space
space
space
<<
กันยายน 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
29 กันยายน 2559
space
space
space

จนกว่าเรา...จะจากกัน



ตอนที่ 3

“ท่านผู้โดยสารครับขณะนี้เราได้นำท่านมาสู่ท่าอากาศยานชางฮีแล้วครับ กรุณานั่งรัดเข็มขัดอยู่กับที่ปรับพนักเก้าอี้ให้อยู่ในระดับตรงปิดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้จนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับครับและโปรดตรวจสอบเอกสารการเดินทางและสิ่งของของท่านก่อนที่จะออกจากเครื่องบินในนามของสายการบิน... กัปตันพร้อมทั้งลูกเรือทุกคนขอขอบพระคุณที่ท่านเลือกใช้บริการและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับท่านอีก ขอบคุณและสวัสดีครับ”จบการขอบคุณในภาคภาษาไทยของกัปตันผู้ขับเครื่องบิน นำพาผู้โดยสาร พร้อมทั้งลูกเรือร่วมร้อยชีวิตมาถึงจุดมุ่งหมายกัปตันก็ได้กล่าวขอบคุณในภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลและผู้คนเกือบทั่วโลกสามารถใช้ภาษานี้ได้มากกว่าภาษาอื่นๆอันมีหลากหลาย

มาถึงแล้วสินะประเทศสิงคโปร์ ประเทศอันมีสัญลักษณ์เป็นสิงโตทะเล ที่เรียกกันว่า เมอร์ไลออนแม้เป็นประเทศเล็กๆ ขนาดไม่ต่างกับเกาะภูเก็ตของประเทศไทย แต่สามารถเป็นศูนย์กลางความเจริญในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี หรือด้านเศรษฐกิจ จากการที่ปลายฝนได้ศึกษาข้อมูลของประเทศแห่งนี้ความเจริญที่เกิดขึ้นอาจมาจากการที่ผู้คนมีความขยันขันแข็ง และเก็บออมเงินอย่างสม่ำเสมอแม้ผู้สูงอายุก็ยังทำงาน ไม่ได้รอให้ลูกหลานมาเลี้ยงดูหรือพึ่งพารัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว และอีกสิ่งหนึ่ง คือการแสวงหาความรู้ของผู้คนในประเทศนี้คนสิงคโปร์มีความตั้งใจในการใฝ่หาความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองและคุณภาพการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ยังอยู่ในอันดับต้นๆของโลกมหาวิทยาลัยแห่งชาติของสิงคโปร์ติดอันดับ หนึ่งในห้าของเอเชียด้วย

เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่ต่างจากประเทศไทยมากมายนักเสื้อผ้าที่ปลายฝนนำติดตัวมาจึงเป็นเสื้อผ้าเช่นเดียวกับที่ปลายฝนใส่เมื่ออยู่บ้าน อยู่ที่ประเทศไทยดังนั้นเมื่อมารอกระเป๋ายังสายพานปลายฝนจึงมีเพียงกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่เพียงหนึ่งใบเท่านั้นและเป้สีชมพูอ่อนที่สะพายติดตัวอยู่ตลอดเวลา และนำติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย

ระหว่างที่สองชาย หนึ่งหญิง จากประเทศไทยกำลังรอกระเป๋าบริเวณสายพานหลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย

“เดี๋ยวเอาของไปไว้ที่พักและเราออกไปเดินเล่นแถวเมอร์ไลออนเลยไหม”เอ ชายหนุ่มผู้เป็นตัวแทนจากแผนกคอมพิวเตอร์เสนอขึ้นมา

“ก็ดีนะนี่เพิ่งบ่ายสายเอง เก็บของและไปสำรวจเมืองเขาหน่อยก็ได้” ปลายฝนตอบรับคำชวนของเอแม้ว่าจะมีเวลาอยู่ที่สิงคโปร์กันอีกเป็นเวลานานแต่การไปทักทายสัญลักษณ์ของประเทศตั้งแต่วันแรกก็เป็นการดีเสมือนไปฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าของบ้าน

