บริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย

ได้โอกาสอันดี บริจาคเลือดคราวนี้บังเอิญได้พกกล้องมาด้วย เลยถือโอกาสถ่ายรูปมาซะหน่อย วันนี้มาบริจาคเลือดที่กาชาด ถนนอังรีดูนังต์ แต่ก่อน(2-3ปีที่แล้ว)ยังใช้ตึกเก่าอยู่ เดี๋ยวนี้ใช้ตึกใหม่แล้ว สวยงามอลังการ



เข้ามาด้านในกว้างเลย สามารถมาบริจาคได้ทุกวัน ตามเวลาทำการนี้
วันจันทร์-พุธ,ศุกร์ 8.00-16.30น.
วันพฤหัส 7.30-19.30น.
เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.30-15.30น.

**ตั้งแต่วันที่ 1เมษายน2551 เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนโลหิตระยะยาว จึงขยายเวลาเพิ่มในวันอังคารเป็น 7.30-19.30น.



หันไปทางขวาจะเจอกะประชาสัมพันธ์



สำหรับผู้มาครั้งแรกไม่ต้องกลัวงง จะมีขั้นตอนตามนี้ หรือถามเจ้าหน้าที่ได้ถ้าสงสัยว่าต้องไปไหนต่อ จนท.ที่นี่ใจดีทุกคน



คุณสมบัติของผู้บริจาคเลือดมีดังนี้ (ที่มา//www.redcross.or.th/donation/blood_wholeblood.php4)
1. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์
2. น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป สุขภาพทั่วไปสมบูรณ์ดี
3. ไม่มีประวัติโรคตับอักเสบ หรือดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
4. ไม่เป็นไข้มาเลเรียมาในระยะ 3 ปี ที่ผ่านมา และไม่เป็นกามโรค โรคติดเชื้อต่าง ๆ ไอเรื้อรัง ไอมีโลหิต โลหิตออกง่ายผิดปกติ โรคเลือดชนิดต่าง ๆ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคลมชัก โรคผิวหนังเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
5. ไม่อยู่ในภาวะน้ำหนักลดมากในระยะสั้น
6. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ หรือสำส่อนทางเพศ ไม่มีประวัติติดยาเสพติด
7. งดการบริจาคโลหิตภายหลังผ่าตัด คลอดบุตรหรือแท้งบุตร 6 เดือน (ถ้ามีการรับโลหิตต้องงดบริจาคโลหิต 1 ปี)
8. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์


ดูแลตัวเองก่อนมาบริจาคโลหิต
*ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
*ควรมีสุขภาพสมบูรณ์ดีทุกประการไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาใดๆ
*ควรรับประทานอาหารมาก่อน และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีไขมัน
*งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมาบริจาคอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
*งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี
*สุภาพสตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์
*การบริจาคโลหิตครั้งต่อไปเว้นระยะ 3 เดือน ยกเว้นการบริจาคพลาสมาหรือเกล็ดโลหิต


ผู้บริจาคโลหิตโปรดทราบ ท่านที่มีประวัติดังต่อไปนี้ ควรงดการบริจาคโลหิตคือ
*ท่านหรือคู่สมรสของท่าน เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงหรือชาย ที่ขายบริการทางเพศ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา
*เคยเป็นผู้ที่เสพยาเสพติดโดยใช้เข็มฉีดยา
*รู้ตัวว่าติดเชื้อเอดส์


มาถึงเราก็ต้องไปเอาใบเขียวๆ มากรอกให้เรียบร้อย (สำหรับคนมาครั้งแรกต้องไปกรอกใบฟ้า -ถ้าจำไม่ผิด- ซึ่งจะอยู่อีกจุดนึงใกล้ๆกันเลย ที่มีป้ายสีดำๆติดบอกอยู่ขวามือในรูป) แถวๆที่กรอกฟอร์มจะมีที่ชั่งน้ำหนักด้วยอยู่ ใครไม่ถึง45กิโลก็อด



