|
๐ วิกฤติคือโอกาสทอง
ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคนหนึ่ง เลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว ด้วยความโง่ของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง มันร้องครวญคราง อยู่เป็นเวลานาน ชาวนาเอง ก็พยายามใคร่ครวญ หาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา...
ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้ว อีกอย่าง บ่อนี้ก็ต้องกลบไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้าน เพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่ว ตักดินสาดลงไปในบ่อ ครั้งแรก เมื่อดินถูกหลังลา มันตกใจ และรู้ชะตากรรมของตนเองทันที มันร้องโหยหวน สักพักหนึ่ง ทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป...
หลังจากชาวนาตักดินใส่บ่อได้สักสองสามพลั่ว เมื่อเหลือบมองลงไปในบ่อ ก็พบกับความประหลาดใจ ที่ลามันจะสะบัดดินออกจากหลังทุกครั้งที่มีผู้สาดดินลงไป แล้วก้าวขึ้นไป เหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคน พยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาเร็วได้มากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจในที่สุด เจ้าลาสามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาหาเรา ก็เปรียบเหมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้ จงแก้ไขมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเหมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ ฉันใด ฉันนั้น
อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน เราก็ต้องประสบกับโลกธรรมแปดเป็นธรรมดา คือ ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ แต่เมื่อเรามีทุกข์ มีปัญหา หรือต้องประสบกับวิกฤติหนักหนาสาหัสแค่ไหน ก็ให้อาศัยขันติ มีความอดทน
เมื่อมีความทุกข์ หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด ตั้งสติใช้ปัญญา อาศัยอดทน อดกลั้น หยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ก่อน ไม่ต้องคิดที่จะแก้ปัญหาภายนอก
ขอบคุณบทความจาก หนังสือ...มีขันติ คือ ให้พรแก่ตัวเอง
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 13:57:57 น. |
|
1 comments
|
Counter : 644 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตาตั้ม IP: 125.26.5.112 วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:13:29:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|