กุหลาบแวร์ซายส์ , Lady Oscar , La Rose de Versailles , The Rose of Versailes , Berusai No Bara
|
||||
ตอนที่ 25(1) การเต้นรำกับความรักที่ไม่สมหวัง (A Minuet of Unrequited Love) ในเย็นวันหนึ่ง ออสการ์และอังเดรได้ออกมาซ้อมยิงปืนนอกบ้าน อังเดรเอาขวดแก้วมาวางเรียงบนต้นไม้เพื่อทำเป็นเป้า และเขาก็คอยบรรจุกระสุนปืนแล้วส่งให้ออสการ์ ฝีมือการยิงปืนของออสการ์นั้นก็ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเช่นเคย อังเดร : “วันนี้พอแค่นี้ก่อน ขวดที่เอามาเป็นเป้าหมดแล้ว” ออสการ์ส่งปืนคืนให้อังเดร ออสการ์ : “โอเค ฉันจะไปเอาม้า” อังเดร : “โอเค” อังเดรเก็บปืนลงในกล่อง แล้วเขาก็หยิบแอปเปิ้ลสีแดงลูกใหญ่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง อังเดร : “เฮ้ ออสการ์ กัดซักคำมั้ยล่ะ?!” ออสการ์ : “เอาสิ” อังเดร : “รับนะ” อังเดรโยนแอปเปิ้ลลูกนั้นไปให้ออสการ์ แต่ระหว่างที่แอปเปิ้ลกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ก็มีใครบางคนยิงแอปเปิ้ลลูกนั้นจนแตกกระจาย อังเดร : “นั่นใครน่ะ?” ออสการ์และอังเดรรู้สึกตกใจ เขาทั้งคู่จึงหันไปหาผู้ที่ยิงแอปเปิ้ลลูกนั้นทันที แล้วเขาก็เห็นชายคนหนึ่งใส่ชุดทหาร ผมยาวหยักศก สีน้ำตาลอ่อน นั่งอยู่บนหลังม้าและถือปืนยาวกระบอกหนึ่งอยู่ในมือ เขาคือแฟร์ซองนั่นเอง แฟร์ซอง : “ขอโทษ สำหรับแอปเปิ้ลลูกนั้นนะ! ฉันแค่อยากจะแสดงฝีมือให้ท่านทั้งสองดูเท่านั้นเอง เป็นยังไงบ้าง ออสการ์ ฟรังซัวร์? นายก็ดูดีเหมือนเดิมนะอังเดร 555 ฮาน แอ็กเซล วอน แฟร์ซอง มารายงานตัวว่าพึ่งกลับมาจากทวีปอเมริกาครับ ฮ่าฮ่าฮ่า” แฟร์ซองหัวเราะร่า เป็นเวลากว่า 7 ปีที่แฟร์ซองอาสาไปร่วมรบที่อเมริกา เพื่อต้องการหนีจากพระนางอังตัวเน็ต ถึงแม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดลงไป 2 ปีแล้ว แต่แฟร์ซองก็ไม่ได้กลับมาฝรั่งเศสอีกเลย แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แฟร์ซองก็ยังคงอยู่ในใจของออสการ์เสมอ เมื่อออสการ์เห็นแฟร์ซองเธอก็ดีใจมาก จนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ออสการ์วิ่งเข้าไปหาแฟร์ซองด้วยความดีใจ ออสการ์ : “แฟร์ซอง... แฟร์ซอง!... แฟร์ซอง... แฟร์ซอง!” ในค่ำคืนนั้น ออสการ์จึงชวนแฟร์ซองมาทานอาหารค่ำที่บ้าน เขาทั้ง 3 คนนั่งร่วมโต๊ะอาหารโดยมีแนนนี่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ อังเดรรินไวน์แดงให้แฟร์ซอง แฟร์ซอง : “ขอบคุณนะอังเดร” อังเดร : “ด้วยความยินดี” ออสการ์ : “2 ปีแล้วสินะ ที่สงครามปลดปล่อยอิสรภาพสิ้นสุดลง ทุกคนต่างเดินทางกลับทันที แต่ท่านมัวทำอะไรอยู่?” แฟร์ซอง : “ขอโทษที่ทำให้ต้องเป็นห่วง ก่อนที่จะกลับบ้านฉันเกิดป่วย ดังนั้นจึงอยู่ที่อเมริกาคนเดียว ลุกเข้าลุกออกจากเตียงอยู่ตลอด ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าที่คิดไว้” ออสการ์ : “อ๋อหรอ” แฟร์ซองหั่นเนื้อสเต็กใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย แฟร์ซอง : “อ๊า...