ตอนที่ 23(2) กลโกงและความแข็งแกร่ง (Cunning and Tough)
         และแล้วก็ถึงวันพิจารณาคดี ณ ศาลสูงปารีส...แม้แต่ราชวงศ์ก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ ผู้คนต่างให้ความสนใจมาฟังการพิจารณาคดีนี้อย่างเนืองแน่น รวมทั้ง ออสการ์ อังเดรและโรซารี่ด้วย ผู้พิพากษานั่งอยู่บนบัลลังก์ จินนี่ยืนอยู่ในคอกพยานกลางห้อง ส่วนคาร์ดินัลโรออง และรีทักซ์ นักปลอมลายมือ ก็ถูกทหารคุมตัวอยู่ด้านข้างเช่นกัน
ผู้พิพากษา : “เงียบ! เงียบ! ฉันขอถามเธออีกครั้ง จินนี่ วาลูอิส เดอ ลา มอตเต้”
จินนี่ : “ไม่ว่าท่านจะถามอีกซักกี่ครั้ง คำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม คาร์ดินัลโรอองเป็นคนขโมยสร้อยเพชรไป ฉันเป็นแค่คนที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” จินนี่โยนความผิดทั้งหมดให้คาร์ดินัลโรอองอย่างหน้าตาเฉย
ผู้พิพากษา : “เธอจะบอกว่า เธอไม่รู้ว่าตอนนี้สร้อยเพชรอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรอ?”
จินนี่ : “คาร์ดินัลโรออง อาจจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนซักแห่งก็ได้?” คาร์ดินัลโรอองได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกทหารดึงตัวเอาไว้
โรออง : “จินนี่! นางวายร้าย!”
จินนี่ : “กรุณาเงียบๆหน่อย คาร์ดินัลโรออง! ท่านคิดว่าที่นี่ที่ไหน? นี่เราอยู่ในศาลนะ!”
ผู้พิพากษา : “ถ้าคาร์ดินัลโรออง เป็นผู้บงการทุกอย่าง แล้วจดหมายที่มีลายเซ็นปลอมของพระราชินีล่ะ? เธอไม่ได้จ้างรีทักซ์ เดอ วิลเลท นักปลอมลายมือในปารีสให้เขียนมันขึ้นมาหรอกหรอ? รีทักซ์รับสารภาพแล้ว”
จินนี่ : “โอ้ ฉันไม่เคยพบกับคนกักขฬะแบบนี้มาก่อนเลย”
รีทักซ์ : “คุณจินนี่...” รีทักซ์รู้สึกหมดหวัง
ผู้พิพากษา : “ดังนั้น เธอจึงไม่รู้อะไรเลยสินะ”
ระหว่างนั้นจินนี่ยกมือขึ้นเสยผม เผยให้เห็นแหวนทองวงเล็กๆที่นิ้วนางข้างขวา
ออสการ์ : “โรซารี่ ดูนั่นสิ แหวน พี่สาวของเธอสวมแหวนที่เธอให้เขา”
โรซารี่ : “พี่...” โรซารี่รู้สึกซึ้งใจ ที่พี่รับแหวนของแม่เอาไว้
จินนี่ : “ช่วยฉันหน่อยนะแม่ ฉันไม่อยากแพ้กับเรื่องแค่นี้ มันต้องมีทางออกซักทางสิ เพราะฉันไม่อยากให้ใครมาพิพากษาฉัน ไม่ แม้แต่พระเจ้า!” จินนี่ภาวนาในใจ
เมื่อจินนี่ยังคงไม่ยอมรับผิด ผู้พิพากษาจึงเบิกตัวพยานคนสำคัญ คือ นิโคล เดอ โอลิว่า โสเภณีตาบอดที่จินนี่เคยจ้างให้ปลอมตัวเป็นราชินีไปหลอกคาร์ดินัลโรอองนั่นเอง
ผู้พิพากษา : “เบิกตัวพยาน นิโคล เดอ โอลิว่า” จินนี่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจมาก เธอคงจะรอดยากแน่ๆ
ประตูทางเข้าศาลเปิดออก ทหารพาตัวโสเภณีตาบอดเข้ามา เมื่อผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีเห็นใบหน้าของโสเภณีตาบอดก็ต้องตกตะลึง เพราะช่างละม้ายคล้ายกับพระราชินีมารีอังตัวเน็ตมากเหลือเกิน “นั่นราชินีนี่!” “เจ้าโง่ ดูดีดีสิ!”
