ปัญหาหลากหลายของการขายของออนไลน์ 2

การขายของออนไลน์ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ออเดอร์แรก ไม่เร็วมากที่จะได้มา หรือบางคนก็อาจจะได้มาด้วยระยะเวลาเพียงไม่นาน ก็อยู่ที่ เทคนิคและโอกาสของแต่ละคนที่เจอะเจอ หลากหลายปัจจัยที่ก่อเกิดขึ้นมา ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ ทำให้ประสบการณ์แต่ละคนแตกต่างกัน

"ไลน์สินค้าประจำแบบแรก"
กว่าจะรู้ว่าเราจะขายอะไรดีก็ไม่ง่าย เพราะทุกคนต่างมีความชอบก็จริงอยู่ แต่ความชอบมันหลากหลายและยากจะจัดสรรว่าอะไรชอบมากกว่าอะไร ก็มันชอบ ชอบ ชอบ ไปซะหมด กว่าจะได้ว่า "โอเค..ขายอันนี้แหละ" ก็ลองผิดลองถูกเยอะ อย่างตัวเราเองทีแรกก็คิดว่าจะขายกระเป๋า ไม่ใช่เพราะชอบมากสุด อย่างที่ว่ามันชอบไปหมดซะทุกอย่าง แต่ที่นำกระเป๋ามาขายเพราะว่าช่วงนั้นเจอแหล่งขายกระเป๋าที่ราคาพอนำไปขายต่อได้ แล้วคุณภาพก็โอเคด้วย เลยลองเอามาขายดู ผ่านไปประมาณนึงปรากฎว่า...."แห้ว".... อาจจะเพราะยังไม่มีใครหาเราเจอ หรือเรายังหาใครที่ชอบแบบนี้ไม่เจอ หรือเพราะมันไม่โดน!!! สักพักก็เริ่มหาของมาขายเพิ่มเติมนั้นก็คือผ้าพันคอแบบเก๋ๆ เรียบหรูดูดี ราคาพอประมาณ ก็ปรากฎว่า.....แห้วอีก.... ไม่เป็นไร...เซ็งๆ ตัวเองอยู่พักนึงก็ เริ่มหาสินค้าอย่างใหม่มาขาย

นั้นก็คือ....เสื้อ....เอ่อ...ทีแรกอยากจะพุ่งประเด็นไปขายเสื้อผ้าเลยนะ แต่ว่าเท่าที่สำรวจตลาดแบบว่า คนขายเยอะอ่ะ เยอะมาก แล้วเราจะสู้เขาได้เร๊อะ!!!! มันคือสิ่งหนึ่งที่สิงสถิตย์ในทุกเศษเสี้ยวสมองเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ลองเอาเสื้อผ้ามาขายดู ลองดู๊ ลองดู มันจะเสียหายซักแค่ไหนเชี๊ยว!!! ประเดิมด้วยผ้ายืดคอตต้อนสีสบายตาพิมพ์ลายน่ารักๆ มาในงบประมาณ 2000 กว่าบาท แบบว่าความกลัวมันทำให้ไม่กล้าลงทุนแยะว่างั้น

และก็ตามคาด เอามาลง...ขายไม่ออกเลยซักตัวอยู่ประมาณ 2 เดือน เงียบกริบ กริบมาก ยิ่งกว่าป่าช้าาาาา ก็ลองถอยหลังกลับมานั่งใช้สมองอันน้อยๆ คิดดูว่าทำไมขายไม่ออกซักตัวฟระ ==" มันก็สวยนะ (แหงล่ะเลือกมาเองก็ชอบเองก็ว่าสวยจิ) คิดไปหลายๆ อย่างก็จึงลองอะไรใหม่ๆ อย่างที่ใครๆ เขานิยมทำกันในเฟสบุ๊คเมื่อมเพจขายของ นั้นก็คือ โปรโมท ซึ่งแน่นอนเสียตังค์