“ได้นะแต่เราก็ไปไถลที่อื่นกันไม่ได้ด้วย เพราะพี่โบว์บอกไว้ว่า วันนี้ทางสิงคโปร์เขาเตรียมเลี้ยงต้อนรับกลุ่มคนที่มาเข้าร่วมโครงการทั้งหมดเขาให้รอกันที่ที่พักก่อน เขานัดเจอกันหกโมงครึ่ง” นพ ตัวแทนจากแผนกขายทบทวนนัดหมายที่โบว์ผู้จัดการของพวกเขาทั้งสามคนได้แจ้งไว้ในวันที่ประชุมถึงกำหนดการในวันที่มาถึงสิงคโปร์ก่อนเดินทางมายังประเทศสิงคโปร์ของเอ นพ และปลายฝนเพียงหนึ่งวัน

“ไม่นานมากหรอกเราไปทักทายเมอร์ไลออนกันเสร็จ ก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับมา ทันอยู่แล้ว”เอเปิดแผนที่ของประเทศสิงคโปร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ“ที่นี่การเดินทางสะดวกอยู่แล้ว รถไฟใต้ดินไม่กี่สถานีก็ถึง ไปกลับไม่นานมาก”

“หลายสถานีอยู่นะเราพักกันแถวบีด็อก (Bedok)” นพพูดถึงชื่อบริเวณที่พักอันอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ทำงานของพวกเขาด้วย “แต่ว่าเมอร์ไลออน ต้องไปแถวโรงแรมวันฟูเลอร์ตัน(One FullertonHotel) ออกที่สถานีราฟเฟิลเพลส (RafflesPlace) ตั้งหลายสถานีเลย”

“แค่สายสีเขียวสีเดียวเองพี่นพไปทักทายเจ้าของบ้านก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล” เอพูดติดตลก ชักจูงให้เพื่อนร่วมชะตาในต่างประเทศคล้อยตามถึงการไปเมอร์ไลออนกับตนสายสีเขียวที่เอพูดถึง คือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอันเป็นการคมนาคมที่สะดวกสบายในประเทศสิงคโปร์และเป็นการเดินทางที่อาศัยรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ MRT (Mass Rapid Transit) การเดินทางสาธารณะของประเทศสิงคโปร์ นอกจาก MRT (Singapore Mass RapidTransit) ยังมี LRT (Light Rail Transit) และรถโดยสารประจำทาง

“ไปสิไปกันทั้งสามคนเลยนะคะพี่นพไหนๆเอก็อยากให้เราไปทักทายเจ้าบ้านเป็นการฝากเนื้อฝากตัวเพื่อความเป็นสิริงคลแล้วนี่คะ”ปลายฝนพูดพลางหัวเราะไปกับความคิดของเอ ที่ต้องไปทักทายเจ้าสิงโตทะเลที่หันหน้าออกไปทางมาริน่าเบย์(Marina Bay) และพ่นน้ำจากปากลงสู่แม่น้ำตลอดเวลา

หลังจากที่ทั้งสามคนรับกระเป๋าเดินทางจากสายพานเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปซื้อบัตรอีซี่ลิงก์ (EZLink)ซึ่งเป็นบัตรที่สามารถอำนวยความสะดวกได้ทั้งการเดินทาง และในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นก็ตรงไปใช้บริการรถโดยสารสาธารณะหรือรถแท็กซี่ เพื่อตรงไปยังที่พักและเริ่มเดินทางไปยังที่ตั้งของเมอร์ไลออนเป็นลำดับถัดไป

เมื่อทั้งสามคนเดินทางไปถึงสถานี ราฟเฟิลเพลส (RafflesPlace) เดินไปตามทางที่เขียนว่าเมอร์ไลออนพาร์ค (MerlionPark) และเดินข้ามฝั่งไปยังโรงแรมวันฟูเลอร์ตัน (OneFullerton Hotel) เดินเข้าไปในโรงแรมลงบันไดและเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ เพื่อทะลุออกไปยังอีกฝั่งของโรงแรมซึ่งไปทะลุออกฝั่ง เมอร์ไลออนพาร์ค อันเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออนขนาดกลาง ซึ่งสูง 8.6 เมตร และใกล้ๆกันมีเมอร์ไลออนตัวเล็ก ความสูง 2 เมตรคอยทักทายแขกที่มาเยี่ยมชมยังเมอร์ไลออนพาร์คแห่งนี้

