วันนี้เรากำลังจะมาพูดถึง Smartphone ที่ใครหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมันมานานหลายเดือนแล้วอย่าง LG Optimus G เพราะว่าก่อนหน้านี้เองทาง LG ได้เปิดตัวขายไปแล้วที่เกาหลีใต้ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2012 ที่ผ่านมาและตามด้วยการลงตลาดสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนตุลาคมปี 2012 และหลังจากนั้นมันก็เงียบหายไปนานโดยตอนนั้นมีข่าวแว่วๆว่าจะเปิดตัวที่ไทย ประมาณช่วงปลายปีเหมือนกันแต่ก็เงียบไป จนในที่สุดเข้าสู่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทาง LG ก็ได้เริ่มนำ Optimus G เข้ามาวางขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าจะมาช้ากว่าที่คาดไว้เยอะแต่ LG Optimus G LG Nexus เปิดตัวไว้ตอนแรกแรงมากเพราะมี Spec เครื่องที่เรียกว่าล้ำหน้าใครในตอนนั้นมากมาย จนถึงตอนนี้แม้เวลาจะผ่านมาแล้วประมาณ 6 เดือนก็ยังทำให้ Spec ของ LG Optimus G นั้นสามารถพอที่จะทัดเทียมกับ Smartphone รุ่นท็อปในเวลานี้ได้อย่างพวก HTC Butterfly, Sony Xperia Z, OPPO Find 5 เป็นต้น เอาเป็นว่ารุ่นนี้มันมีดีอย่างไรตามไปอ่านกันเลยครับ

LG Optimus G รองรับเครือข่าย 3G แบบแยกคลื่นแยกเครื่อง เวลาซื้อต้องดูรหัสเอานะครับตัว E975 ตัวนี้รองรับ 3G เครือข่าย 900/2100 MHz รองรับ 3G ของทาง AIS/TOT ส่วนรุ่น E975k ตัวนี้รองรับ 850/2100 MHz รองรับของทาง dtac/TrueMove H ซึ่งต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะไม่มีปัญหาเท่าไรแล้วเพราะทุกค่ายต่างก็ทำ 3G ในคลื่น 2100MHz เป็นหลักเว้นแต่ทาง TrueMove H ที่ยังเน้นคลื่น 850 MHz ในการทำ 3G ต่อไป อย่างไรก็ตามถึงแม้จะวุ่นวายเล็กน้อยแต่ตัวเครื่อง Optimus G นั้นรองรับ 4G LTE ในตัวหลายคลื่นมากทั้ง 800/900/1800/2100/2600 MHz ดังนั้นก็รองรับ 4G LTE คลื่น 2100MHz ของทาง TrueMove H ได้

สำหรับเรื่องของสัญญาณนั้นเท่าที่ทดสอบดูสามารถรับสัญญาณได้ดี (ทดสอบด้วย SIM TOT 3G) แต่ก็มีปัญหา Death Grip เหมือนกันเท่าที่ลองเอามือป้องบังรอบเครื่องดูพบว่าสัญญาณจาก 54% ลดลงแบบมากสุดเหลือ 16% เท่านั้น (ส่วนใหญ่อยู่ราวๆ 20%) ส่วนสัญญาณ Wi-Fi สามารถรับสัญญาณใช้ได้อยู่ห่าง Router ประมาณ 1.5 เมตรพบว่าสัญญาณเหลือประมาณ 85% ส่วน Death Grip ก็มีบ้างเหมือนกันจาก 85% เหลือ 68% ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้ครับไม่ได้ลดลงไปจนน่าผิดหวัง ส่วนความสามารถอื่นๆในเรื่องเครือข่ายก็คือเรื่องของการทำตัวเป็น Wi-Fi Hotspot ได้เหมือนกับ Android อื่นๆทั่วๆไป

หน้าจอของ LG Optimus G มาจากทาง LG Display บริษัทลูกของตัวเองโดยเป็นหน้าจอแบบใหม่ในชื่อ True HD IPS Plus หรือที่จริงแล้วก็คือหน้าจอ AH-IPS (Advanced High-performance In-Plain Switching) โดย AH ด้านหน้า (advanced high-performance) นั้นยังทำให้การส่งผ่านแสงดีขึ้น ทำให้ตัวสีแสดงออกมาได้เต็มที่และประหยัดพลังงานลงเพราะใช้กำลังแสงลดลง เหมาะกับใช้ในที่กลางแจ้ง บวกกับทาง LG เคลมว่าหน้าจอเองเหมาะแก่การมองได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ล้าหรือปวดสายตา เพราะมีการปรับแสงและสีให้เหมาะสมกับดวงตานั่นเอง

ขนาดหน้าจอของเครื่องมีขนาด 4.7 นิ้วความละเอียด 1280×768 พิกเซล (มากกว่า 720p แต่ก็ยังไม่ Full HD) 318ppi กระจกจอเป็นของ Corning Gorilla Glass 2 ทั้งหมดนี้ของหน้าจอตาม Spec แล้ว Optimus G ดูด้อยกว่าคู่แข่งพอสมควร แต่เท่าที่ผมลองมองดูแล้วหน้าจอเทียบกับคู่แข่งก็ถือว่าไม่ได้ดูแย่เลยนะ ครับ กลับกันผมว่า LG ใช้ Font Default ที่สวยกว่ารุ่นเดิมทำให้ดูเด่นดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องความเนียนที่ยังไม่เท่ากับหน้าจอแบบ Full HD ครับ

Optimus G มาพร้อมกับชิพเซตตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon S4 Pro APQ8064 CPU Quad-Core 1.5GHz และ GPU Adreno 320 เท่ากับคู่แข่งอย่าง HTC Butterfly, OPPO Find 5 และ Sony Xperia Z และมี RAM 2GB เท่ากันด้วย ดังนั้นเรื่องการปรับแต่งของแต่ละค่ายคงมีปัจจัยสำคัญมากใครจะทำมาได้ดีกว่า กัน

กล้องของตัวเครื่องมาจากทาง LG Innotek ตัว BSI Sensor 1/3.2 นิ้ว มีขนาด 13 ล้านพิกเซลประกอบด้วยขนาดพิกเซลละ 1.1 ไมครอนพิกเซล (1.1×1.1) และมีเลนส์ 5 ชั้นพร้อมค่ารูรับแสง f/2.4 มาพร้อม LED Flash 1 ดวง ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล คือถ้ามองกันแล้วถือว่าเป็นกล้องรุ่นท็อปๆของตลาดแล้วในเวลานี้แต่ก็ต้องมา ดูกันว่าคุณภาพจะเป็นอย่างไร

ระบบเสียงของเครื่องมาพ้อมกับ Dolby mobile sound enhancement LG Nexusใช้ได้กับทั้งเสียงและการดูวีดีโอแล้วคุณภาพจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม

แบตเตอรี่ของทาง LG มาจากทาง LG Chem ที่ใช้เทคโนโลยี SIO+ ที่ทำให้แบตเตอรี่มีระยะ Cycles การชาร์ตยาวนานกว่า Smartphone ทั่วๆไปถึง 2 เท่าคือ 800 ครั้งนั่นเองและยังสามารถใส่ความจุแบตเตอรี่ได้มากขึ้นถึง 10% ในขนาดแบตเตอรี่เท่าเดิม

ที่มา..mxphone.net