แต่สำหรับผู้หญิงบางท่านแม้ว่ากำลังตั้งครรภ์และเตรียมตัวเป็นคุณแม่ แต่ก็ยังต้องทำงานและเดินทางไปไหนมาไหน การขับรถ หรือนั่งโดยสารรถ ถือเป็นเรื่องที่ควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องคาดเข็มขัดนิรภัยในระหว่างการเดินทาง

‘จำเป็นหรือไม่ ?’ เป็นคำถามแรกที่เรามักจะได้ยินเสมอจากปากคนท้องเวลาคุยเรื่องลักษณะนี้

คำตอบ คือ ‘จำเป็นอย่างยิ่ง และไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่คนท้อง’

แล้วจะต้องคาดอย่างไรต่อล่ะ ถึงจะถูกต้อง ? คำถามต่อเนื่องที่มักจะตามมาหลังจากถูกยิงด้วยคำถามแรก

คำตอบ....ลองมาดูกันกับบทความนี้

คนท้องกับคนทั่วไปที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะของคนขับหรือผู้โดยสาร ต่างก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยในระหว่างการเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และผู้ที่อยู่ในห้องโดยสาร ซึ่งโดยปกติแล้ว มักจะละเลยไม่คาดกัน โดยเฉพาะเมื่อนั่งอยู่บนเบาะหลัง หรือถ้าคาดก็อาจจะคาดผิดวิธี

จากการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์เป็นบทความลงในนิตยสารของ The Journal of the American Medical Association ระบุว่า การเสียชีวิตของทารกที่อยู่ในครรภ์ 4 จาก 5 ราย มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดังนั้นการวิจัยอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น

NHTSA หรือ The National Highway Traffic Safety Administration หน่วยงานที่ดูแล และรับผิดชอบเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้รถใช้ถนนในสหรัฐอเมริกา ได้จัดทำโบรชัวร์ขึ้นมา เพื่อให้ความรู้ภายใต้หัวข้อ ‘Should Pregnant Women Wear Seat Belts?’ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ในการสร้างความเข้าใจเพื่อลดการสูญเสียชีวิตเด็กที่ยั่งไม่เกิด และขจัดประสบการณ์แห่งการสูญเสียของผู้ที่กำลังจะเป็นแม่ลงได้

4 คำถามที่มักจะเป็นหัวข้อหลักของบรรดาคุณแม่นักขับถูกรวบรวมเอาไว้ และสามารถให้คำตอบอย่างชัดเจนว่า ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ 'ควรหรือไม่ควรคาดเข็มขัดนิรภัย' เวลาอยู่ในรถยนต์ ไม่ว่าจะในฐานะคนขับหรือผู้โดยสารก็ตาม

• ถาม : ควรคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่เวลาอยู่ในรถยนต์ ?
• ตอบ : ควรอย่างยิ่ง ซึ่งคุณหมอก็แนะนำให้คาดเข็มขัดนิรภัย เพราะว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เข็มขัดนิรภัยจะเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการปกป้องตัวคุณเองและลูกที่อยู่ในครรภ์

• ถาม : แม้ว่าในรถยนต์คันนั้นจะมีถุงลมนิรภัยติดตั้งอยู่แล้วก็ตามหรือ ?
• ตอบ : แม้จะมีถุงลมนิภัย คุณก็ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย และต้องเข้าใจก่อนว่า ถุงลมนิรภัยถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย ไม่ใช่เข้ามาทำหน้าที่แทน ถ้าไม่มีเข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดการชนทางด้านท้ายขึ้นมา คนท้องจะพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ตามแรงกระทำที่เกิดขึ้น และพุ่งเข้าปะทะกับถุงลมนิรภัยที่พองตัวพุ่งสวนขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ อาจจะทำให้คนท้องและเด็กที่อยู่ในครรภ์ มีโอกาสสูงที่จะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง หรือเสียชีวิต

• ถาม : แล้วอย่างนี้ควรปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยดีไหม ?
• ตอบ : ไม่จำเป็น ซึ่งคุณหมอก็แนะนำในลักษณะนี้ ปล่อยให้ถุงลมนิรภัยอยู่ในสภาพพร้อมทำงานต่อไป แต่คุณต้องคาดเข้มขัดนิรภัย ‘ทุกครั้ง’ที่อยู่ในรถยนต์ และจะต้องคาด ‘ให้ถูกต้อง’ ด้วย อุปกรณ์ทั้งสองจึงจะช่วยกันทำงานเพื่อปกป้องคนท้องและเด็กที่อยู่ในครรภ์ได้

• ถาม : แล้วควรปรับเบาะนั่งไหม ?
• ตอบ : ควร โดยปรับเบาะนั่งให้อยู่ห่างจากพวงมาลัยให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยที่ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจับ หรือบังคับพวงมาลัย โดยกระดูกหน้าอกควรอยู่ห่างจากพวงมาลัยประมาณ 10 นิ้ว หรือแผงหน้าปัด (ในกรณีที่เป็นคนนั่งโดยสารด้านหน้า) ซึ่งเมื่อท้องค่อยๆ โตขึ้น ก็ควรจะขยับที่นั่งให้ห่างออกไป แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่ายังควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกดแป้นคันเร่งหรือเบรก ต้องทำได้อย่างเป็นปกติ

วิธีการคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับคนท้องที่อยู่ในรถยนต์ไ ม่ว่าจะในฐานะของคนขับหรือผู้โดยสาร ดึงสายเข้มขัดนิรภัยออกมา เส้นที่พาดจากบริเวณหัวไล่จะต้องพาดทะแยงตรงกึ่งกลางระหว่างร่องอกแล้วลงมาทางด้านข้างของช่องท้อง

ขณะที่อีกส่วนที่พาดในแนวนอน จะต้องพาดบริเวณใต้ท้องให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ตรงเหนือบริเวณต้นขา

ห้ามพาดผ่านบริเวณท้องโดยเด็ดขาด !

ดึงสายตรงส่วนนี้ให้ตึง อย่าให้เกิดสภาพหย่อน และพิจารณาดูอย่าให้มีการบิดเกลียวของตัวสาย เช่นเดียวกับพื้นที่ของสรีระ ที่จะต้องมีสายเส้นนี้พาด ควรจะแบนเรียบ ซึ่งจะช่วยลดอาการกระตุกอย่างรุนแรง เวลาที่เข็มขัดเกิดการกระชากตามการทำงาน

ปัญหาหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนท้องคือ สายเข็มขัดนิรภัยอาจจะยาวไม่พอ โดยเฉพาะคนที่ท้องแก่ ซึ่งครรภ์มีขนาดใหญ่มาก และถ้าเป็นกรณีนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถยนต์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะของคนขับ หรือผู้โดยสาร เพราะมีความเสี่ยงเกินไป ที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บทั้งเด็กในครรภ์ และแม่ หากเกิดอุบัติเหตุ นอกจากจะมีเหตุจำเป็นจริงๆ เช่น ต้องรีบขับพาไปส่งโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อท้องแก่ก็ควรจะหยุดพักจากหน้าที่การงาน และไม่ควรขับรถเพื่อเพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสีย •