Group Blog
 
 
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 

ขึ้นเขา Cotopaxi กับอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness)



จริงๆ Mt. Cotopaxi นี่เราไปมานานมากแล้วตั้งแต่ทริปกาลาปาโกส (ปี 2555)  แต่เนื่องจากทริปนั้น highlightของเราคือกาลาปาโกส  พอเขียนบล๊อกเรื่องกาลาปาโกสเสร็จ  เจ้า Mt.Cotopaxi เลยกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืมไปเลย

คราวนี้ เพื่อนๆคุยกันเรื่องอยากไปเที่ยว Leh ซึ่งมีความเสี่ยงเรื่องอาการแพ้ความสูง เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเราก็เคยแพ้นี่นา เมื่อตอนไป Cotopaxi  เลยกลับมาเขียนบล๊อกเรื่องนี้ค่ะ

ตอนนั้นวางแผนไว้ว่าจะเก็บCotopaxi ไว้หลังสุดเนื่องจากมันอยู่สูงมาก กลัวว่าถ้าไป Cotopaxi ก่อนแล้วเกิดป่วยด้วยอาการแพ้ความสูงจะทำให้ไปกาลาปาโกสไม่ได้หรือไม่สนุก เลยทำให้เราต้องเปลี่ยนระดับความสูงหลายรอบอยู่

จากตอนแรกไปถึง Quito (ประมาณ 2800 เมตร)  ลงไป Galapagos ที่ระดับน้ำทะเล กลับมานอน Quito หนึ่งคืน แล้วขึ้น Cotopaxi(ประมาณ 4500 เมตร ตรงจุดที่เราไปนะคะ)

ก่อนไปก็ได้รับคำแนะนำจากที่โรงแรมว่าให้เตรียมน้ำ + ช้อคโกแลตไป จะช่วยได้ในเรื่องอาการแพ้ความสูง เราก็เตรียมไว้เรียบร้อยค่ะ  

เช้าวันนั้น ไปกับรถ 4WD ของบริษัททัวร์  มีฝรั่งไปด้วยหลายคนอยู่เป็นเด็กวัยรุ่น ฟิตๆ ทั้งนั้น  ตามโปรแกรมคือนั่งรถไปถึงบริเวณที่จอดรถแล้วเดินขึ้นเขาไปตรง Refuge  พอเดินกลับมาที่จอดรถแล้วก็นั่งรถลงเขา หรือถ้าใครฟิตก็ขี่จักรยานลงเขา

ป้าสองคนอย่างเราคิดแค่จะเดินขึ้นRefuge  กลับมาที่จอดรถแล้วนั่งรถลงเขาค่ะ  ไม่น่าจะขี่จักรยานไหว

ระหว่างทางขึ้นเขาก็ค่อยๆไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ มีวิวสวยงามแบบเย็นๆแล้งๆ  

มีดอกไม้บ้างเล็กน้อย

มีม้าป่าด้วย

อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆมีจอดแวะให้ซื้อน้ำซื้อขนม แต่เราซื้อผ้าห่มค่ะ เพราะหนาวมาก ที่เตรียมมาไม่พอจริงๆ เพราะอย่างที่บอกคือตั้งใจไป Galapagos เสื้อกันหนาวนี่คือเตรียมสำหรับ Quito เท่านั้นไม่ได้คิดว่าจะขึ้นเขาอะไรอีก  มาตัดสินใจไปCotopaxi ตอนมาถึง Quito แล้วเพราะมันอยู่ห่างออกไปแค่ประมาณ 60 กม.

เห็นยอด Cotopaxi แล้ว




มีหมาจิ้งจอกมาเมียงมองใกล้ๆรถด้วย

ถึงบริเวณที่จอดรถแล้วค่ะ


ที่ตั้งใจว่าจะเดินขึ้นไปRefuge  คือตรงที่วงรูปหัวใจไว้ 

พอเห็นระยะทางดูสภาพตัวเองแล้ว เลยตัดสินใจรอที่รถค่ะ  พวกเด็กๆที่นั่งรถมาด้วยกันก็เดินกันไป  ระหว่างรอเรากับเพื่อนก็เดินถ่ายรูปเล่นแถวๆ นั้น

ไหนเอา Lalabear มาถ่ายรูปหน่อยซิ


ถ่ายกับป้าย(ห่มผ้าที่ซื้อมาเพิ่มด้วยค่ะ หนาวมาก)


ในป้ายบอกว่าจุดที่เรายืนอยู่ (ที่จอดรถ) ความสูง 4500 เมตร 
Refuge ความสูง4800 เมตร
ส่วนยอด Cotopaxi 5897 เมตรค่ะ

ระหว่างเดินถ่ายรูปเราเริ่มเดินเซ นึกว่าเป็นเพราะทางมันชันมากและลมแรง ยังหัวเราะขำกับเพื่อนอยู่เลยว่าเฮ้ย เหมือนเมาเลยว่ะ เดินอยู่ไม่ถึง 10 นาทีก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วหนาวมากและยืนเฉยๆ ไม่ได้ เลยกลับไปที่รถ แล้วเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยค่ะ มารู้ตัวอีกทีคืออยู่บนรถ กำลังลงเขาแล้ว พวกเด็กๆ กลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  สรุปว่าไม่ได้กินน้ำและช้อคโกแลตที่เตรียมไว้เพราะลืมไปสนิทค่ะ มัวแต่หลับ

แวะเอาจักรยานออกมาให้เด็กๆขี่จักรยานลงเขา ป้าสองคนก็นั่งรถต่อไป


ดูวิวกันค่ะ 



จะเห็นว่ารถที่เรานั่งนี่คือขับตามหลังทีมจักรยานนะคะเผื่อมีใครไม่ไหวจะได้เก็บขึ้นรถมาด้วย แต่ก็ไม่มีใครเป็นอะไรค่ะ