ทหารพาตัวจินนี่ลงมาจากคอก
ทหาร : “ไป”
และให้นิโคลเดินเข้าไปสัมผัสใบหน้าของจินนี่
ผู้พิพากษา : “เธอคือ นิโคล เดอ โอลิว่า ใช่มั้ย? นี่คือผู้หญิงที่พาเธอไปที่ Garden of venus และให้เธอปลอมเป็นราชินีใช่หรือไม่?”
นิโคล : “ไม่ผิดแน่ค่ะ เธอคือ มาดามจินนี่ วาลูอิส” จินนี่รู้สึกโกรธมาก เธอน่าจะฆ่านิโคลตั้งแต่ตอนนั้น แต่แล้วเธอก็ใจเย็นลง และยังนึกสงสารนิโคลอยู่ดี ทหารพาตัวนิโคลกลับออกไป
ผู้พิพากษา : “จินนี่ วาลูอิส เธอจะบอกฉันได้มั้ยว่า ทำไมเธอจึงให้โสเภณีจากปารีสปลอมตัวเป็นพระราชินีและพาเธอไปที่ Garden of venus?"
จินนี่ : “คือ...” จินนี่อึกอัก ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี
ผู้พิพากษา : “บอกมาเดี๋ยวนี้! ถ้าเธอโกหกมากกว่านี่ ปากของเธอก็จะหนักขึ้นอีก!”
จินนี่ถูกต้อนจนมุม ไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดอย่างไรดี เธอไม่มีทางเลือกอีกต่อไปจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้
จินนี่ : “ค่ะ ท่าน ฉันจะบอกท่านทุกอย่าง ฉันเสียใจจริงๆที่เป็นต้นเหตุให้คาร์ดินัลโรอองต้องเดือดร้อน คาร์ดินัลโรอองเป็นเพียงหุ่นเชิดของฉันกับสามี เพียงเพราะว่าฉันได้รับคำสั่งจากใครบางคนที่เป็นชนชั้นสูง ให้ทำให้คาร์ดินัลโรอองตกต่ำลง  พวกเราไม่มีทางเลือก เลยต้องใช้แผนนี้ คนบางคนที่อยากได้สร้อยเพชรโดยไม่มีข้อแม้ คนที่เหมาะสมที่จะสวมสร้อยเพชรมูลค่า 1,600,000 ลีฟ พระราชินีแห่งฝรั่งเศส พระนางมารี อังตัวเน็ต!” จินนี่แต่งเรื่องและโยนความผิดทั้งหมดไปให้พระนางมารีอังตัวเน็ต ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้พิพากษาและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดี ผู้พิพากษายืนขึ้นและตบลงที่โต๊ะด้วยความโมโห
ผู้พิพากษา : “มาดามจินนี่ วาลูอิส เดอ ลามอตเต้! ฝ่าบาทตรัสว่าไม่รู้จักเธอหรือสร้อยเพชร นั่นเป็นเหตุผลที่มากพอ ที่ว่า ทำไมพระนางจึงตัดสินพระทัยให้มีการไต่สวนเรื่องนี้ หยุดพูดจาโกหกโดยไม่รับผิดชอบได้แล้ว! ถ้าเธอกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานฉันจะฟ้องเธอข้อหาหมิ่นเบื้องสูง!”