ในเวลาบ่ายๆเช่นนี้อากาศไม่ร้อน ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาถ่ายรูปกับเจ้าเมอร์ไลออนกันอย่างต่อเนื่องทุกคนจับจองพื้นที่ เพื่อให้ได้รูปที่สวยงามที่สุด เฉกเช่นเอ นพและปลายฝนก็หามุมในการถ่ายรูปเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามของตนเช่นเดียวกัน

หลังจากถ่ายรูปกับเมอร์ไลออนกันเป็นที่เรียบร้อยทั้งสามก็ชักชวนกันกลับที่พักเพื่อให้ทันเวลานัดหมายตามที่เจนนี่คนคอยประสานงานของโครงการนี้ได้แจ้งนัดหมายไว้

ระหว่างทางเดินทางกลับเอ นพ และปลายฝนได้สวนทางกับ แมว ซึ่งมากับเพื่อนๆและแวะมาทักทายรูปปั้นเมอร์ไลออนอันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์เช่นกันดังที่เคยมีคนพูดไว้ มาสิงคโปร์ไม่แวะไปชื่นชมเมอร์ไลออนถือว่ามาไม่ถึงสิงคโปร์ปลายฝนไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าแมวแต่แมวเคยเห็นหน้าปลายฝนจากรูปในมือถือของกรณ์ที่เธอเคยแอบดู แต่เมื่อหันมามองอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอีกแล้ว

แมวจึงไม่ได้ใส่ใจและเดินคุยกับเพื่อนๆ ต่อไป เธอคงมองผิดไป ผู้หญิงคนนั้นต้องทำงานอยู่ที่กรุงเทพสิคงไม่บังเอิญมาที่สิงคโปร์เช่นเดียวกันกับเธอ

เอ นพ และปลายฝนกลับมาถึงที่พักได้ทันเวลาที่นัดหมาย ด้วยการเดินทางทางรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งสะดวกสบายเป็นอย่างมากจากนั้นทั้งหมดได้ไปทานอาหารทะเลยังร้านอาหารที่ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังถึงความอร่อยของปูผัดพริกและบริเวณแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศดีแห่งหนึ่งของสิงคโปร์

คลากคีย์ (Clarke Quay) บริเวณที่มีร้านอาหาร ผับบาร์หลายร้านให้เลือกรับประทาน และในอดีตยังเคยเป็นท่าเทียบเรือสินค้ามาก่อน

การสนทนาระหว่างรับประทานอาหารต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง เพราะจากการมารวมตัวของคนหลายชาติ หลายภาษาการที่คนไทยทั้งสามคนจะคุยภาษาไทยกัน ก็ออกจะเป็นการไม่สุภาพ เพราะอย่างคนสิงคโปร์มาเลเซีย ยังพูดคุยกันด้วยการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางเปรียบเหมือนการให้เกียรติบุคคลอื่นว่าไม่ได้มีการนินทาหรือแอบพูดถึงเขาอย่างไม่สุภาพ ซึ่งเป็นการดีในระดับหนึ่งและหลายครั้งที่นึกภาษากลางกันไม่ออกภาษามือจึงเป็นตัวเลือกที่จำเป็นสำหรับบุคคลทุกชาติทุกภาษาที่ไม่มีความแม่นยำในการสื่อสารในภาษาต่างชาติอาหารบนโต๊ะ เป็นอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน ซึ่งเจนนี่เป็นคนสั่งอาหารหลักให้ทุกคนและบอกกล่าวให้ทุกคนสั่งเพิ่มเติมในรายการอาหารที่น่าสนใจ และที่พร้อมใจกันเลือกเพิ่มเติมคือเครื่องดื่มประเภทที่มีแอลกอฮอล์อย่างเบียร์หรือค็อกเทล

หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จทุกคนได้เดินชื่นชมบรรยากาศ พร้อมกับเดินดูสิ่งของเล็กๆน้อยๆบริเวณเต็นท์ขายของเล็กๆ อย่างพวกเสื้อผ้า และสำหรับคนชอบถ่ายรูปอย่างปลายนก็ได้ถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆ ทั้งรูปสถานที่ และตัวเธอร่วมกับสถานที่

