สัจจะนั้นมีเพียงหนึ่ง แต่หนทางรู้ซึ้งนั้นมีหลากหลาย...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
22 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
๐ ความหมายของชีวิต ?


     เมื่อครั้งที่เสิ่นอิ่นซู่แม่ทัพใหญ่แห่งรัฐฉู่ยังเป็นเด็กอยู่นั้น ท่านได้ถูกซินแซหมอดูนิรนามท่านหนึ่งซึ่งเชื่อว่า เด็กหนุ่มที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้จะเป็นบุคคนที่ถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ทักเอาไว้ว่า...

     "น้องชาย... ในภายภาคหน้าเจ้าจะได้เป็นใหญ่ ฟ้าลิขิตชีวิตเจ้ามาเช่นนั้นแล้ว"


      เสิ่นอิ่นซู่ จึงหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า...


      "ฮ่าๆๆ ท่านลุง อย่าเห็นข้าเป็นเด็กอมมือไปหน่อยเลย ข้าไม่เชื่อท่านหรอก บิดาข้าบอกว่า ชะตาชีวิตอยู่ในกำมือของเราเอง ขอเพียงมีความเพียร ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองได้"


      ซินแซท่านนั้นจึงกล่าวตอบว่า

     "ถ้าเช่นนั้น เจ้ามาพนันกับข้าไหม ว่าระหว่างเจ้ากับข้าใครจะทำำนายได้แม่นกว่ากัน..."


      หมอดูท่านนั้นจึงโยนหิน ทำนายชะตาชีวิตของแม่ทัพเซิ่นต่อไปว่า


     "น้องชายมิได้ถือกำเนิดในตระกูลที่ร่ำรวยนัก แต่ก็ถือว่าชีวิตไร้ที่กังวล
      เมื่อตอนที่น้องชายมีอายุ 18 เจ้าจะได้พบกับเหตุร้ายที่ทำให้นองเลือด หากผ่านพ้นช่วงนั้นได้ จะมีผู้ใหญ่มาให้การสนับสนุนเจ้า ทว่าเมื่อเจ้าอายุ 41ปี เจ้าจะได้พบกับบุคคลที่เป็นอุปสรรค์ในชีวิตเจ้า ข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่สามารถพ้นเคราะห์ภัยครั้งนั้นไปได้..."


      แต่นั้นมาแม่ทัพเซิ่น ก็เก็บความสงสัยไว้ในใจมาตลอดเวลาว่า หากชีวิตคนเราถูกกำหนดเอาไว้แล้ว คนเราเกิดมามันจะมีความหมายอะไรกัน ดังนั้นแม่ทัพเซิ่นจึงใช้ชีวิตอยู่อย่างท้าทายโชคชะตาของตนเอง


     หลังจากนั้น เมื่อตอนที่แม่ทัพเซิ่น อายุได้ 18ปี ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียงทหารดูแลม้าคนหนึ่ง วันหนึ่งได้ติดตามฉู่อ๋องเข้าไปในป่า แล้วเกิดพลัดหลงกับขบวนทัพใหญ่เข้า จึงได้ต่อสู้กับเสือตัวหนึ่งจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็เอาชนะมาได้ พอฉู่อ๋องมาเห็นเข้า จึงชื่นชมในความกล้าหาญของแม่ทัพเซิ่น เลยตั้งแม่ทัพเซิ่นเป็นนายทหารเอก และด้วยความสามารถในการรบ ประกอบกับความทะเยอทะยานที่อยากจะเอาชนะชะตาชีวิตของตนเองให้ได้ จึงได้ไต่เต้าขึ้นมาจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉู่


     และเมื่อครั้งที่แม่ทัพเซิ่นอายุได้ 41ปี นั้น ก็ได้ทำสงครามกับซุนวูหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายนั้นถูกซุนวูล่อให้ออกจากค่าย แล้วใช้ให้ใส้้ศึกลอบเผาค่ายทิ้ง หนำซ้ำทัพของตนเองยังติดอยู่ในระหว่างทัพกระหนาบอีก ท่ามกลางสงครามที่มองไม่เห็นหนทางชนะ และทหารกำลังเสียขวัญอยู่นั้น แม่ทัพเซิ่นจึงบังเกิดความท้อใจขึ้นมา ในขณะที่กำลังนอนหมดแรงอยู่นั้น ก็ได้นึกถึงความหลังเืมื่อครั้งหมอดูทำนายชีวิตของตนเองเอาไว้ เลยกล่าวกับทหารเลวคนหนึ่งว่า


     "พอแค่นี้เถอะ อู๋จี้พี พวกเราพ่ายแพ้ให้แก่ซุนวูแล้ว ฟ้าลิขิตให้แคว้นฉู่ ของเราต้องล่มสลายเพียงเท่านี้แล้ว"


     อู๋จี้พี จึงตอบกลับไปว่า


     "ท่านแม่ทัพ!! ตอนนี้ท่านกำลังพูดอะไรอยู่... ทหารทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อบ้านเมือง แต่เหตุใดท่านถึงมากล่าวคำพูดทำลายขวัญกำลังใจเช่นนี้เล่า "


      แม่ทัพเซิ่นจึงกล่าวว่า


     "ข้าได้พยายามมาแล้วอย่างมากมาย สุดท้ายข้าก็เปลี่ยนลิขิตของฟ้าไม่ได้ แล้วชีวิตมันจะมีความหมายอันใด..."