จินนี่ : “บางทีฝ่าบาทอาจจะคิดว่า เธอตกที่นั่งลำบากเพราะพ่อค้าเพชรออกมาโวยวาย เธอจึงให้มีการไต่สวนเรื่องนี้เพื่อจะโยนความผิดให้ฉัน”
ผู้พิพากษา : “แสดงหลักฐานออกมาก่อน”
จินนี่ : “ฉันได้ยินมาว่า ฝ่าบาทเผาบิลที่ส่งมาจากพ่อค้าเพชรโบห์แมร์ นั่นเป็นเพราะว่าพระนางพยายามทำลายหลักฐาน ท่านไม่คิดอย่างนั้นหรอ ท่านผู้พิพากษา?”
ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นและแสดงความเห็นด้วยกับคำพูดของจินนี่ “ใช่! ถ้าพระราชินีบริสุทธิ์ พระนางจะต้องไม่เผาบิลสิ!” และก็ยังมีคนที่ต่อต้านราชินีอีกหลายๆคนที่เห็นด้วยเช่นกัน ต่างลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็น
“ราชินีทำมัน!” “พระราชินีอาจมีสร้อยพระศอเพชรก็ได้!” “ใช่ผู้ต้องสงสัยตัวจริงก็คือผู้หญิงออสเตรียคนนั้น!”
จนเหตุการณ์เกือบจะบานปลายผู้พิพากษาจึงเคาะค้อนเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบ
ผู้พิพากษา : “การพิจารณาคดีต้องการความเงียบ! ถ้าฉันได้ยินเสียงอีก ฉันจะไล่พวกท่านออกไปจากศาล!” ทุกคนในศาลสงบลงจนสถานการณ์กลับมาสู่ความเงียบเช่นเดิม
ผู้พิพากษา : “มาดาม เดอ ลามอตเต้ พระราชินีทรงตรัสว่าไม่รู้จักกับท่านเลย ท่านว่าพระนางโกหกอย่างนั้นหรอ?”
จินนี่ : “ใช่ค่ะ”
ผู้พิพากษา : “เพื่อทำให้ศาลเชื่อ จงบอกความสัมพันธ์ของท่านกับพระราชินีมาซิ”
จินนี่ : “ค่ะท่าน ฝ่าบาทเป็นคนรักของฉันค่ะท่าน”
ผู้พิพากษา : “ฮะ?!”
จินนี่ : “ฉันหมายถึง เป็นเลสเบี้ยน... ความจริงก็คือ พระราชินีมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน และฉันก็เป็นคนรักของเธอ” คำตอบของจินนี่ทำให้ทุกคนในศาลต้องตกตะลึงอีกครั้ง
โรซารี่ : “พี่!”
ผู้พิพากษา : “ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ท่านมีหลักฐานสำหรับคำกล่าวอ้างของท่านหรือไม่ มาดาม เดอ ลามอตเต้?”
จินนี่ : “ค่ะท่าน ท่านผู้พิพากษาอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่า ฝ่าบาททรงโปรดปรานท่านหญิงคนหนึ่ง คือ มาดามโปลินยัค ผู้โด่งดัง แท้จริงแล้ว เธอก็เป็นคนรักของฝ่าบาทเช่นกัน และหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ออสการ์ ฟรังซัวส์ เธอเป็นหัวหน้าของสามีของฉัน นิโคลัส เธอสวมเสื้อผ้าผู้ชายทั้งๆที่เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ฝ่าบาทชอบที่จะให้เธอสวมชุดเหมือนผู้ชายและเก็บเธอไว้เป็นของเล่นข้างกาย พระนางมารีอังตัวเน็ต เป็นราชินีที่ยิ่งใหญ่ เธอเก็บความสุขและความหรูหราของโลกนี้ไว้เพียงผู้เดียว” ออสการ์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธสุดขีด เธอเตรียมที่จะชักดาบออกมา แต่ถูกอังเดรห้ามไว้ซะก่อน
อังเดร : “อย่านะ ออสการ์! ใจเย็นๆก่อน นี่ในศาลนะ”
จินนี่ : “ท่านผู้พิพากษาคะ ฉันเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด! ลงโทษราชินีก่อนที่จะลงโทษฉัน! ท่านจะต้องลงโทษ มารี อังตัวเน็ต!”