ลองสักตั้งศึกษาวิธีการ แล้วก็ลองด้วยยอดเงินต่ำสุดที่ทางเฟสบุ๊คเขาอนุญาติคือ 30 บาทต่อวัน ก็เริ่มทำโฆษณา เริ่มมีคนเข้ามา เริ่มไปซื้อของมาเพิ่ม (ยังไม่ได้ขายสักตัว) ก็ซื้อเป็นกางเกงมาเพิ่ม ผ่านไประยะนึงเข้าเดือนที่ 3 ถึงเริ่มได้ออเดอร์แรก ตามที่เล่ามาครั้งก่อน ดีใจมว๊ากกกก ลดแลกแจกแถมไปกันสุดๆ อิอิ พอเริ่มขายได้ มีออเดอร์ทุกอาทิตย์ แต่ไม่ได้มีทุกวัน ก็เริ่มไปซื้อสินค้ามาเพิ่ม เพราะเพิ่งเป็นมือใหม่แถมไม่ได้เป็นคนที่ติดตามแฟชั่น ใส่แต่เสื้อยืด กุงเกงขาสั้นที่เดินไปเจอก็เลยซื้อ ไม่ได้ตามกระแสเลย เชยมว๊ากกกก สุดๆ คนนึง ก็ไปเจออะไรที่เห็นแล้วชอบก็ซื้อมา แล้วก็บังเอิญไปเจอร้านนึงขายเสื้อแบบลายทางเก๋มากๆ (ในความคิดตัวเอง) ก็เลยลองซื้อมาขายดู

ปรากฎว่าพี่ลูกค้าคนแรกเห็นก็ขอซื้อไป แล้วสักพักก็มีลูกค้าใหม่ๆ มาซื้อแบบเดียวกันอีก พอของเริ่มขายได้หน่อยก็เริ่มไปซื้อ อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ก็ไปซื้อแบบที่ขายได้มาอีกคนละสี คนละลาย และแบบใหม่ๆ มาด้วย แต่ปรากฎว่า แบบแรกขายดีมากๆ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าเสื้อทรงอะไร) พอไปซื้อของใหม่ทีก็จะต้องแวะไปเอาลายใหม่ๆ มาเป็นประจำแต่ยังเป็นแบบเดิมอยู่ จนได้เป็นแบบแรกที่เป็นแบบประจำกับร้านประจำของเราร้านแรก แต่ปัญหาคือเค้าขายดีมาก บางลายเราไปเอารอบสองก็หมดไม่มีแล้ว และเราเองยังทุนน้อยจะสต๊อกเยอะก็ยังไม่กล้า หลายต่อหลายครั้งที่เสียโอกาสขายเพราะของไม่มีพอ ^^

ก็เลยเริ่มเดินๆ ดูร้านอื่น ปรากฎว่ามีอีกร้านนึงเหมือนเป๊ะๆ กับร้านประจำ 1 ของเรา ยี่ห้อเดียวกันเลย ตอนหลังมาเข้าใจว่า อ๋อร้านนี้รับมาจากร้านประจำ 1 ของเรานี่เอง เราตั้งให้ร้านนี้เป็นร้านประจำ 2 ตอนนี้เริ่มซื้อของใหม่อาทิตย์ละครั้งแล้ว พอไปร้านประจำ 1 บางสีบางลายหมด เราก็จะมาซื้อจากร้านประจำ 2 ซื้ออยู่อย่างนี้สักพัก ไม่ได้ซื้อร้านอื่นเลยเท่าไหร่ เอาแต่แบบนี้มาขายเพราะขายดีสุด ร้านในเนตด้วยกันไม่มีแบบนี้เลย ถือว่าโชคดีของเรา แต่สักพักก็เริ่มมีปัญหาเล็กๆ กับร้านประจำ 2 เพราะเสื้อผ้าถ้ามีปัญหาปกติจะคืนได้ และทั้ง 2 ร้านก็บอกให้มาเปลี่ยนได้ แต่ร้านประจำ 2 เริ่มออกลาย เห็นเราไปซื้อทีละเยอะหน่อย พอตอนเปลี่ยนเริ่มไม่อยากให้เราเปลี่ยน แต่เราซื้อเยอะอย่างที่บอก มันไม่มีเวลาเช็คสินค้าได้ภายในวันสองวัน และบ้านก็อยู่ไกลต้องเอามาเปลี่ยน อาทิตย์ถัดไป แต่ยายป้าที่ขาย จากแรกๆ พูดดี๊ดี เริ่มขายดี เริ่มพูดแย๊แย่ เริ่มไม่อยากให้เปลี่ยน หาว่าเราเอาของที่ขายไม่ออกมาเปลี่ยน (ทั้งที่แทนที่เราจะได้เงินเพราะขายออก แต่เสียโอกาสขายต้องรอเอามาเปลี่ยน) เราเริ่มรู้สึกแย่กับร้านประจำ2 ตั้งแต่นั้นมาเลยเลิกไปร้านประจำ 2 มาซื้อประจำ 1 อย่างเดียว มีเท่าไหร่เอาเท่านั้น

จากมาซื้ออาทิตย์ละครั้งเริ่มมาอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ถือว่ามาบ่อยแต่ได้แบบใหม่ทันขายหน่อย ไปซื้อทีก็หมดเป็นหลักหมื่น เป็นช่วงรุ่งเรืองก็ว่าได้ เป็นแบบที่ขายดีมากๆ อยู่ช่วงหนึ่งไม่ว่าลายไหนมาก็ขายได้


" ลองรวมรายได้ครั้งแรก "
หลังจากขายมาเข้าเดือนที่ 5 เริ่มไปซื้อมาและขายไปเป็นวัฏจักรแล้ว พอครบเดือนลองรวมรายได้ทั้งเดือนดูว่า ขายได้ทั้งหมดเท่าไหร่ จากแรกๆ อาทิตย์นึงพอมีออเดอร์ มาเป็น มีออเดอร์ทุกวัน ก็ลองรวมๆ จากทุกบัญชีภายใน 1 เดือนนั้น .....ผลออกมาโอ้โห หัวใจพองโตมาก แบบว่ามีเงินเข้าบัญชีประมาณ 5หมื่นกว่าได้ เป็นอะไรที่ดีใจสุดๆ เลย แต่ไม่ค่อยมีเงินเหลือในบัญชีหรอก เพราะไปซื้อของใหม่ตลอด จากรายได้รวมต่อเดือน 5หมื่นกว่า ก็ขยับมาเป็น แสนกว่าในเดือนต่อมา เหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ในรายได้ก็มีรายจ่ายแฝงมากมาย ทั้งค่อวัสดุหีบห่อ ค่าจัดส่ง ค่าโฆษณา ค่าเดินทาง อะไรต่างๆ จิปาถะ แต่รวมๆ แล้วก็คุ้ม เพราะได้มีเงินใช้จ่ายค่าอุปโภคบริโภคดีขึ้นไม่ฝืดเคืองเหมือนตอนที่มีแต่เงินเดือน


" เพิ่มแนวการขาย "
หลังจากที่มีแบบประจำและร้านประจำ สักพักก็เริ่มมีลูกค้ามากหน้าหลายตาวนเวียนเข้ามา ทั้งที่มาแล้วอยู่ต่อไประยะนึง และมาแล้วก็ไป เป็นเรื่องธรรมดา และหนึ่งในนั้นก็มีลูกค้าที่ต่างไซส์ต่างขนาดที่มีความชอบเหมือนกัน ก็คือแบบที่เราขายอยู่ แต่น่าเสียดายที่แบบประจำของเราจากร้านประจำ1 มีแค่ไซส์เดียว จึงตอบสนองเราไม่ได้ทั้งหมดอีกต่อไป เราจึงเริ่มมองหาร้านอื่นที่ไซส์ต่างและแบบเดียวกัน (ยังคงยึดติดกับแบบเดิม) ก็เริ่มมองหาได้ 2 ร้าน ร้านแรกออกจะแพงไปหน่อย และตัดเย็บดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ก็มีบางลายที่เราต้องสต๊อกของเยอะมากเนื่องจากขายดี และอีกร้านเป็นร้านประจำมาจนถึงทุกวันนี้ เราเรียกร้านนี้ว่า ร้านประจำไซส์ใหญ่ คือใหญ่จริงอะไรจริง สำหรับสาวอวบเจ้าเนื้อตุ้ยนุ้ยทั้งหลาย ร้านนี้ได้เลย แบบใหม่ๆ ตัดเย็บดี มีปัญหาเอาไปเปลี่ยนไม่เคยวุ่นวาย และน้องที่ขายก็กันเองดีมาก ได้คุยกันหนุกหนานมาจนทุกวันนี้ ^^ และตั้งแต่นั้นมาทางร้านเราก็เริ่มขายด้วยเสื้อผ้าทั้ง สาวอวบและสาวไม่อวบ


" เงินมาเงินไป "
เมื่อเริ่มมีรายได้ที่เรียกได้ว่า เกือบมั่นคง คือ อย่างน้อยเฉลี่ยแล้วให้มีรายรับประมาณ 1แสนต่อเดือน เราก็เริ่มที่จะเก็บเงินบ้าง (ตอนแรกได้มาเท่าไหร่ก็เอาไปซื้อของมาสต๊อกหมด) เริ่มได้มา 3 เก็บ 1 ซื้อใหม่ 1 อีก 1 เอาไว้ใช้สอยตามอัธยาศัย ส่วนที่เก็บพอได้ก้อนหนึ่ง ก็เอาไปจ่ายค่าหนี้สินยิบย่อยต่างๆ ที่เราทยอยจ่ายทุกเดือนแต่ไม่หมดสักที หุๆๆ นั้นก็คือพวกบัตรต่างๆ ปกติก็จ่ายตลอดแต่ก็ใช้เรื่อย ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเป็นช่วงที่ใช้เยอะสุด เป็นหนี้เค้าอย่าหวงหนี้ อันนี้พ่อแม่สอนไว้ อิอิ


" ความสุขเล็กๆ น้อยๆ สิ่งแรกที่เกิดจากการขายของออนไลน์ "
พอทุกอย่างที่เคยตรึงเครียดอันเนื่องมาจากเรื่องเงินๆ ทองๆ เริ่มเบาลง เราก็เริ่มที่จะทำอะไรที่เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ชีวิตบ้าง อันนี้ไม่เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ซักเท่าไหร่ อิอิ เรื่องส่วนตัวล้วนๆ นั้นก็คือ ได้มีโอกาสออกรถใหม่ป้ายแดงมาคันนึง ให้พ่อและแม่ใช้ที่ต่างจังหวัด ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ ที่ได้เห็นพ่อแม่มีความสุข มันเหมือนเป็นความฝันของท่านเลยก็ว่าได้ เพราะมีเงินก็จริงแต่พวกท่านไม่กล้าซื้อ หุๆ เพราะมันแพงและเสียดายเงิน กลัวเวลาลูกๆ ติดขัดเรื่องเงินเดี๋ยวพ่อแม่ไม่มีจะแย่ (ความเป็นพ่อแม่ลูกโตแค่ไหนก็ยังห่วง) เรามีโอกาสได้ให้รถคันนี้กับพวกท่านรู้สึกมีความสุขมาก ที่ไม่ต้องเห็นพ่อกับแม่ขับมอไซค์ ตากแดด ขนของหนักๆ เยอะๆ พะลุงพะลัง ถึงใครจะบอกว่ามันเป็นภาระผูกพัน ก็ตามที มันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจและใฝ่ฝัน อยากให้พวกท่านใช้ชีวอตอย่างสุขสบายบ้าง เวลาที่เรากลับบ้านไปหาพ่อแม่ที สงสารเค้าต้องขับมอไซค์ตากแดดมารับ เราจะนั่งรถเข้าไป พวกท่านก็ว่าแพง ก็จะออกมารับเอง ^^ ทำให้ไม่อยากกลับบ้านเลย รู้สึกเป็นภาระต่อพวกท่านไม่จบไม่สิ้น เพราะบ้านอยู่ห่างตลาดตั้ง 12 กิโล และนอกจากนั้นที่บ้านขายของชำด้วย แม่เราจะได้มีรถไว้ไปขนของจากตลาดมาไว้ขาย ไม่ต้องจับทุกอย่างขนทุกสิ่งมาบนรถมอเตอร์ไซค์คันน้อยๆ อีก หอบหิ้วตุเลงๆ


" เริ่มหาเวลาให้ร้านมากขึ้น "
หลังจากขายมาได้เกือบปี เริ่มรู้สึกว่าขายเกือบดี คือมีลูกค้าทุกวัน แต่เราและแฟนทำงานประจำทั้งคู่ เราก็ทำงานเยอะขึ้น เครียดขึ้น เพราะงานประจำก็หนักหนา เป็นงานที่ต้องอยู่ด้วยตลอดเวลา ทำงานจันทร์-อาทิตย์ บางช่วง ข้ามวันข้ามคืนไม่ได้นอน นอนไม่ได้ นอนไม่หลับ เครียดสะสม ต้องไปหาหมอ และรับการรักษาด้วยการกินยาอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมากจาก โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นต่อเนื่องมานาน แต่ช่วงหลังอาการเริ่มเยอะ จนทนไม่ไหวต้องไปหาหมอ บวกกับงานประจำมันก็เครียด เราต้องทำอะไรที่กดดันมากหลังๆ เพราะด้วยอาการไม่สบายมันมีผลต่อการทำงาน ความคิด ระบบความความคิดและสมอง จนท้ายที่สุดคิดที่จะออกจากงานมาดูแลร้านอย่างเดียว แรกๆ แค่คิด แต่สักพักก็ต้องทำจริงๆ เพราะเครียดมาก บางวันเครียดจนไม่อยากขายของ นั่งทำงานไปร้องไห้ไป ปวดหัวจนลุกนั่งไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องบอกกับทางเจ้านายว่า ขอลาออกไปทำร้านขายของอย่างเดียว ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เค้าก็เหมือนเข้าใจ และเราก็ได้ทำงานแบบงานประจำถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเดือนสุดท้าย แต่ตอนนี้ยังมีงานเก็บตกส่งมาให้เราทำเรื่อยๆ แต่ไม่รู้เค้าคิดเงินให้ยังไง ทีแรกบอกทำครึ่งเดือน ก็จะให้เงินครึ่งเดือน แต่ผ่านช่วงครึ่งเดือนมาแล้วไม่เห็นมีเงินเข้าบัญชี และไม่เห็นเค้าว่ากระไร เราเองก็ไม่ได้ทวง เดี๋ยวจะหาว่าหน้าเงิน ก็กะจะให้ถึงสิ้นเดือนก่อนถ้าไม่มีเงินเข้าบัญชีมาถึงจะลองถามดู เงินอ่ะ ทำงานก็หวังเงินอ่ะน๊อะ ^^ หลังจากไม่ต้องไปเข้าออฟฟิต ไม่ต้องไปประชุม ไม่ต้องไปหาลูกค้าแล้ว เกือบเดือนที่ผ่านมา เราก็มีเวลามากขึ้น ได้ทำนู่นทำนี่ในบ้าน ได้ไปไหนมาไหนได้อิสระ โดยไม่ต้องกังวลเหมือนเมื่อก่อน นอนหลับสบาย หลับง่าย หลับได้หลับดี อิอิ มีเวลาก็นั่งปรับสต๊อกเพราะขายบนเฟสบุ๊คไม่มีระบบสต๊อกอัตโนมัติให้เรา หาเวลาทำเว็บร้านค้าออนไลน์ของตัวเองให้เสร็จ (ตอนี้ยังไม่เสร็จ ทำมาปีกว่าแล้ว อิอิ)


" มองหาอนาคต "
ตอนี้ก็กำลังคิดปรับปรุง สินค้าและบริการ ด้วยเดิมทีเป็นคนชอบงานประดิษฐ์ประดอยถึงหน้าตาท่าทางจะไม่ให้แต่ใจชอบ....


ขอค้างเอาไว้ตรงนี้ก่อน ครั้งหน้าจะมาบอกเล่าต่อว่ามองหาอนาคตแล้วเจออะไรบ้าง วันนี้ต้องออกไปรับคุณแฟนที่ปากซอยก่อน อีกหนึ่งสิ่งที่ทำได้และได้ทำเมื่อไม่ต้องทำงานประจำ ก็มีเวลาไปรับ-ส่งแฟน ปากซอย และหาอะไรอร่อยๆ หม่ำกัน 2 คนกุ๊งกิ๊ง ...... น่าอิจฉาน๊อะ ^^




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555
2 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 18:04:14 น.
Counter : 3566 Pageviews.

 

คุณเจ๋งมาก

 

โดย: รุ้งปลายฟ้า 22 พฤศจิกายน 2555 20:00:28 น.  

 

ยินดีด้วยกับความสำเร็จนะคะ

 

โดย: Maetubtim 22 พฤศจิกายน 2555 21:36:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


SK_KS
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
22 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SK_KS's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.