แต่ถ้าใครสนใจเป็นอาสาสมัครบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต(สเตมเซลล์)ด้วย ก็จะมีใบสีขาวๆ ให้กรอกก็กรอกแล้วถือคู่มากะฟอร์มเลย (ถ้าใบหมดก็ถามจนท.โดยตรงเลยได้) สำหรับโรคซึ่งสามารถรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต มักได้แก่โรคซึ่งผู้ป่วยเกิดมีความผิดปกติของ stem cells ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งถ้ารุนแรงมากพอก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ตัวอย่างของโรคดังกล่าวได้แก่ โรคไขกระดูกฝ่อ (aplastic anemia) มะเร็งเม็ดโลหิตขาวทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง (acute and chronic leukemia) เนื่องจากเป็นโรคของ stem cells การรักษาที่ได้ผลที่สุดจึงได้แก่การเปลี่ยน stem cells ที่ปกติให้กับผู้ป่วย นอกจากนี้โรคซึ่งไม่ได้เกิดกับ stem cells แต่ก็สามารถให้การรักษาด้วยการปลูกถ่าย stem cells ได้แก่มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็ง myeloma มะเร็งเต้านม และโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ //www.redcross.or.th/pr/pr_news.php4?db=3&naid=378)


แต่ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนที่เราจะสามารถบริจาคสเตมเซลล์ให้ได้ แค่1ใน10,000คนเท่านั้นที่จะมีสเตมเซลล์ตรงกัน ฉะนั้นจึงต้องมีการเก็บตัวอย่างเลือดเราเอาไว้ เมื่อวันไหนมีผู้ป่วยที่ต้องการสเตมเซลล์แล้วตรวจพบว่าตรงกะของเรา เค้าจึงเชิญเราไปบริจาคสเตมเซลล์ให้กะผู้ป่วยท่านนั้น การที่เราเป็นอาสาสมัครบริจาคสเตมเซลล์นี้จึงเพียงแค่ให้เค้าเก็บตัวอย่างเลือดไปเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อนเท่านั้น


ณ โอกาสนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านไปบริจาคเลือดและเป็นอาสาสมัครบริจาคสเตมเซลล์ด้วยเลย เพราะจะได้มีโอกาสช่วยผู้ป่วยโรคร้ายแรงต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นให้มีชีวตอยู่รอดต่อไป

ต่อๆ กรอกเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่2 เราก็ต้องไปกดปุ่มรับเบอร์รอคิว (ตามรูป) ซึ่งจะอยู่ใกล้กะห้องแรก (มีติดป้ายหน้าห้องว่าห้องหมายเลข1-2) แล้วก็มานั่งรอตามรูปเบลอๆ นี้ ด้านในลึกๆ โน่นก็มีที่นั่ง


เมื่อถึงคิวเรา ก็เข้าไปยื่นฟอร์มที่กรอกแล้วพร้อมบัตรประจำตัวผู้บริจาคให้จนท. จนท.จะวัดความดันแล้วกรอกลงฟอร์มของเรา เสร็จก็ไปเจาะปลายนิ้วตรวจเลือดว่ามีความเข้มข้นพอที่อีกโต๊ะ (ไม่เจ็บเลยจริงๆ) เมื่อเสร็จขั้นนี้ ก็จะได้รับยาธาตุเหล็กมาเก็บไว้เลย (สำหรับคนที่เป็นโลหิตจาง เค้าก็จะให้ยาธาตุเหล็กมาแต่ไม่ให้บริจาค คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงพอก็จะไม่ผ่านในขั้นตอนนี้เช่นกัน)



จบขั้นตอนที่2 ก็จะไปยื่นฟอร์มและบัตรประจำตัวที่ขั้นตอนที่3 ไม่ต้องทำอะไร จนท.จะทำอะไรต่างๆ ของเค้าเอง ยกเว้นมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่หรือเบอร์เค้าก็จะสอบถามนิดหน่อย เสร็จแล้วก็ขึ้นไปบริจาคเลือดกันเลย (สำหรับอาสาสมัครบริจาคสเตมเซลล์ก็แวะที่ประชาสัมพันธ์เพื่อกรอกข้อมูลแปบนึงก่อน)



พอขึ้นชั้น2มา ก็ไปกดรับบัตรคิวรอคิวที่หน้าห้องบริจาคเลือด ด้านนอกมีเก้าอี้ให้นั่งมากมาย ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์นี่นั่งกันเต็มต้องยืนเลยนะ คนไทยมีจิตใจงดงามจริงๆ >.<



นี่ที่นั่งด้านใน นั่งกันเป็นระเบียบเชียว (ยกเว้นเด็กคนนั้น^^) มองเข้าไปเห็นผู้ใจบุญกำลังนอนให้เลือดมากมาย เมื่อถึงคิวเบอร์เราก็เดินเข้าไปได้เลย