ในช่วงเวลานั้นแมวและเพื่อนๆของแมวก็เดินเข้าไปในร้านอาหารซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่ปลายฝนและเพื่อนๆเพิ่งทานอาหารออกมา

ทุกคนใช้เวลาเดินเล่นกันเพียงชั่วครู่ก็เดินทางกลับมายังที่พักเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกสำหรับทุกคนในการมาทำงานยังประเทศสิงคโปร์และพรุ่งนี้ก็ยังคงเป็นวันทำงาน เจนนี่ซึ่งเป็นผู้ประสานงานพร้อมทั้งดูแลทุกคน จึงได้นำทุกคนกลับสู่ที่พักโดยการใช้รถไฟฟ้าสาธารณะจากสายสีม่วง ต่อด้วยสายสีเหลือง และจบลงที่สายสีเขียว จากนั้นเจนนี่จึงกลับไปยังที่พักของเธอเพื่อพักผ่อนและเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในวันรุ่งขึ้น ซึ่งจะเริ่มการทำงานอันสำคัญอันเกี่ยวเนื่องกับบุคคลและหลายหน่วยงานของบริษัท

เมื่อมาถึงที่พักปลายฝนและเพื่อนร่วมงานอันเป็นหญิงสาวจากประเทศมาเลเซียได้เดินเข้าห้องพักด้วยกันเนื่องจากจำนวนห้องพักมีจำกัด ทุกคนจึงต้องนอนรวม แบ่งแยกชายหญิงและยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพอันดีงามด้วยอีกประการหนึ่ง

เจเนทคือชื่อเพื่อนสาวชาวมาเลเซียที่เป็นเพื่อนร่วมห้องตลอดหกเดือนนี้ของปลายฝนเพื่อนสาวที่มีความสูงมากกว่าปลายฝนและผอมกว่าภาษาอังกฤษสำเนียงที่เธอใช้ก็ค่อนข้างดีกว่า เป็นโอกาสอันดีของปลายฝนเช่นกันในการได้ทบทวนภาษาที่เรียนมาแต่ครั้งเด็กน้อย แต่จนเติบใหญ่เธอก็ยังไม่คล่องภาษานี้ได้เพียงสื่อสารเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

หลังจากทำการแนะนำตัวพร้อมทั้งพูดคุยเล็กน้อยจนทราบประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ว่าบ้านของแม็คกี้อยู่ที่กัวลาล้มเปอร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง อยู่ค่อยไปทางเหนือแถวสถานที่อันมีชื่อเสียงโด่งดังพอสมควร บาตูเคฟ (Batu Caves)ซึ่งมีถ้ำที่มีรูปปั้นสีทององค์ใหญ่ของพระขันธกุมาร เทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์ประดิษฐานอยู่ และชักชวนให้ปลายฝนไปเที่ยวที่มาเลเซีย และเธอจะเป็นคนนำเที่ยวเองด้านปลายฝนเองก็บอกกล่าวเช่นกัน ว่าเป็นคนกรุงเทพแต่อยู่ย่านชานเมืองพร้อมทั้งเชื้อเชิญว่า ถ้าแม็คกี้มีโอกาสไปเที่ยวกรุงเทพ เธอจะพาเจนเนทไปเที่ยวตลาดน้ำในกรุงเทพซึ่งมีอาหารอร่อยและบรรยากาศเหมาะแก่การเที่ยวชม จากนั้นปลายฝนก็ขอตัวไปอาบน้ำและเพื่อจะให้เพื่อนสาวได้อาบน้ำเป็นคนถัดไป

เช้าวันรุ่งขึ้นเวลานัดหมายจากที่พักคือเจ็ดโมงครึ่ง แม้ว่าปลายฝนจะเป็นคนที่นอนง่ายแต่ในครั้งนี้คือนอนกับชาวต่างชาติ จึงระแวงเล็กน้อยว่าจะไปกรนเสียงดัง นอนกัดฟันนอนละเมอ หรือแม้แต่น้ำลายยืดให้เขาเห็น จนน่าอับอายไปอีกหกเดือนแต่เมื่อเธอตื่นนอนในเวลาหกโมงเช้าของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตรงกับเวลาตีห้าของประเทศไทย เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมห้องยังไม่ตื่นมีเพียงเสียงกรนเล็กๆให้รู้ว่า ยังคงหลับไหลอย่างมีความสุข จึงได้รู้ถึงสิ่งที่ตนกังวลนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับคนต่างชาติหรือเพื่อนร่วมห้องของเธอนั่นเอง

ปลายฝนส่งข้อความผ่านสัญญาณมือถือระหว่างประเทศเพื่อทักทายพี่ชายของตน และมีย่า จากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย ออกมาแต่งตัวทำทุกอย่างอย่างเงียบให้มากที่สุด เนื่องจากเกรงจะไปรบกวนเพื่อนร่วมห้องจากนั้นจึงหยิบเป้ที่สะพายประจำและเดินออกจากห้องพัก ไปนั่งยังห้องรับแขกของที่พักแห่งนี้

เธอเดินไปชงกาแฟและนั่งอ่านข่าวสารที่สามารถอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือ ที่กำลังเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เนทของที่พักแห่งนี้แม้จะอยู่ต่างประเทศ แต่เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคของการสื่อสาร หรือยุคดิจิตอลที่ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นได้ ทำให้ปลายฝนสามารถรับรู้ข่าวสารของประเทศไทยโดยการเชื่อมต่อสัญญาณมือถือเช่นนี้เสร็จจากการอ่านข่าวสาร เธอก็ดูละครย้อนหลังต่ออีกสักครู่ นพกับเอก็เดินเข้ามาในบริเวณห้องรับแขกซึ่งอยู่ด้านหน้าของที่พักแห่งนี้

“ตื่นเร็วจังฝน”นพทักทายตอนเช้า นพและเอแต่งตัวในชุดพร้อมที่จะออกไปทำงานแล้วเช่นกันแต่สีหน้าของเอ ยังเหมือนคนง่วงนอนที่ยังสามารถปิดระบบทุกอย่างได้ ถ้าหัวถึงหมอน

“นอนไม่หลับอะพี่นพเหมือนไม่ค่อยคุ้นที่เท่าไหร่อะ”ปลายฝนตอบพลางละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมาสบตาคู่สนทนา

“ดีกว่าไอ้เอไอ้นี่ก็หลับสนิทเชียว กรนดังทั้งคืน พี่เลยหลับๆตื่นๆเนี่ย”

ปลายฝนหัวเราะ“ขนาดหลับสนิท ยังหาวขนาดนี้”

เอรีบแย้ง “เฮ๊ยคนมันเด็กอนามัย ต้องนอนให้ครบ อย่างน้อยวันละเจ็ดชั่วโมงนี่ยังน้อยไปชั่วโมงหนึ่ง ก็ต้องหาวอย่างนี้สิ”

“ไปกินกาแฟก่อนไหมจะได้ตื่น กาน้ำร้อนเสียบปลั๊กละ ถ้าจะดื่มกาแฟสด คงต้องเสียบปลั๊กเอง เพราะฝนกินกาแฟชงธรรมดาอะ”

“ไม่อะกาแฟชงก็ได้” นพเดินไปชงกาแฟสำหรับตัวเองบ้าง “ทางนี้เขาก็ดีนะเตรียมพร้อมให้เราดี มีทั้งกาแฟสดกับกาแฟชงให้เราเลือก โกโก้กับนมก็มีให้เหมือนกันเหมือนว่าเราไปอยู่ตามโฮสเทลเลย”

“พูดอย่างกับพี่นพเคยไปนอนตามโฮลเทล”เอทักท้วง เนื่องจากครอบครัวของนพเวลาเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะต่างประเทศหรือในประเทศมักพักผ่อนตามโรงแรมหรือรีสอร์ท เนื่องจากมิสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าและแม่ของนพก็อายุมาก เวลาไปท่องเที่ยวด้วยกันจึงต้องเลือกที่พักที่มีความสะดวกสบาย