อร่อยจังเลย ฉันไม่ได้กินอาหารฝรั่งเศสแท้ๆแบบนี้มานานแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกว่าได้กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง” เมื่อทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็มานั่งดื่มไวน์ที่หน้าเตาผิง ออสการ์หวนคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่แฟร์ซองเคยพูดกับเธอก่อนที่จะไปร่วมรบที่อเมริกาเมื่อ 7 ปีก่อน แฟร์ซอง : “ออสการ์ มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันควรจะทำ คือกลายเป็นคนทรยศ! ฉันจะหนีไปให้ไกลแสนไกล! ออสการ์ ได้โปรดดูแลพระนางอังตัวเน็ตด้วย!” ออสการ์ : “ฉันดีใจที่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย” แนนนี่ : “คุณหนูคะ ดิฉันเตรียมห้องนอนสำหรับท่านลอร์ดแฟร์ซองไว้ที่ห้องพักแขกบนชั้น 2 แล้วนะคะ” แฟร์ซอง : “ไม่ดีกว่า ออสการ์ ฉันว่าฉันจะกลับบ้าน” แฟร์ซองทำท่าจะปฏิเสธ แต่ออสการ์ได้ขอร้องไว้ ออสการ์ : “พรุ่งนี้ ฉันจะส่งข้อความไปที่บ้านของท่านว่า ครอบครัวจาร์เจส์รับประกันว่าจะรักษาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางของท่านเค้าท์เอง ไม่ว่าจะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านของท่านเองได้เลย” แฟร์ซอง : “ออสการ์” อังเดร : “ได้โปรดอยู่เถอะ เป็นเวลาเกือบ 7 ปี ฉันอยากฟังเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาด้วย” อังเดรก็ช่วยพูดด้วย แฟร์ซองได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซึ้งในน้ำใจของเขาทั้ง 2 มาก แฟร์ซอง : “ขอบคุณ ฉันถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนที่แสนวิเศษ ขอบคุณ! เมื่อฉันเดินทางไปที่สนามรบ ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องสละทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตของฉัน ฉันโชคดีจริงๆที่ยังมีชีวิตอยู่!” อังเดร : “มาดื่มฉลองกันอีกครั้ง แด่การกลับมาของเค้าท์แฟร์ซอง จากการเดินทางเป็นพันไมล์” อังเดรยกแก้วไวน์ขึ้นมา เพื่อเป็นการฉลองให้แฟร์ซอง ออสการ์ : “ใช่ เชียส” อังเดร : “เชียส” แฟร์ซอง : “ขอบคุณ” เช้าวันต่อมา ออสการ์ตื่นแต่เช้า ระหว่างแต่งตัวเธอมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นแฟร์ซองเดินเล่นอยู่ในสวนก่อนแล้ว เธอจึงตามไปสมทบ ออสการ์ : “ท่านตื่นเช้าจัง เมื่อคืนหลับสบายมั้ย แฟร์ซอง?” ออสการ์นั่งลงบนขอบของน้ำพุข้างๆแฟร์ซอง แฟร์ซอง : “แน่นอน หลับสบายดี! ฉันกลายเป็นคนตื่นเช้า ติดจากตอนไปสนามรบน่ะ ฉันยังคงไม่ลืมมัน” ออสการ์ : “อ๋อ นั่นสินะ ถ้าเป็นไปได้ ท่านควรจะบอกให้พระนางรู้ว่าท่านกลับมาแล้ว ฝ่าบาทคงเป็นห่วงท่านด้วยเหมือนกัน” แฟร์ซอง : “ฉันคิดว่า ไม่ช้าก็เร็ว ฉันตั้งใจจะกลับสวีเดนโดยที่ไม่เข้าพบพระนาง 7 ปีที่ฉันหนีไปจากพระนางอังตัวเน็ต ฉันขี้ขลาดและเห็นแก่ตัว และมันก็จบไปแล้ว ความรักมันจบลงไปแล้ว ฉันมาที่ฝรั่งเศสเพียงเพื่อตอกย้ำกับตัวเองว่า ฉันจะไม่ถูกเผาไหม้ด้วยความรัก