เจอม้าป่าอีกรอบ

แวะตรงนี้หน่อย คืออะไรไม่รู้ แต่วิวสวยดีค่ะ

แล้วก็แวะกินข้าวกลางวัน มื้อนี้เราอาการแย่มากค่ะ พะอืดพะอม ไม่อยากกินอะไรเลยกินได้แต่น้ำร้อน ก็พยายามกินๆ อะไรเข้าไปนิดหน่อย พอให้ไม่หิวเท่านั้นเอง

แต่ก็ยังมีอารมณ์มาเดินถ่ายรูปอยู่นะ


จากนั้นก็เดินทางกลับไปที่ Quito ค่ะ



กลับมาเรื่องอาการแพ้ความสูงนะคะ

ที่เล่าว่าเราคิดว่าเราเดินไม่ตรงทางแล้วยังขำ พอกลับมาอ่านเรื่อง altitude sickness ถึงได้รู้ว่าจริงๆอาการเรานี่เรียกว่ามากแล้ว เพราะเป็นอาการเกี่ยวกับสมอง อาจจะถึงสมองบวมรึเปล่าก็ไม่รู้ทำให้เดินเซคล้ายคนเมา แล้วเรายังหลับไปเลยอีก อันนี้เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนแล้ว ยังดีที่ลงจากเขาเร็ว อาการเลยไม่เยอะไม่งั้นอาจจะถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลได้ค่ะ

ตอนนั้นเราคิดว่าระหว่างที่เราหลับเพื่อนก็คงเพลียหลับไปเหมือนกัน ปรากฏว่าพอถามเพื่อนนางบอกว่านางไม่เป็นไร แต่นั่งดูเราอยู่เพราะกลัวเราหยุดหายใจ ฟังแล้วตกใจมาก แต่ก็ช้าไปหลายปีแล้วล่ะ

อาการแพ้ความสูง Altitude Sickness แบ่งเป็น 3 แบบนะคะ

1. Acute Mountain Sickness (AMS)  เช่น ปวดหัวเหนื่อย หายใจเร็ว  อันนี้เราเป็นตั้งแต่ตอนอยู่ที่Quito แล้วค่ะ ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินเลยรู้สึกหัวใจเต้นแรง เดินๆ อยู่ก็หอบ เห็นคนอื่นเป็นเหมือนกัน ยังแอบขำเพราะแค่เดินไปมา คุยกันธรรมดาก็หอบ

2. HighAltitude Cerebral Edema (HACE) เป็นอาการเกี่ยวกับสมอง เช่น ปวดหัวรุนแรง เดินเซ อาจถึงขนาดชักหมดสติ  (ที่เราเป็นคือปวดหัวมากและเดินเซค่ะ)

3. High Altitude Pulmonary Edema (HAPE)  อันนี้เป็นอาการเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่นเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก (อันนี้เราไม่เป็น)

หมายเหตุนิดนึง ตอนแรกคนที่ห่วงกันว่าจะมีอาการนี้คือเพื่อนเราค่ะเพราะนางไม่ค่อยแข็งแรง หอบบ้างอะไรบ้าง ส่วนเราแข็งเรงกว่าเยอะ ไปเที่ยวไหนไม่เคยป่วย ปรากฎว่านางไม่เป็นอะไรเลยแต่เราเป็น อาการเยอะด้วย เลยสรุปว่าอาการแพ้ความสูงนี่ไม่ได้เกี่ยวกับร่างกายอ่อนแอหรือแข็งแรงนะคะใครจะเป็นมันก็เป็นอะค่ะ

ถ้าใครอยากอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับอาการแพ้ความสูง ลองเสิร์ชหาคำว่า AltitudeSickness ดูนะคะ มีให้อ่านเยอะเลย




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2559
2 comments
Last Update : 5 สิงหาคม 2559 11:15:43 น.
Counter : 1519 Pageviews.

 

ได้ความรู้มากๆ เลยค่ะ

เราเคยไปสูงสุดคือตอนไปแถวๆ จิ่วไจ้โกวทางนั้น ไกด์ก็ห่วงและเตือนเยอะ เพราะไปกับคนสูงอายุ

แต่กลายเป็นเราไม่เป็นอะไร ลูกทัวร์ก็ด้วย แต่สิบกว่าปีแล้วค่ะ

ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นไงมั่ง

อ่านแล้วน่ากลัวนะคะนี่

วิวสวยมากค่ะ



หนังสือเล่มนี้สนุกค่ะ แต่ต้องไปซื้อที่แฟนเพจแล้วแหละ แหะๆ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 8 พฤศจิกายน 2559 10:45:25 น.  

 

สวัสดีอีกรอบค่าา

แสดงว่าไปช่วงเดียวกัน ช่วงหนาวแล้ว เลยเจอแห้งๆ พอๆ กันเลยค่ะ 555

ขอบคุณที่แวะไปเที่ยวด้วยกันนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 15 พฤศจิกายน 2559 16:59:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


lalabel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]





งานเขียนและรูปถ่ายในบล๊อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ lalabel
ถ้าชอบและไม่ได้นำไปใช้เพื่อการค้าก็ save ได้ค่ะ
แต่ถ้าจะเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาอย่าดัดแปลง
หรือตัดทอนส่วนหนึ่งส่วนใดของงาน
และกรุณาแจ้งให้ lalabel ทราบก่อนด้วยนะคะ
^__^


New Comments
Friends' blogs
[Add lalabel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.