“ถึงไม่เคยไปพักแต่พี่ก็เคยเห็นข้อมูลพวกนี้จากในอินเตอร์เนทนะ”นพถือถ้วยกาแฟเดินมานั่งตรงโซฟาใกล้ๆกับที่ปลายฝนนั่งอยู่

“เวลาอย่างนี้ก็ดีเนอะพี่นพฝน เราคุยกันเองไม่ต้องมานั่งคิดคำแปลภาษาว่าต้องพูดภาษาอังกฤษอย่างไร”เอถือแก้วกาแฟเดินตามมานั่งบ้าง และเปิดคอมพิวเตอร์พกพาที่นำติดตัวมาด้วยขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลจดหมายว่ามีสิ่งที่ถูกมอบหมายเพิ่มหรือไม่

“ขยันไปหรือเปล่าเอ”ปลายฝนนั่งมองคอมพิวเตอร์พกพาของปลายฝนและนพก็มีแต่ทั้งคู่ไม่ได้หยิบขึ้นมาเปิดเพื่อทำงานอย่างน้อยๆ เวลานี้ก็ยังเช้าและไม่ใช่เวลาเข้างานด้วย

“ไม่ได้ขยันหรอกแต่มันมีงานค้างอยู่ จะดูก่อน ถ้าไม่รีบก็ยังไม่ทำ รอเข้าออฟฟิสค่อยทำ”เอดูหน้าจอคอมพิวเตอร์สักพักก็ปิดเครื่อง “ไม่มีอะไรด่วน จบละ เห็นหรือเปล่า”

“ตอนนี้พักไปก่อนเพราะพอไปถึงออฟฟิส ไม่รู้จะมีเรื่องยุ่งๆกันตั้งแต่เข้างานเลยหรือเปล่า”นพเสนอและนั่งหลับตาแบบพักสายสักพัก รอจนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆตื่นและเดินออกมาสมทบกัน

เมื่อถึงเวลานัดเจนนี่ก็มารับทุกคนและพาไปยังบริษัทที่ทุกคนต้องนั่งทำงานอยู่รวมกันในระยะเวลาหกเดือนต่อจากนี้และเมื่อถึงเวลาทานอาหารเที่ยง ก็พาทุกคนไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ เพื่อทำความรู้จักเพราะหลังจากวันนี้ทุกคนต้องแยกย้ายกันมาทำงานและไปทานอาหารเมื่อถึงเวลาพักเพราะงานที่ได้รับของแต่ละคน อาจทำให้ไม่ได้พักและกลับบ้านในเวลาเดียวกัน

บริเวณที่จัดไว้สำหรับคณะทำงานเป็นพื้นที่โล่งมีฉากกั้นขนาดครึ่งตัวกั้นเพื่อเป็นสัดส่วนสำหรับคนทำงานกลุ่มนี้สำหรับโต๊ะทำงานเป็นโต๊ะยาวหลายๆตัวมาต่อกันสำหรับวางคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่นำติดตัวมาจากหน่วยงานของแต่ละคน

เมื่อถึงเวลาเริ่มงานเจนนี่ได้แนะนำถึงหัวหน้าโครงการอันเป็นชาวญี่ปุ่นที่พูดและเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีได้มอบหมายงานแก่ทุกคนตามความรับผิดชอบ และจับแบ่งกลุ่มการทำงานกันอีกชั้นหนึ่งเพือไม่ให้งานของผู้หนึ่งผู้ใดต้องเยอะและมากกว่าเพื่อนร่วมโครงการและให้มีการสรุปงานที่ได้รับมอบหมายในทุกวันจันทร์เพื่อให้งานเสร็จตามกำหนดระยะเวลาที่ตั้งไว้

ในสัปดาห์แรกของการทำงานงานไม่ได้เยอะมากอย่างที่คิด หลังเลิกงานในเย็นวันศุกร์ทุกคนจึงมีเวลาอิสระตามแต่จะไปสังสรรค์กันปลายฝนได้โอกาสจึงขอตัวไปเดินถ่ายรูปยามเย็นบริเวณคลากคีย์ที่ที่ผู้คนมานั่งสังสรรค์ยามเย็น เมื่อมีเวลาว่างที่พอจะได้เป็นส่วนตัวได้ต้องรีบจับจอง เพราะไม่รู้ความยากง่ายของงานที่จะได้รับมอบหมายในอาทิตย์ถัดไป

ปลายฝนจึงเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสาธารณะของที่นี่จากสายสีเขียว ไปต่อสายสีม่วง

เมื่อเดินออกมาจากสถานีรถไฟฟ้าปลายฝนจึงถ่ายรูปสถานที่จากโทรศัพท์มือถือที่นำติดตัวอยู่เสมออันเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถถ่ายรูปได้อันเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกของผู้คนในศตวรรษนี้ที่มักพกพาและถ่ายรูปเพื่อเก็บเป็นความทรงจำจากโทรศัพท์แพร่หลายมากกว่ากล้องถ่ายรูปโดยทั่วไปทั้งสะดวกแก่การพกพา และหน้าที่การใช้งานก็หลากหลายไม่ว่าจะนำมาถ่ายรูปหรือนำมาใช้พูดคุย หรือจะนำมาค้นหาข้อมูลจากคลื่นสัญญาณการสื่อสารหรือที่เรียกกันว่าอินเตอร์เนทก็สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วจากโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวเพียงแค่เป็นเครื่องที่รองรับสัญญาณต่างๆก็ถือว่าสะดวกสำหรับยุคดิจิตอลเช่นนี้

เมื่อถ่ายรูปชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่เต็มไปด้วยแสงสีย่านคลากคีย์ได้สักพักปลายฝนก็เดินเล่นและสะดุดตาที่ร้านขนาดเล็กท่ามกลางร้านอาหารและผับ บาร์พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงรู้ว่า ร้านนี้เป็นร้านอาหาร จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและขนมหวานต่างจากร้านใกล้เคียงอันมากมายไปด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์

ปลายฝนจึงเดินเข้าไปในร้านเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมด้านใน และสั่งบราวนี่มาทานกับกาแฟที่โปรดปราน คือกาแฟมัคคิอาโตเย็นและหยิบหนังสืออ่านเล่นที่มักพกติดกระเป๋าอยู่เสมอขึ้นมานั่งอ่านด้วยเมื่อขนมหวานและเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาส่งเธอก็นั่งอ่านพร้อมกับทานขนมหวานและดื่มกาแฟไปด้วย ความสุขอยู่รอบตัวเสมอถ้าเราหยุดเพื่อมองเห็นมัน

สักพักมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาภายในร้านปลายฝนเห็นคนคู่นั้นเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ฝ่ายหญิงเหมือนคนไทยส่วนฝ่ายชายเหมือนชาวยุโรป แต่คนคู่นั้นมองไม่เห็นปลายฝนเพราะเมื่อเดินเข้ามาภายในร้าน ทั้งคู่ก็มานั่งโต๊ะใกล้ๆปลายฝนและฝ่ายหญิงก็นั่งหันหลังให้ปลายฝน ฝ่ายชายก็นั่งลงตรงข้ามกับฝ่ายหญิง

เมื่อฝ่ายชายสั่งกาแฟร้อนให้แก่ตัวเองและชาร้อนให้แก่ฝ่ายหญิง ทั้งคู่ก็เริ่มบทสนทนาภาษาอังกฤษ

“ทำไมปิดเทอมนี้คุณให้แยมมาเรียนภาษาที่สิงคโปร์ ทำไมไม่ให้ไปเรียนที่ประเทศอื่น”เสียงชายหนุ่มกล่าวอย่างร้อนรน

“สตีฟ แมวว่าเรียนที่นี่ก็สะดวกดีไม่ไกลด้วย นั่งเครื่องแค่สองชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้วและแมวก็บินมาดูร้านที่นี่ทุกเดือนอยู่แล้ว จะได้สะดวกกับมาดูลูกด้วย”

“แต่เราจะเจอกันลำบากขึ้นไหมตอนนี้ผมก็เจอคุณแค่เดือนละครั้ง” ชายหนุ่มท้วงขึ้นมา

“แยมไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะแมวให้แกมาเรียนแค่ช่วงปิดเทอมสองเดือนเท่านั้น เรายังนัดกันได้เหมือนเดิมเราเจอกันตอนที่แกไปเรียนก็ไม่มีปํญหา แยมไม่ได้เด็กที่ติดแมวมากหรอก”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะทำไมคุณไม่ให้แกไปเรียนที่อื่น”

