAPPA เมื่อวานนั่นล่ะ) เราไปถึงตอน 6 โมงกว่าๆ ก็ว่าเช้าแล้วนะ ปรากฏว่ามีคนมาเช้ากว่าเราอีก เป็นคลับตงซักคลับนึงนั่นล่ะ จำไม่ได้ มาถึงก็เห็นกำลังนั่งเป่าลูกโป่งกันอยู่เลย ไอ้เราก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยไปหาข้าวเช้ากินที่ 7-11 อยากจะบอกว่าชอบ 7-11 ของไต้หวันมากเลย มีทุกอย่างที่คุณอยากได้ ฝากซื้อของ จองอัลบั้มก็ทำได้หมด ทำไม 7-11 เมืองไทยไม่เป็นอย่างนี้บ้างน้า (แค่คิดตังค์ให้มันเร็วๆยังทำไม่ได้เลย)ข้าวเช้าแสนอร่อย ข้าวดำๆนั่นข้าวสวยนะคะ ไม่ใช่ข้าวเหนียว แต่กินแล้วก็หนึบๆ ไม่เหมือนข้าวบ้านเรา กินกับผัดคล้ายๆเปรี้ยวหวานซี่โครงหมู 很好吃 กินข้าวยังไม่ทันเสร็จ ก็ต้องอพยพข้าวของค่ะ เพราะไหนคนงานจะมาตั้งเวที ตาลุงกับยัยป้าที่มาทำความสะอาดลานหน้าห้างก็เอาน้ำราดโครมๆ เอาไม้กวาดมากวาดไล่เราอยู่นั่นล่ะ เลยต้องปล่อยเค้าไปก่อน กว่าจะเสร็จก็เกือบ 9 โมง ได้เวลาเข้าแถวแล้วต้องบอกเงื่อนไขของงานให้ทราบก่อน ข้อแรก - คนที่ซื้อหนังสือหน้างาน จะมีสิทธิ์ได้คิวก่อนคนที่เอาหนังสือมาจากบ้านข้อสอง - ซื้อหนังสือ 5 เล่มขึ้นไป จะได้กระดาษให้เราเขียนชื่อ เพื่อให้ตงเซ็นต์ได้ 1 ชื่อ ข้อสาม - เฉพาะคนที่ซื้อหนังสือหน้างาน จะได้โปสเตอร์รูปตงนอนอ่อย เอ้ย นอนมองเราด้วยตาเยิ้มๆ ไปนอนมองเล่นที่บ้าน(ใครมันเป็นคนคิดเนี่ย ขอเอาปืนไปยิงได้มั้ย ฮ่วยยยย)ดังนั้น ข้าวสวยและเพื่อนๆจึงต้องเข้าแถว เพื่อขึ้นไปซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือชั้น 10 และก็มีเพื่อนบางคนที่ต้องไปแย่งชิงผู้โชคดี 15 คนสุดท้ายที่จะได้ถ่ายรูปคู่กับตงด้วย ถึงจะมีเลขคิวเขียนที่มือแล้ว แต่พอ 11 โมงห้างเปิด ก็เห็นต้องแย่งชิงกัน (ขึ้นลิฟต์) อยู่ดี ลำบากลำบนกันไป แต่ในที่สุด ทุกคนก็ได้หนังสือ และได้ถ่ายรูปคู่กับตงสมใจนึก ~~~พอบ่ายโมง ก็ได้เวลาเข้าแถวจริงๆแล้วค่ะ แดดก็กำลังร้อนได้ที่ คนก็เยอะ กระเป๋าหนัก หนังสือยิ่งโคตรหนัก 55 พองานใกล้เริ่ม ก็มีคนเอาน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปตัวเลข 80,000 มาวางบนเวทีค่ะ ตัวเลข 80,000 นี้คือจำนวนหนังสือของตงที่ขายไปได้ (โว้ว ไม่น่าเชื่อ 80,000 เล่มเลยเหรอ แต่ก็คงถึงหรอก เท่าที่แบกๆกันมา รวมๆกันก็เป็นพันเล่มได้ละ) ) แต่เนื่องจากแดดมันร้อนมาก เลยมีเพื่อนแซวว่า ถ้าแดดแรงกว่านี้ จาก 80,000 จะกลายเป็น 00000 นะ (เลข 8 ละลายหมด กลายเป็นเลข 0 เฉย 555)เวลาบ่ายสองนิดหน่อย ก็ถึงเวลาที่ทุกๆคนรอคอย ตงมาถึงที่งานด้วยเสื้อสีชมพูของ KAPPA ใส่เนคไท กางเกงสีขาว รองเท้า GUCCI (อันนี้เห็นทีหลัง 55) ทรงผมก็เซ็ตมาเป็นอย่างดี หน้าเหมือนจะแต่งแค่บางๆ เพราะยังคงเป็นหมีแพนด้าเช่นเดิม 555 ~ สรุป หล่อ จบ 555มาถึงก็คุยกับพิธีกร ทักทายแฟนๆ (เอาเหอะ แกเห็นแบนเนอร์ที่ชั้นอุตส่าห์หาที่ทำอย่างยากลำบาก