เข้าไปแล้วเราก็เลือกได้ว่าจะให้เจาะแขนไหน ขวาหรือซ้าย เมื่อเตียงแขนฝั่งที่เราต้องการว่างก็โดดขึ้นเตียงได้เลย วันที่ไปมีพระมาบริจาคเลือดด้วย



แล้วก็จะมีจนท.ถือถุงถือเข็มมาเตรียมสูบเลือดเราไป เข็มเล็กนิดเดียว เจ็บเหมือนยุงกัดแปบเดียวเท่านั้น (โดนมีดบาดยังเจ็บมากกว่าเยอะ) แล้วเราก็บีบแท่งเงินๆ ที่เค้าให้มาเพื่อให้เลือดไปอยู่ในถุงให้ไวขึ้น เหล่าจนท.ก็ทำงานกันอย่างขมักเขม้น



อันนี้โต๊ะวางอุปกรณ์ต่างๆ



อันนี้ตาชั่ง ชั่งถุงเลือดเรา เมื่อถุงเลือดเต็มถึงที่ต้องการแล้วมันก็จะดังปิ๊บๆ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ



ข้อปฏิบัติหลังบริจาคโลหิต
*นอนพักบนเตียงอย่างน้อย 3-5 นาที ห้ามลุกจากเตียงทันที จะเวียนศีรษะเป็นลมได้
*ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีบริการให้ และดื่มน้ำมากกว่าปกติเป็นเวลา 2 วัน
*ไม่ควรรีบร้อนกลับ นั่งพักจนแน่ใจว่าเป็นปกติ
*หากมีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมระหว่างลุกจากเตียงหรือขณะเดินทางกลับ ต้องรีบนั่งก้มศีรษะต่ำ ระหว่างเข่าหรือนอนราบ เพื่อป้องกันอันตรายจากการล้ม
*หากมีโลหิตซึมออกมา ให้ใช้นิ้วมือ 3 นิ้ว กดลงบนผ้าก๊อสหรือพลาสเตอร์ที่ปิดรอยเจาะ ให้นิ้วหัวแม่มือกดด้านใต้ข้อศอกและยกแขนสูงจนโลหิตหยุดสนิท หากโลหิตไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคเพื่อพบแพทย์พยาบาล
*งดออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากภายหลังการบริจาคโลหิต ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูงหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพักหนึ่งวัน
*รับประทานยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละ 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
*หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการบวมช้ำ


หลังจากนอนพักเรียบร้อยแล้ว เมื่อร่างกายพร้อมก็ลุกไปหม่ำกันต่อเลย เดินออกจากห้องที่เราให้เลือดก็ผ่านส่วนที่เรานั่งรอเมื่อกี้ เดินตรงเข้าไปอีกห้องเลย เมื่อมาถึงเราก็ไปเอาถาดขนมน้ำได้เลย (บางทีจะมีจนท.ยกมาให้)



วันนี้ขนมเปลี่ยนรสแล้ว แต่ชอบรสเดิมถุงส้มมากกว่า >.< มียาดมด้วยวันนี้ วันนี้เจอแต่ของแปลกใหม่ เราสามารถขอน้ำหรือขนมเพิ่มได้เต็มที่ตามต้องการ แต่ควรจะพักให้เต็มที่แล้วถ้าหากร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังบริจาคก็ไม่ควรไปเดินเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะเรากะพี่เคยไปเดินพันทิปเพื่อซื้อของฝากคนไทยในต่างแดน ก็ถึงกะหน้ามืดล้มนั่งพับเพียบกันเลยทีเดียว กิจกรรมที่พอจะทำได้ก็คือนั่งดูหนังกินข้าวอะไรทำนองนี้จะดีกว่า



มีอะไรมาตั้งแจกอยู่ด้วย



นึกว่าต้องเสียตัง ที่แท้ฟรีเพราะพอลุกไปเอาพลาสเตอร์จากจนท.ผู้อาวุโส2ท่านนี้ ก็พยายามให้เราไปเอาน้ำนั่นมากินฟรี