ในตอนนั้นผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีที่ต่อต้านพระราชินีอยู่แล้ว จึงหลงเชื่อเรื่องโกหกของจินนี่ พวกเขาลุกขึ้นและตะโกนต่อว่าพระราชินีกันยกใหญ่
“พระราชินีอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!” “มันเป็นผู้หญิงออสเตรียที่ร้ายกาจ คบชู้ และเป็นเลสเบี้ยนอย่างแน่นอน!” “จินนี่วาลูอิส ฉันอยู่ข้างเธอ!” สถานการณ์ภายในศาลเริ่มวุ่นวายเกินกว่าที่จะควบคุมได้ จนผู้พิพากษาต้องเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน
ผู้พิพากษา : “ออกไปจากศาลให้หมด! ออกไปจากศาลให้หมด! ศาลจะเลื่อนพิจารณาคดีออกไปก่อน!”
ในขณะนั้นโรเบสปิแอร์ เซนต์จัส และเบอร์นาร์ดผู้ติดตามของเขา ก็อยู่ภายในศาลด้วย เขารู้สึกชื่นชมกับการที่ราชวงศ์ถูกประชาชนต่อต้าน
เซนต์จัส : “โอ้ มันเป็นการพิจารณาคดีที่วิเศษที่สุดเลย ด็อกเตอร์โรเบสปิแอร์”
โรเบสปิแอร์ : “ใช่ ราชวงศ์ไม่เหลือศักดิ์ศรีอีกแล้ว ไปจากที่นี่กันเถอะ ท่านเซนต์จัส”
เซนต์จัส : “ครับท่าน”
ตอนนั้นเซนต์จัสเป็นชายหนุ่มที่ยังเด็กอยู่มาก เขากำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนสอนกฎหมาย นักปฏิวัติหนุ่ม ต่อมาได้กลายมาเป็นมือขวาของโรเบสปิแอร์และนักข่าวหนังสือพิมพ์ผู้ซึ่งติดตามโรเบสปิแอร์ เบอร์นาร์ด ชาเล็ตที่เต็มไปด้วยความกระหายยุคสมัยใหม่
คดีสร้อยพระศอได้ปลูกฝังความเกลียดชังต่อระบอบการปกครองแบบเก่าในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส
 
ระหว่างทางที่นั่งรถม้ากลับบ้าน โรซารี่ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจจากการกระทำของจินนี่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระราชินีและออสการ์
โรซารี่ : “เธอทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ยังไง...ฉันขอโทษค่ะ ท่านออสการ์! เธอทำอย่างนั้นเพราะเธอคิดว่าจะสามารถรอดพ้นจากความผิดได้”
ออสการ์ : “เธอแข็งแกร่งมาก พลังที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าเธอจะยืนอยู่ริมปากเหว  แต่เธอก็กล้าหาญแทนที่จะกลัว เธอมั่นใจมาก จินนี่...ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย”
 
 
วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 1786 ศาลสูงปารีสลงคำตัดสินคดีสร้อยพระศอ
 
ผู้พิพากษา : “กัปตัน นิโคลัส เดอ ลามอตเต้ : ไม่ปรากฏตัว ถูกตัดสินให้ไปเป็นทาสในเรือตลอดชีวิต ให้จับกุมทันทีที่พบตัว , รีทักซ์ เดอ วิลเลท : โบย 50 ที และเนรเทศ 35 ปี , นิโคล เดอ โอลิว่า : ไม่มีความผิด , มาดามจินนี่ วาลูอิส เดอ ลามอตเต้ : นาบด้วยเหล็กร้อนรูปตัว V ที่ไหล่ทั้งสองข้างและจำคุกตลอดชีวิต , คาร์ดินัล หลุยส์ เดอ โรออง : ไม่มีความผิดทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ทั้งคดีสร้อยพระศอและหมิ่นเบื้องสูง”
หลังลงคำตัดสินทหารได้จับกุมตัวจินนี่เพื่อไปขังคุก แต่เธอก็พยายามดิ้นรนขัดขืนและก่อนที่จะถูกจับไป เธอก็ได้ทิ้งคำถามไว้กับผู้พิพากษา
จินนี่ : “ท่านผู้พิพากษา ฉันอยากจะถามอะไรท่านซักอย่าง! แล้วอาชญากรตัวจริงล่ะ?! คนที่บงการฉันล่ะ?! ท่านจะลงโทษแค่ฉันแล้วแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?!”
ผู้พิพากษา : “พวกเราไม่สามารถตัดสินคนเพียงแค่คำกล่าวหาได้หรอก ถึงแม้ว่าอาจจะมีคนบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็ตาม ศาลก็ไม่สามารถก้าวก่ายราชวงศ์ได้ เช่นเดียวกับที่ราชวงศ์ก็ไม่สามารถก้าวก่ายศาลได้เช่นกัน” ผู้พิพากษาตอบ
 
          ถึงแม้ว่าคดีจะสิ้นสุดลงและมีการตัดสินโทษผู้กระทำผิดแล้ว แต่คำพูดโกหกของจินนี่ก็ยังคงสร้างความครางแครงใจให้กับประชาชนทั่วไปว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ยังมีคนบางส่วนที่เชื่อในคำพูดของจินนี่จนสร้างความเสื่อมเสียมาถึงพระราชินีอังตัวเน็ต
อังตัวเน็ต : “ฟังดูเหมือนว่าฉันกลายเป็นผู้ร้ายตัวจริง! ถูกตราหน้าว่าเป็นเลสเบี้ยน  เป็นคนบงการ และยิ่งไปกว่านั้น โรอองไม่มีความผิด! อะไรทำให้เกิดการไต่สวนเรื่องราวทั้งหมดนี้?!”
โปลินยัค : “ราชินีที่น่าสงสารของหม่อนชั้น...” พระนางอังตัวเน็ตซบหน้าร้องไห้กับมาดามโปลินยัค
อังตัวเน็ต : “มาดามโปลินยัค...ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งให้ฉันต้องเจออะไรแบบนี้?! มันโหดร้ายเกินไป!”
โปลินยัค : “ฝ่าบาทเพคะ แต่มันมีเรื่องที่น่าแปลก มีสมาชิกของกองทหารรักษาพระองค์กระทำผิดเช่นนี้ แต่ผู้บัญชาการทหารไม่ทราบว่าสมาชิกวางแผนที่จะหลบหนี ไม่ คงไม่มีอะไรหรอกเพคะฝ่าบาท” มาดามโปลินยัค ที่ไม่ชอบออสการ์อยู่แล้ว เธอก็พยายามจะดึงออสการ์เข้ามามีส่วนผิดจนได้
 
          1 เดือนผ่านไป ผลการตัดสินโทษของจินนี่ก็ได้ถูกดำเนินการ เหล็กร้อนๆรูปตัว V มันเป็นตัวอักษรขึ้นต้นของคำว่า “โจร” ในภาษาฝรั่งเศส จินนี่ถูกนำตัวมาที่ลานสำหรับลงโทษที่รายล้อมได้ด้วยประชาชนที่มามุงดู กลางลานมีไม้ยกสูงเหมือนกับเป็นเวทีที่แสดงการลงโทษให้คนทั่วไปได้ดูว่า คนที่ทำความผิดนั้นสุดท้ายแล้วก็ต้องได้รับโทษ
ชายร่างใหญ่สองคนพาตัวจินนี่ขึ้นไปบนเวทีและดึงคอเสื้อของเธอลง ชายอีกคนหยิบเหล็กรูปตัววี ที่เผาไฟจนแดงขึ้นมา จินนี่เห็นดังนั้นก็กรีดร้องสุดเสียง พร้อมกับดิ้นรนขัดขืน
จินนี่ : “ไอ้เลว!” เธอสะบัดหนีและกระแทกชายคนหนึ่งจนตกเวทีไป แต่ชายอีกคนก็เข้ามาจับตัวเธอไว้ จินนี่จึงถ่มน้ำลายใส่หน้าชายคนนั้น และพยายามวิ่งหนีฝ่าฝูงชนออกไปจากลานลงโทษ แต่ก็ถูกชายสามคนนั้นตามจับตัวจนได้ จินนี่กัดเข้าที่แขนของชายคนหนึ่งอย่างแรง ชายคนนั้นจึงต่อยเข้าที่ใบหน้าของเธอ และหิ้วตัวเธอกลับมาที่ลานลงโทษ