“แมวรับปากแกแล้วตอนที่คุยตกลงกัน ที่จะกลับไปอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อแก ไม่ให้คนอื่นมาแทนที่ในตำแหน่งแม่แยมขอเรียนภาษาช่วงปิดเทอมที่ต่างประเทศ เพราะแกเห็นเพื่อนไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศกันทั้งนั้นส่วนเนยง่ายกว่า เพราะขอแค่ให้พาไปภูเก็ต” แมวกุมมือสตีฟเพื่อสร้างความมั่นใจ“ที่ต้องมาที่นี่ มันใกล้และใช้เวลาบินไม่นานมาก และกรณ์ต้องบินมาประชุมที่สิงคโปร์บ่อยๆกรณ์ก็เลยสนับสนุนให้เรียนที่สิงคโปร์ แต่ไม่ต้องห่วงนะ แมวเลี่ยงได้ ไม่มาพร้อมกรณ์ไม่ให้มีปัญหาหรอก ถึงแยมมาเรียน แมวมาหาแก แต่ก็มีเวลามาเจอกับสตีฟอยู่แล้วจะได้ใช้เป็นเหตุผลในการมาหามากกว่าเดิมอีก”

“ผมก็ยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่คุณไม่ยอมหย่าและเลือกที่จะกลับไปอยู่กับสามีเก่าของคุณ ทั้งที่คุณบอกผมว่าทั้งคุณและเขาก็ไม่ได้มีความรักให้แก่กันแล้วคุณหย่ากันแต่คุณก็สามารถให้ความรักแก่ลูกของคุณได้”

“สตีฟคุณยังไม่เข้าใจ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ถ้าแมวยอมหย่าให้กรณ์เท่ากับว่าแมวแพ้เขา เพราะตลอดเวลาที่แยกกันอยู่ เขาไม่เคยคิด ให้แมวกลับไปหาเขาไปเป็นครอบครัวอย่างเดิม เวลาผ่านไปจนแมวได้มาเจอสตีฟ และเรารักกันแต่แมวก็ยังยอมหย่าให้กรณ์ไม่ได้ถึงแมวจะเคยบอกคุณว่าแมวจะหย่าและมาอยู่กับคุณอย่างเปิดเผยเหมือนคู่อื่นๆแต่ถ้าแมวหย่าตอนนี้ เท่ากับว่าแมวเปิดทางให้กรณ์ไปใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งสิ”

“ถึงคุณถอยให้เขาแต่มันทำให้เรามีความสุข ทำไมคุณไม่เลือกทางนั้น”

“คุณไม่เข้าใจแมว”

แม้สายตาของปลายฝนจะอยู่ที่หนังสือแต่จากชื่อที่ปลายฝนได้ยิน ทำให้ปลายฝนไม่สามารถมีสมาธิกับหนังสือที่เปิดอยู่ได้ ถึงแม้ว่าปลายฝนไม่เคยเจอแมวมาก่อนแต่เมื่อมีทั้งชื่อของกรณ์ แยม เนย และแมว ไม่อาจทำให้คิดเป็นคนอื่นๆได้อีก ทำไมโลกช่างกลมเช่นนี้ทำไมพวกเขาไม่ไปที่ประเทศอื่นกัน ทำไมต้องมาแต่ที่นี่และหวังว่าในระยะเวลาหกเดือนที่ปลายฝนต้องทำงานที่นี่เธอหวังว่าเธอจะไม่ต้องเจอทั้งกรณ์กับแยม

เพราะโลกมันกลมหรือสิงคโปร์มันแคบ หรือพรหมลิขิตบันดาลให้เป็นไป




 

Create Date : 29 กันยายน 2559
0 comments
Last Update : 29 กันยายน 2559 22:57:23 น.
Counter : 652 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

เหล่าหุ่ยฮั๊ว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add เหล่าหุ่ยฮั๊ว's blog to your web]
space
space
space
space
space