     อู๋จี้พีได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับว่า


     "ท่านแม่ทัพ ชะตาฟ้าลิขิตที่ท่านพูด ข้าไม่เห็นเข้าใจสักนิ!ด ข้าทราบแต่เพียงว่า ความตายถูกกำหนดมาแล้วสำหรับคนทุกคน ข้าไม่สนใจว่าชีวิตเกิดมาจะมีความหมายอันใด เพราะมันเป็นสิ่งที่คนเราเลือกไม่ได้ แต่เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต้องยืนหยัดดำเนินชีวิตไปทุกวัน ขอเพียงมีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิใจ ไหนเลยจะต้องไปสนใจความหมายของชีวิต..."


     แม่ทัพเซิ่นได้ฟังดังนั้น ก็เข้าใจปัญหาที่ค้างคาใจตัวเองมาตลอดอย่างถ่องแท้  ว่าความหมายของชีวิตนั้น มิได้อยู่ที่ว่ามันจะเกิดมาอย่างไร และจะจบลงตอนไหน แต่มันอยู่ที่ช่วงเวลาแห่งการดำเนินชีวิตต่างหาก ขอเพียงยืนหยัดดำเนินชีวิตอย่างภาคภูมิใจไปทุกวัน ชีวิตก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายนั่นเอง!


     เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงลุกขึ้นจับดาบอีกครั้ง... แล้วปลุกระดมทหารที่เหลือให้สู้ตายกับทัพของซุนวู แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับกองทัพของซุนวู และแม่ทัพเซิ่นเองก็ตายในสงครามครั้งนี้เช่นกัน


     ซุนวูซึ่งเป็นผู้บัญชาการรบถึงกับออกปากชมว่า

     "เสิ่นอิ่นซู่ เป็นศัตรูที่กลัวจริงๆ ขนาดจนมุมแล้วยังฮึดสู้ได้อยู่อีก"


     ระหว่างที่สงครามครั้งนี้ดำเนินไปนั้น มีทหารล้มตายไปมากมาย นับเป็นสงครามที่มีคนตายมากที่สุด ตั้งแต่ซุนวูบัญชาการรบมาเลยก็ว่าได้ และภายหลังเมื่อนึกถึงภาพของสงครามฉากนี้ ซุนมักใช้คำว่า "สลด" ในการเปรียบเปรย


     ภายหลังจากที่สงครามเสร็จสิ้นแล้ว ซุนวูก็พาทหารออกมาเที่ยวหาศพของแม่ทัพเสิ่น แต่ทว่าก่อนหน้าันั้นแม่ทัพเซิ่นได้สั่งเสียให้ทหารเลวคนหนึ่งที่ยังพอมีกำลังอยู่ ตัดเอาหัวตัวเองนำกลับไปมอบให้เจ้าเมืองฉู่ก่อนแล้ว เพื่อป้องกัีนไม่ให้ศัตรูนำหัวของตนไปปลุกความฮึกเฮิมให้กับกองทัพนั่นเอง


     เมื่อซุนวูมาพบศพของแม่ทัพเซิ่นในสภาพที่หัวขาดเข้า จึงกล่าวว่า...


     "เสิ่นอิ่นซู่ ช่างเป็นยอดนักรบที่กล้าหาญ ทั้งยังเป็นศัตรูที่น่าเลื่อมใส หากท่านมิได้เกิดในแคว้นฉู่แล้ว เราอาจเป็นสหายร่วมดื่มสุรากันได้แน่...."


    จากการ์ตูน พิชัยยุทธ์ซุนวู  เล่มที่ 4  สนพ. บูรพัด คอมมิค










Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2553 1:12:03 น. 0 comments
Counter : 782 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สหายกุนเชียง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]







บ่นเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ครั้งที่ 60
ตอน - ความสุขของความรัก
.........คือการได้รัก

ทำไม? คนเราถึงอยากมีคนรัก
นั่นเพราะอยากมีความสุข
ในเมื่อที่การได้รักใครสักคน
มันก็ทำให้มีความสุขอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องไปอยากรู้
หรือไปใส่ใจอะไรอีก 
ว่าใครรัก ใครไม่รัก
เขารักใคร ใครรักเขา ฯลฯ

กับหัวใจที่เต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ดวงนี้ 
มันดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังใช้รักใครได้อยู่...

13/08/55







เพลงพวกนี้.........
ผมชอบทุกเพลงครับ
แต่ละเพลงฟังมานานแล้ว
และจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
เพราะฟังกี่รอบๆ ก็ไม่เบื่อ
ว่างๆมานั่งฟังเป็นเพื่อนกันเถอะ
แล้วจะติดจาย~* ^___^



MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






free counters


Website counter

Friends' blogs
[Add สหายกุนเชียง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.