หย่า...แล้วต้องเปลี่ยนนามสกุลมั้ย
หย่าแล้วไม่เปลี่ยนนามสกุล ผิดกฏหมายไหมคะ
เอกสารทุกอย่างไม่เปลี่ยนนามสกุลค่ะ
จากคุณ : buo เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 22:40:22
ความคิดเห็นที่ 4
พระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นปีที่ 60 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยชื่อบุคคล พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่ง มาตรา 29 ประกอบกับ มาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548" มาตรา 2[1] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิกความใน มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน " มาตรา 6 ชื่อตัวต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย พระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม และต้องไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย ชื่อรองต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง และต้องไม่พ้องกับชื่อสกุลของบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นกรณีที่คู่สมรสใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งหรือกรณีบุตรใช้ชื่อสกุลเดิมของมารดาหรือบิดาเป็นชื่อรองของตน คู่สมรสอาจใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชื่อรองได้เมื่อได้รับความยินยอมของฝ่ายนั้นแล้ว" มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในวรรคสอง ของ มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "เมื่อนายทะเบียนท้องที่พิจารณาเห็นว่าชื่อสกุลที่ขอตั้งนั้นไม่ขัดต่อพระราชบัญญัตินี้ ก็ให้เสนอต่อไปตามลำดับจนถึงนายทะเบียนกลาง เมื่อได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนกลางแล้ว ให้นายทะเบียนท้องที่รับจดทะเบียนชื่อสกุลนั้นและออกหนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนชื่อสกุลให้แก่ผู้ขอ แต่ในกรณีที่สำนักทะเบียนใดสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับเครือข่ายข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง ตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนดแล้ว ให้นายทะเบียนท้องที่ดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนกลาง" มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสาม ของ มาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 "ในกรณีที่ผู้จดทะเบียนตั้งชื่อสกุลตายแล้ว ให้ผู้สืบสันดานของผู้จดทะเบียนตั้งชื่อสกุลในลำดับที่ใกล้ชิดที่สุดซึ่งยังมีชีวิตอยู่ และใช้ชื่อสกุลนั้นมีสิทธิอนุญาตตามวรรคหนึ่ง" มาตรา 6 ให้ยกเลิกความใน มาตรา 12 และ มาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน " มาตรา 12 คู่สมรสมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตน การตกลงกันตามวรรคหนึ่ง จะกระทำเมื่อมีการสมรสหรือในระหว่างสมรสก็ได้ ข้อตกลงตามวรรคหนึ่ง คู่สมรสจะตกลงเปลี่ยนแปลงภายหลังก็ได้ " มาตรา 13 เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่าหรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายซึ่งใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย ให้ฝ่ายซึ่งยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้นได้ต่อไป แต่เมื่อจะสมรสใหม่ ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน" มาตรา 7 ให้ยกเลิก มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 มาตรา 8 ให้ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 และให้ใช้อัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน มาตรา 9 หญิงมีสามีซึ่งใช้ชื่อสกุลของสามีก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มีสิทธิใช้ชื่อสกุลของสามีได้ต่อไป แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตนหรือมีข้อตกลงระหว่างสามีภรรยาเป็นประการอื่น มาตรา 10 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
"อัตราค่าธรรมเนียม (1) การออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรอง ฉบับละ 100 บาท (2) การออกหนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล ฉบับละ 200 บาท (3) การออกหนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล (ก) การเปลี่ยนชื่อสกุลเพราะเหตุสมรส (1) การเปลี่ยนครั้งแรกภายหลังการจดทะเบียนสมรส หรือเปลี่ยนเพราะการสมรสสิ้นสุดลง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม (2) การเปลี่ยนครั้งต่อๆ ไป ฉบับละ 100 บาท (ข) การเปลี่ยนชื่อสกุลเพราะเหตุอื่น ฉบับละ 200 บาท (4) การออกใบแทนหนังสือสำคัญตาม (1) (2) หรือ (3) ฉบับละ 50 บาท"
*หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 21/2546 ว่าพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 12 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเป็นอันใช้บังคับมิได้ ประกอบกับหลักเกณฑ์ในการใช้ชื่อรองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ยังไม่รัดกุมและอาจมีการนำชื่อสกุลของบุคคลอื่นมาใช้เป็นชื่อรอง อันจะทำให้บุคคลทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นผู้มีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้น อีกทั้งวิธีการขอตั้งชื่อสกุลที่เป็นอยู่ไม่เอื้อต่อการให้บริการประชาชนโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการกำหนดให้ผู้จดทะเบียนตั้งชื่อสกุลเท่านั้นที่เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้บุคคลอื่นร่วมใช้ชื่อสกุลก่อให้เกิดปัญหา ในทางปฏิบัติในกรณีผู้จดทะเบียนตั้งชื่อสกุลเสียชีวิตไปแล้ว นอกจากนี้ อัตราค่าธรรมเนียมเดิมใช้มาเป็นระยะเวลานาน ไม่เหมาะสมต่อการบริหารจัดการและให้บริการข้อมูลชื่อบุคคลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง สมควรปรับปรุงบทบัญญัติดังกล่าวให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
//////////
จากหลักกฏหมายข้างต้น
มาตรา 13 เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่าหรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายซึ่งใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
^ ^
กรณีตามกระทู้ จึงขัดต่อกฏหมายข้างต้นครับ
หากคู่สมรสเดิมเขาเสียหายจากการที่ คู่สมรสที่หย่าไปแล้วยังใช้นามสกุลเขาอยู่ เขาน่าจะมีอำนาจฟ้องให้เปลี่ยนได้ครับ
ปล. ความจริงตอนหย่า นายทะเบียนน่าจะจัดการให้นะ ผมก็ไม่ทราบทางปฏิบัติว่าเป็นเช่นไร
แต่แนวทางข้อกฏหมายเป็นอย่างนั้นครับ " เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่าหรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายซึ่งใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน"
ขอร่วมแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ
จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 23:49:02
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 18:23:26 น. |
Counter : 8784 Pageviews. |
|
|
|
Happy Chinese New Year!