เราก็ไม่ขัดศรัทธาเลยเอามา2ขวดแบ่งกะผู้ร่วมอุดมการณ์ ถ้าผู้หญิงเค้าจะให้ขวดฟ้า ผู้ชายขวดสีน้ำตาล ขวดฟ้า 38บาท อีกขวด 68บาท แพงจริงๆ แต่ขวดสีน้ำตาลใหญ่กว่านิดหน่อย กินเข้าไปก็รสประหลาดสิ้นดี เค้าบอกว่ากินแล้วจะทำให้เราจดจำได้ดีขึ้น ใช้สมองได้ดีขึ้นประมาณนี้ จริงเปล่าไม่รู้ แต่รสแย่นี้ของจริง^^ (แต่คงกินเพื่อประโยชน์ไม่ใช่เพื่อรสชาติ)



ก่อนกลับ เห็นผู้ชายคนนี้แล้วอยากยกนิ้วโป้งให้แล้วบอกว่า เทพจริงๆพี่!!!!



สำหรับคนที่อยากบริจาคเลือดแล้วไม่สะดวกไปถนนอังรีดูนังต์ ก็มีจุดรับบริจาคที่อื่นอีกตามนี้

*สวนจตุจักร ทุกวันเสาร์ (รถจอดริมถนนพหลโยธิน) 10.00-15.00 น.
*สนามหลวง วันอาทิตย์ (รถจอดบริเวณด้านหน้ากรมศิลปากร) 09.00-14.00 น.
*ตลาดนัดธนบุรี (สนามหลวง 2) ทุกวันอาทิตย์ สัปดาห์สุดท้ายของเดือน (รถจอดหน้าสำนักงาน) 10.00-15.00 น.
*มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก ทุกวันจันทร์และวันอังคาร (รถจอดบริเวณข้างหอสมุดด้านคณะนิติศาสตร์) 10.00-15.00 น.
*สถานีกาชาด 11"วิเศษนิยม" บางแค ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี (รับบริจาคโลหิตภายในอาคาร ข้างฟิวเจอร์ปาร์ค บางแค) 09.00-15.00 น.

*ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
ทุกวันอาทิตย์สัปดาห์ที่สองของเดือน
(รับบริจาคโลหิตภายในอาคารหน้าร้าน S.B. เฟอร์นิเจอร์ ชั้น 2)
13.00-17.00 น.

*ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
ทุกวันศุกร์และวันเสาร์สัปดาห์ที่สามของเดือน
(รับบริจาคโลหิตบริเวณลานโยโย่ ชั้น 3)
13.00-17.00 น.

*ห้างสรรพสินค้า Big C สาขาบางพลี
ทุกวันเสาร์สัปดาห์ที่สองของเดือน
(รับบริจาคโลหิตบริเวณด้านหน้าห้าง)
13.00-17.00 น.

*ห้างสรรพสินค้า Big C สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์
ทุกวันเสาร์สัปดาห์สุดท้ายของเดือน
(รับบริจาคโลหิตบริเวณชั้น 2 หน้าซุปเปอร์ Big C )
13.00-17.00 น.

*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า โทร.0-2468-1116-20
*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ สถาบันพยาธิกรมแพทย์ทหารบก รพ.พระมงกุฎเกล้า โทร.0-2245-8154
*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ รพ.ตำรวจ โทร. 0-2252-8111 ต่อ 4146
*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ รพ.รามาธิบดี โทร. 0-2246-1057-87
*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช โทร.0-2531-1970-99 ต่อ 27109-10
*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล โทร. 0-2243-0151-64
*สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ (ในวันและเวลาราชการ)


ข่าวฝาก - ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เร่งแก้ปัญหาวิกฤตโลหิตสำรองขาดแคลน ส่งรถบริการรับ-ส่งผู้บริจาคโลหิต ตามหน่วยงานต่างๆในกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ภายในรัศมี 10 กม. และมีผู้ประสงค์บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มาบริจาคโลหิต ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โทรศัพท์ 0 2252 1637 , 0 2252 1601, 0 2263 9600 ต่อ 1770,1771


ก็อยากให้ทุกคนที่ร่างกายพร้อมมาบริจาคเลือดกัน และก็อย่าลืมเป็นอาสาสมัครบริจาคสเตมเซลล์ด้วยเลย ไหนๆก็มาบริจาคแล้วอย่าให้เสียเที่ยว^^

Create Date : 20 มีนาคม 2551		4 comments
Last Update : 22 มีนาคม 2551 12:39:33 น.
Counter : 1148 Pageviews.
Share Tweet