แล้วรับรู้ว่ามี "ไทกั๋วเตอะเผิงโหย่ว" มางานแก 2 หน่อเนี่ย ก็โอเคละ) พูดถึงความเป็นมาของหนังสือ เรื่องราวการไปถ่ายทำที่ฮอลแลนด์ แล้วพิธีกรก็มีให้ตงกล่าวคำสัญญาต่อหน้าแฟนๆว่า "ถ้าขายได้เกิน 100,000 เล่ม จะวาดรูปตัวเองเป็นการคืนกำไรให้แฟนๆ" (ไม่แน่ใจว่าแค่เซ็กซี่หรือนู้ด แต่คงเป็นรูปที่เรียกเลือดกำเดาเราได้ 55) ได้ข่าวว่าตอนนี้ก็เกินแล้ว ไม่รู้กำลังวาดอยู่ หรือรู้สึกว่า "ไม่น่าพูดเลยตรู" 555 ต่อจากนั้นก็เป็นพิธีทุบน้ำแข็งค่ะ (ดูศักดิ์สิทธิ์เนอะ) เป็นการประกาศให้ทราบว่า ตอนนี้หนังสือ Van Gogh & Me : All About Jiro Wang มียอดขายทะลุ 80,000 เล่มแล้ว แต่พอคุณชายเธอทุบน้ำแข็งกระจายแล้ว เธอก็ยังนึกสนุก โดยคว้าก้อนน้ำแข็งก้อนเขื่องๆก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วทำท่าจะปาออกไปค่ะ (นี่แกกล้าทำร้ายผู้มีอุปการคุณเหรอยะ) แต่แล้วก็เปลี่ยนใจค่ะ เหลือแค่หยิบเศษน้ำแข็งก้อนเล็กๆมาปาให้แฟนๆเท่านั้น (ถ้าโดนกล้องชั้นแกตาย)แล้วก็เริ่มเข้าสู่การแจกลายเซ็น ระหว่างนี้ข้าวก็ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรอีกค่ะ เพราะว่ามัวแต่สาละวนอยู่กับหนังสือประมาณ 6-7 เล่มในมือ ความรู้สึกก่อนขึ้นเวทีตอนนั้น เหมือนสมองจะเบลอๆนิดหน่อย พยายามคิดว่าขึ้นไปแล้วจะพูดอะไรกะมันดี คนนึงผ่านไป สองคนผ่านไป จะถึงเราแล้ว ทำไงดี ตื่นเต้นช่วงเวลาสำคัญ ถ้าจะนับจริงๆก็ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องของอ้อ มันก็มีอยู่ว่า อ้อซื้อเข็มกลัดของ MUA มา แต่ว่ามันถลอกแบบน่าเกลียดมาก อ้อก็เลยจะไปบอกตงว่า เข็มกลัดมันไม่ดีนะ แต่ด้วยความที่อ้อพูดจีนไม่ได้ ก็เลยต้องวานให้ข้าวแล้วก็โคริน่า พี่สาวที่ใจดี หัวหน้าบอร์ดตงที่สิงคโปร์ช่วยๆกันพูด ตงพอได้เห็นแล้วก็ทำหน้าเบ้ๆแบบ “อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี่ล่ะ” แล้วมันก็ทำสิ่งที่ข้าวไม่ได้คาดคิด คือ ตงพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ” แล้วมันก็ถอดเข็มกลัดอันที่ติดอยู่ที่เสื้อตัวเองเอามาส่งให้น้องเฉยเลย (o_O) แล้วก็พูดว่า “งั้นเอาอันนี้ไปแทนนะ เอาอันนั้นคืนมา” แล้วก็เอาเข็มกลัดอันที่พังไปติดที่เสื้อตัวเอง โฮะๆๆๆๆ สุดยอด customer service เราขอมอบโล่ให้คุณไปเลย 555 หลังจากนั้นเค้าก็คุยกันไปตามเรื่องตามราวของเค้า (ไม่เกี่ยวกะเรา) ทีนี้ก็มาถึงตาของข้าวล่ะ หนังสือ 7 เล่ม จะอยู่บนเวทีได้นานเท่าไรกันน้า เล่มละซัก 10 วินาที ก็คงราวๆ 1 นาทีได้มั้ง นานจัง จะพูดอะไรดี ว่าแล้วก็เลยเริ่มด้วยประโยคแรกเลยละกัน เริ่มจากพร๊อพที่มีอยู่ในมือนี่ล่ะวะ เป็นพัดที่เขียนว่า Van Dong (ภาษาจีน) ค่ะ** ทั้งหมดเป็นภาษาจีนนะคะ ถ้าตรงไหนไม่ใช่ภาษาจีนจะเขียนบอกไว้**ข้าว : Van Dong, ยินดีด้วยนะคะ (หันพัดไปหาตง)ตง : (ยิ้ม) โอ้ว ขอบคุณครับ “ซา-วัด-ดี-ค่า (สวัสดีค่า)” (ภาษาไทย พร้อมยกมือไหว้) ข้าว : สวัสดีค่ะ (ภาษาไทย) // “สวัสดีค่ะ” เนี่ย ผู้หญิงเค้าใช้กัน เป็นผู้ชายก็ต้องพูดว่า “สวัสดีครับ” สิ ตง : จริงเหรอ? ซา-วัด-ดี-คราบ (สวัสดีครับ) x 2 ครั้ง (ยกมือไหว้ีอีก พ่อมารยาทงาม)ข้าว : พูดชัดใช้ได้นะเนี่ยตง : จริงเหรอ? Really? ข้าว : Yeahแล้วตงก็เซ็นหนังสือให้ หันถามว่า “ชื่ออะไรครับ” (คาดว่าคงอ่านใบที่เขียนชื่อไม่ออก) ข้าวเลยบอกว่าชื่อ Larien ตงก็อุตส่าห์พยายามจะออกเสียงและสะกด แต่ด้วยภาษาอังกฤษขั้นเทพของตง ข้าวเกรงว่าจะไม่ทันการ เลยรวบรัดสะกดให้เลย “L-A-R-I-E-N” (อารมณ์เหมือนเขียนตามคำบอกมากๆ) ต่อด้วยนามสกุล (ประกาศมันตรงนี้ล่ะ ว่าชั้นแซ่วัง 55) แต่ก็ไม่รู้ว่าตงมันงง ไม่ได้ยิน แกล้งแหย่เราเล่น หรืออะไรก็ไม่รู้ ก็หันมาถาม “หวัง?” ไอ้เราก็ “ไม่ใช่ๆ วัง” ก็ยังมีหันมาถามอีกรอบ “หวัง?” ความอดทนเมียมีจำกัดนะคะ ซะมีที่รัก ก็เลยพูดไปด้วยเสียงอันดังกว่าเดิม “วัง” เป็นอันรู้เรื่อง เซ็นได้ถูกต้อง 555 (แต่ก็เขียนตัว G มาให้แบบประหลาดๆ ไม่รู้คิดอะไรอยู่)แล้วตงก็หันไปเซ็นเล่มอื่นต่อ ข้าวก็เลยพูดขึ้นมา “รู้เปล่า ฉันรอ MUA ของแกนานมากเลยนะยะ” ( ใส่อารมณ์ไปนิด 55 แล้วก็กำลังจะบอกต่อว่า เลยไม่ได้ใส่มาวันนี้ แต่ตงชิงพูดขึ้นมาซะก่อน)ตง : Oh! I’m so sorry (ปากก็พูดไป มือก็จับมือเค้าไป เล่นขอโทษกันแบบนี้ก็แย่สิ)พอเซ็นเล่มสุดท้าย ข้าวก็เลยทิ้งท้ายไว้ซะหน่อย “ไปดูงานนิทรรศการมาแล้วนะ วาดได้เยี่ยมมากๆเลย ฉันชอบมากเลยล่ะ” (มิได้ทอแลนะคะ ชอบจริงๆ เพียงแต่ไม่ใช่ทุกรูป) ตง : You like it? (โอ้ว ตงพัฒนาแล้ว 555)ข้าวก็พยักหน้า แล้วก็ล่ำลากันด้วยการจับมือแน่นๆ เขย่ามืออีกที แล้วก็หอบหนังสือลงจากเวทีไป นี่มัน 1 นาทีจริงๆเหรอ ทำไมชั้นพูดอะไรไปเยอะขนาดนี้ 555 รู้สึกว่าความพยายาม และการต่อสู้ทั้งหลายทั้งปวงเพื่อให้ได้เรียนภาษาจีนตลอด 1 ปีกว่าที่ผ่านมามันให้ดอกออกผลก็วันนี้เอง ชื่นใจจัง หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ขอบคุณจางเหล่าซือ ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ ขอบคุณครอบครัวและเพื่อนๆที่คอยเป็นกำลังใจ และที่สำคัญ ขอบคุณที่รัก ที่ฟังเค้าพูดรู้เรื่อง 555หลังจากหลบไปเวิ่นเว้อหลังเวทีอยู่พักใหญ่ 55 ก็ได้เวลาออกมาทำหน้าที่ตากล้องที่ดี เก็บรูปไปฝากแฟนๆที่เมืองไทย ตัวก็เตี้ย กล้องก็หนัก ตอนนี้มีวิทยายุทธ์ วิชาตัวเบา สำนักไหนก็ต้องงัดมาใช้หมดล่ะค่ะ ขอเคาน์เตอร์เพนกล่องนึงด่วน แขนสั่นไปหมดแล้ววววววว Music Playlist at MixPod.comZhan You - Fahrenheit (Ost. Tokyo Juliet) Create Date : 11 กรกฎาคม 2553 Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 22:19:55 น. 7 comments Counter : 996 Pageviews. ShareTweet
Music Playlist at MixPod.com
ไร้ซึ้งคำบรรยาย