จินนี่ : “ไอ้บ้าเอ๊ย! ปล่อยฉันนะ ฉันไม่รู้เรื่อง! พระราชินีเป็นคนวางแผนทั้งหมด! เธอโยนความผิดมาให้ฉัน แถมยังเลวและไม่แยแสอะไรเลย!” ชายคนหนึ่งกระชากผมของเธอและกดเธอให้นอนคว่ำลงกับพื้น
จินนี่ : “ไปลงนรกซะ มารี อังตัวเน็ต! ฉันบริสุทธิ์!!” ชายอีกคนใช้เหล็กร้อนรูปตัววีนาบลงที่ไหล่ของเธอ จินนี่กรีดร้องโหยหวน และสลบไป
ชายร่างใหญ่ : “เลวจริงๆ เธอกัดแขนฉัน” “ดูสิเธอเป็นลมไปแล้ว แต่ยังลืมตาอยู่เลย” “แบกเธอไปที่คุกใน Sarpetrier เดี๋ยวนี้!” “ครับท่าน” พวกเขาโยนจินนี่เข้าไปขังในคุก
เรื่องโกหกที่แนบเนียนของจินนี่ได้เรียกความเห็นอกเห็นใจจากคนทั้งประเทศ ทุกคนต่างแห่แหนกันมาเยี่ยมเธอในทุกๆวัน
ทางด้านของพระนางมารีอังตัวเน็ตที่ทราบข่าว ก็ทำให้ยิ่งเสียพระทัยหนักขึ้น
อังตัวเน็ต : “ฉันจะทำยังไงดี? ฉันได้ยินมาว่า ไม่ใช่แค่คนทั่วไปเท่านั้น แม้แต่ขุนนางก็พากันไปเยี่ยมจินนี่”
ออสการ์ : “พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
อังตัวเน็ต : “ทำไมแม้แต่ขุนนางที่มีสถานะทางสังคม? ฉันไม่เข้าใจเลย”
ออสการ์ : “ฝ่าบาทขุนนางเหล่านั้นออกจากวังไปเพราะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเฝ้าพระนางในที่ประทับพะยะค่ะ” ออสการ์อธิบายข้อเท็จจริงให้อังตัวเน็ตฟัง
อังตัวเน็ต : “เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้น่ะหรอ?” อังตัวเน็ตไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันได้สร้างหายนะต่อราชวงศ์มากแค่ไหน
ส่วนจินนี่ที่ถูกขังอยู่ในคุกเธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกในความผิดที่เธอได้กระทำเลย
จินนี่ : “มันช่างสนุกนัก...ฉันไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว ฉันเคยอยากเล่นพิเรนท์แบบนี้กับทุกๆคน...มาตั้งแต่เด็กๆ”
 
จบตอนที่ 23

ถัดไป




Create Date : 21 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 29 มีนาคม 2563 23:31:13 น.
Counter : 1559 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lady Oscar
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



New Comments
พฤศจิกายน 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog