เมื่อฉันแก่ตัวลง
แม่อ่านเจอมาก เลยขออนุญาติเจ้าของเรื่องขอเก็บไว้บ้าง
อยากให้หนูได้อ่านบ้าง
เผื่อในวันหนึ่ง หนูอาจจะรู้สึกแบบนี้บ้าง
ถ้าถึงวันนั้น อดทนกับแม่หน่อยนะ

***เมื่อฉันแก่ตัวลง***

อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับ ผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน
เป็นเรื่องเล่าของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตระเวน ทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
แม้ผมจะเติบกล้า..เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้..เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้..เริ่มเล็กลง
แต่พ่อแม่..ที่อยู่บ้านเดิม (ในเมืองจีน) ก็เริ่มแก่ตัวลงด้วย

ผมทำงานอยู่ต่างประเทศไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกัน..ทางจดหมาย
โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด .. เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือน
ให้ระวังสุขภาพของตัวเอง ตั้งใจทำงาน
ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง
ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆ ซากๆ ผมรู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงผมมาก
จนกระทั่งปีนี้แม่อายุ 75 ผมจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่
โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ
แต่ขออยู่เป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ
แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัว
ในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของผม
แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม
แม่เตรียมรายการอาหารที่ผมชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ผมเคยชอบห่ม
มาปะชุนใหม่ สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ตอนอยู่บนเครื่องบินตั้งใจไว้ว่าพอกลับถึงบ้าน
จะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่
แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้งหน้าตาเหี่ยวย่น
ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย
แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ผมเคยชอบ
โดยที่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว
และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดีรสชาติอาหารจึงแย่มากๆ
บางจาน ก็เค็มจัด บางจาน ก็จืดสนิท
ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนา ทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย
แม่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ผมนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว
แต่ผมก็ไม่บ่นอะไรเพราะผมตั้งใจจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่จริงๆ
2-3 วันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก
แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่น สอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ
ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อน ก็เคยพูดแล้ว
พอผมบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว
แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา
อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา
แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่
ไปกินข้าวนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด
ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน
แม่ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถทำงาน
เลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก

พอผมจะออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ แม่ก็จะตามไปด้วย
ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย
พอพวกเรา เริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย
แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่
อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า “แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆ บ้าง”
ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ
และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ
พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลงไม่พูดไม่จาในตามีแววเหม่อลอย
โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ
ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา
ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้
ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก
แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ เมื่อผมเดินทางไปนอก
ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ
แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา
แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ
ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน
มีการปะทะกันด้วยแม่เป็นห่วงมาก
ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร
ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น
แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก
วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง
มันหนักมากผมเริ่มรู้สึกลำบากใจเพราะผมไม่อยากนำกลับไป
มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก
แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย
อ่านได้วันละ 2 หน้า ก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้

ทันใดนั้น มีข่าวแผ่นหนึ่ง ปลิวหลุดลงมา
แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม
แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผมรู้สึกเอะใจเลยถามว่า
“แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ”
แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น
แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที
ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู
มันเป็นบทความบทหนึ่งชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง”
ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004
เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที
บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก
ฉบับเดือนพฤศจิกายน

ผมอ่านบทความนั้น รวดเดียวจบทันที

“เมื่อฉันแก่ตัวลง
ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น
ขอโปรดเข้าใจฉัน
มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง
ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า
ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ
ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง

ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆ ที่เธอรู้สึกเบื่อ
ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน
ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆ ซากๆ จนเธอหลับเลย

ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้
อย่าตำหนิฉันเลยนะ
ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ
ฉันต้องทั้งออด ทั้งปลอบ
เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม

ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน
จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม “ทำไม ทำไม”
ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม

ตอนฉันเหนื่อยล้า จนเดินต่อไม่ไหว
ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอ ออกมาช่วยพยุงฉัน
เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดิน ในตอนที่เธอยังเล็กๆ

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อ ที่กำลังสนทนากันอยู่
ให้เวลาฉันคิดสักนิด
ที่จริงสำหรับฉันแล้วกำลังพูดเรื่องอะไร
ไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว

ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ
ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน
ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ
ตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ

ตอนนั้น ฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
ตอนนี้ ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉัน เดินไปให้สุดเส้นทาง
ให้ความรักและอดทนต่อฉัน
ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ
ในรอยยิ้มของฉัน
มีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉัน ที่มีให้กับเธอ”

ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบ
เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ตอนนั้นแม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้
หลังจากผมกลับไปแล้ว จึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป
ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว
จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้ รู้สึกแม่จะดีใจมาก
เหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้น เป็นยันต์โชคลาภสำหรับผม
และเหมือนกับว่า การที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น
ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง
แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยทีเดียว
หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น
ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย
แต่บทความ “เมื่อฉันแก่ตัวลง” บทนั้น
ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวผมตลอดไป
ตอนนี้ผมขออุทิศบทความนี้
ให้กับลูกพเนจรทั้งหลาย
ตอนปีใหม่โทรไปหาท่านบ้าง
บอกท่านว่า คุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ







Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2554 14:02:53 น.
Counter : 463 Pageviews.

1 comments
  
ของแบบนี้ไม่เจอเองกับตัวไม่รู้หรอกครับ อ่านแล้วสะเทือนใจ
โดย: ablaze357 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:36:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kunyingnaja
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



บล็อคของคนหนึ่งคน
ที่เขียนไว้....
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
Lilypie Second Birthday tickers
พฤศจิกายน 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
8 พฤศจิกายน 2554