ฉันจะไม่พัดถ่านไฟเก่าขึ้นมาอีก อย่างที่ท่านเสนอมา ฉันตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ซักหนึ่งหรือสองอาทิตย์ ถ้าฉันกลับไปที่บ้าน ทุกคนจะรู้เรื่องการกลับมาของฉัน ได้โปรด ออสการ์ อย่าบอกพระราชินีว่าฉันกลับมา” ออสการ์ : “ฉันเข้าใจ” ออสการ์พยักหน้าอย่างเศร้าๆ ระหว่างที่แฟร์ซองอยู่ที่บ้านของออสการ์ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ขี่ม้า ฟันดาบกับอังเดรอย่างสนุกสนาน แฟร์ซอง : “ฮ่าฮ่าฮ่า มาเลยอังเดร! แซงฉันเลย ถ้านายทำได้! ฮ่าฮ่าฮ่า” อังเดร : “ฮ่าฮ่าฮ่า” ออสการ์คอยเฝ้ามองแฟร์ซองอยู่ห่างๆ ด้วยความรัก ออสการ์ : “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า พระนางอังตัวเน็ตจะไม่อยู่ในหัวใจของแฟร์ซองแล้ว มันเป็นไปได้หรอ? แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง... ตอนนี้ แฟร์ซองอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว... ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันจะรักได้ ฮาน แอ็กเซล วอน แฟร์ซอง...” ออสการ์คิดในใจอย่างมีความหวัง ตอนบ่ายวันนั้นเขาทั้ง 3 นั่งดื่มชากันบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ออสการ์นั่งตรงข้ามกับแฟร์ซอง โดยที่อังเดรยืนอยู่ริมหน้าต่าง แฟร์ซอง : “เออนี่...ออสการ์ ฉันได้ยินมาว่าท่านได้รับการเลื่อนขั้นจากพันเอกเป็นพลจัตวา จากผลงานที่ยอดเยี่ยมเรื่องคดีสร้อยพระศอ แนนนี่บอกฉันเมื่อเช้านี้” ออสการ์ : “อืมใช่...” แฟร์ซอง : “ยินดีด้วยนะ! ฉันอยากจะเลื่อนขั้นให้เธอเป็นพลเอกเลยด้วยซ้ำ มันช่างน่าแปลกที่พระเจ้าสร้างเธอให้เป็นผู้หญิง ฮ่าฮ่าฮ่า” แฟร์ซองพูดแซวออสการ์อย่างอารมณ์ดี แต่ทันใดนั้นเอง มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งผ่านหน้าบ้านของออสการ์ ในรถม้ามีคนถือปืนไรเฟิล 2 กระบอก เล็งมาที่หน้าต่างบ้านของออสการ์ แล้วยิง กระสุนทะลุกระจกชั้นสองบริเวณเดียวกับที่อังเดรยืนอยู่ กระจกแตกกระจาย อังเดรเสียหลักล้มลงกับพื้น แก้วกาแฟกระเด็นหลุดออกจากมือ แต่เคราะห์ดีที่กระสุนนั้นพลาดเป้าไป ออสการ์ : “อังเดร เธอเป็นอะไรมั้ย?! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?!” ออสการ์รีบวิ่งเข้าไปดูอังเดรด้วยความเป็นห่วง อังเดร : “ไม่ ฉันไม่เป็นไร” แฟร์ซองรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง ว่าใครเป็นคนทำ แต่พวกมันก็หนีไปแล้ว แฟร์ซอง : “ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้?! พวกมันเป็นใครกัน!” อังเดร : “อาจจะเป็นแค่ประชาชนปารีสที่มาข่มขู่ก็ได้” แฟร์ซองได้ยินคำตอบนั้นก็รู้สึกแปลกใจมาก แฟร์ซอง : “ประชาชนหรอ? ทำไมล่ะ?” อังเดร : “ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ที่บ้านขุนนางคนอื่นๆก็ตกเป็นเป้าหมายเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดคดีสร้อยพระศอ ประชาชนก็พากันเกลียดชังขุนนางและราชวงศ์มากขึ้น แม้แต่ขุนนางบางคนก็ละทิ้งราชวงศ์ไปร่วมมือกับประชาชน” แฟร์ซอง : “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันเคยได้ยินมาบ้าง แต่...” อังเดร : “ในระหว่าง 7 ปีที่ท่านจากไป ปารีส แวร์ซายส์ และฝรั่งเศสก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป” แฟร์ซอง : “อะไรที่เปลี่ยนไป?! เปลี่ยนไปยังไง?!” แฟร์ซองไม่เคยรู้เลยว่า ระหว่างที่เขาไม่อยู่นั้น เกิดอะไรขึ้นในฝรั่งเศสบ้าง ในคืนนั้นเอง ออสการ์และอังเดรจึงพาแฟร์ซองขี่ม้าเข้าไปในเมืองปารีส เพื่อให้เขาได้เห็นว่า ฝรั่งเศสตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง ในเมืองปารีสยามค่ำคืน ชายเร่ร่อนตาเดียว ยังคงร้องเพลงที่เขาแต่งขึ้นจากชีวิตจริง ชายเร่ร่อนตาเดียว : “ยุคของขุนนางใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว พวกเราไม่ได้คิดว่าราชวงศ์คือทุกสิ่งทุกอย่างของฝรั่งเศส” เขา 3 คนขี่ม้าผ่านชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่กำลังรวมตัวกันอยู่ริมถนนในปารีส โดยมีผู้นำชาวบ้านคนหนึ่งยืนอยู่บนลังไม้ เขาคอยพูดปลุกระดมชาวบ้านคนอื่นๆ ผู้นำชาวบ้าน : “ถ้าพวกเรายังได้กินแต่อาหารแย่ๆ พระราชินีและพวกของมันก็ต้องได้กินอาหารแย่ๆด้วยเหมือนกัน!” ชาวบ้าน : “ใช่ มีแต่พวกมันที่ได้กินอาหารดีดี! ด้วยเงินภาษีของพวกเรา” “ใช่ๆ ถ้าพวกมันได้กินอาหารดีดี พวกเราก็ควรจะได้กินอาหารดีดีด้วยเหมือนกัน” ชายเร่ร่อนตาเดียว : “เมื่อวานนี้เด็กในเมืองแกรนด์วิลเลียตาย เด็กตายเพราะเขาไม่สามารถซื้อขนมปังได้ เมื่อวันก่อนผู้หญิงในเมืองเทมเปิ้ลตาย เธอตายเพราะทำงานหนักเพื่อดูแลลูกๆของเธอ ตายซะ! เจ้าพวกหมูอ้วนสมควรตาย!” พวกเขายังคงขี่ม้าไปรอบๆปารีส แต่แล้วแฟร์ซองก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพของพระนางมารีอังตัวเน็ตติดอยู่บนกำแพงโดยที่มีมีดสั้นเสียบอยู่บนรูป 2-3 เล่ม เขารีบลงมาจากหลังม้าแล้วเดินเข้าไปดึงมีดออกจากรูปนั้นด้วยความเศร้าใจ แฟร์ซอง : “มันเปลี่ยนไปแล้ว... ฝรั่งเศสเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อตอนที่ฉันอยู่ที่นี่ ราชวงศ์ยังคงเป็นที่รัก ถึงแม้ว่าจะถูกใส่ร้ายบ้าง แต่ประชาชนก็ยังรักราชินี” หลังจากที่พวกเขากลับมาที่บ้านของออสการ์ แฟร์ซองและออสการ์นั่งลงตรงหน้าเตาผิง แฟร์ซอง : “ออสการ์ ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะเข้าไปที่แวร์ซายส์ ตอนนี้ราชวงศ์กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤต ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้ เพื่อคนที่ฉันไม่สามารถที่จะลืมได้แม้ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม เพื่อคนที่ฉันรัก... คืออยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ฉันก็ไม่สามารถทนดูคนที่ฉันรักต้องประสบโชคร้ายได้!” ออสการ์พยักหน้าตอบอย่างช้าๆ เธอรู้ทันทีว่า พระนางมารีอังตัวเน็ตยังคงอยู่ในใจของแฟร์ซองเสมอ ความรักของพวกเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง |
Lady Oscar
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |