เวลาเดินเท่ากันทุกคนแต่หัวใจเราเต้นไม่เท่ากัน ...

<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 กันยายน 2554
 

บทเรียนวีไอ(เม่า)

ปล. ทั้งหมดที่เขียนเป็นมุมมองส่วนตัวดังนั้น อาจจะมองไม่ได้รอบด้านทั้งหมด แค่บางส่วนที่นึกได้ในขณะเขียน


ส่วนหนึ่งที่นักลงแนวพื้นฐาน ทำตัวเป็น CI หรือการเดินตามเทรนของเซียน ผมมองว่ามีจุดน่าสนใจที่ผมขอเรียกว่า หลุมพรางของนักลงทุนแนวพื้นฐานที่ไม่ได้ศึกษาหุ้นอย่างละเอียด


1. การดูข้อสรุปของ expected fair value
ความหมายคือ การอ่านแต่ forward fair value จาก forward p/E หรือ eps in future กัน เมื่อเห็นตัวเลข ที่วาดไว้ในอนาคต ก็น้ำลายไหล ฝันหวาน และ คาดหวังกัน

2.คนที่ละเอียดหน่อย ก็จะมาดูว่า ทำไมถึงได้ eps ในปีหน้าเท่านี้ๆ ปีต่อไปเท่านี้ๆ ก็จะได้ข้อมูล การคาดหวัง ยอดการผลิต ยอดลูกค้า ยอดการขาย ในอนาคต(ที่ยังไม่เกิด)


ข้อหนึ่งและข้อสอง ก็คือ จุดบอด ของนักลงทุนแนวพื้ันฐานที่ยังอ่อนประสบการณ์ ในการประเมิน ในเรื่องเหล่านี้ ก็อาจจะทำให้หลงเชื่อและมั่นใจ ว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะเกิดขึ้นจริงได้
บางที ตัวเลขอนาคต เราตอ้งมองปัจจัยต่างๆ อาจจะดีกว่าที่คาด หรือ แย่กว่าที่คาดได้เสมอ ปัจจัยต่างๆนั้น ก็ต้องศึกษา ผลกระทบที่บริษัทนั้นๆพึงต้องระวัง นั้นคือ ต้องมอง เรื่อง downside risk และแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกและของไทยที่มีผลกระทบต่อบริษัทนั้นๆด้วย เช่นกัน

ที่เขียนเพื่อแสดงให้เห็นว่า การประเมิน forward นั้นเป็นสิ่งที่เรียกว่า การคาดการณ์ ซึ่งอาจจะไม่จริง เสมอไป แต่อาจจะมากกว่าก็ได้หรือน้อยกว่าก็ได้ หรือเท่ากับ ก็ได้ เป็นได้ทั้งสามกรณี


3. ปัญหาที่สำคัญคือ พอได้ข้อมูลจาก 1-2 มาก็ไม่ได้พิจารณาว่า ราคา ณ ปัจจุบันนั้น สมควรที่จะซื้อไหม
เพราะข้อมูลเหล่านั้นเป็น forward กี่ปี

ผมคิดเสมอว่า

แม้แต่ตัวเราเองยังไม่รู้เลยว่า ปีหน้าเราจะมีอะไรในชีวิตที่ดีกว่านี้
ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ แต่เรา สามารถวางแผนและทำตามวินัยตัวเองเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นๆได้ ซึ่ง ในแต่ละช่วงเวลา เราก็ต้องทำตามแผนที่เรากำหนดไว้ แต่ทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค ซึ่งอาจจะสะดุดได้เสมอ


ผมได้ตัวอย่างจาก การลงทุนในหุ้น พอร์ทผมโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มาสะดุดในต้นปีที่ผ่านมาจากการต้องโยกเงินจากการลงทุนในหุ้นมาลง บ้าน ทำบ้าน เงินลงทุนในหุ้นผมก็ยวบลงไปเกือบสี่สิบเปอร์ แต่ท้ายสุด ณ ปัจจุบัน พอร์ทผมก็กลับมาเท่าที่ผมเคยโยกไป ^ ^

เช่นกัน บริษัทที่เรามองว่าอนาคตจะเติบโตไปเรือยๆ ปีนี้เท่านี้ปีต่อไปเท่านั้น สิ่งที่เราต้องติดตาม ก็คือ มันจะสามารถทำได้จริงไหมในแต่ละช่วงเวลา เราต้องดูว่า แผนงาน กระบวนการ และแนวทางของบริษัทนั้นๆจะไปสู่่ผลลัพธฺที่วางไว้ไหม
ถ้ามีสะดุด นั้นมีผลกระทบระยะยาว หรือระยะสั้น แล้วจะทำให้บริษัทกลับมาเติบโตอย่างที่เราคาดการณ์ไว้หรือไม่



4. นักลงทุนมักจะมีอารมณ์ร่วมกับ ราคาหุ้น ที่ผันผวนอย่างหนัก แต่ถ้าผันผวนนอ้ยจะไม่ตื่นตระหนกอะไร

แปลว่าอะไร

เมื่อไร ราคาหุ้นดิ่งลง หรือ ขึ้นแรง มักจะมีอารมณ์ร่วมด้วย พยายามหาเหตุผลมาใส่ตามราคาหุ้นเสมอ

จะสังเกตว่า เมื่อไรราคาหุ้นดิ่งลง จะเกิดคำถามยอดฮิต
- พื้นฐานเปลี่ยนหรือเปล่า
- มีใครเทขาย ผบห ทิ้ง เซียนขาย

ถามว่า ผิดไหม ที่ถามคำถามเหล่านี้ !
ไม่ผิด แต่ให้ย้อนคำถามเหล่านี้มาที่ตัวเราด้วยว่า ถ้ามีคนมาถามคำถามนี้กับเรา เราจะตอบว่าไง

แล้วเราก็จะรู้ว่า เราได้ศึกษาหุ้นตัวนี้ เพียงพอหรือยัง !


5. สิ่งสำคัญของนักลงทุน ก็คือ การรอเวลา ที่เป็นของเรา

บางที การรีบซื้อหุ้น ณ ขณะที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปมากๆแล้วนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำถ้าคิดจะซื้อแล้วถือยาวๆ

เรามักจะซื้อ เพราะคิดว่า ราคานี้มีอัพไซด์อีกบาน โดยไม่ได้ศึกษาอย่างดี
และท้ายสุด เราก็ติดดอย บางที เวลานั้น มันไมใช่เวลาของเรา แล้วล่ะ

แต่เป็นเวลาของคนอื่นที่คอยตักตวงกำไรที่ได้จากราคาหุ้นที่ขึ้นไป

อย่าไปเสียดาย หุ้นตัวนั้น
ผมมักจะนึกถึงประโยคๆนี้เสมอ

รถมีออกจากท่าทุกวัน ไม่ต้องกลัวตกรถ

แต่ถ้าไปแย่งขึ้นรถ ที่คนแย่งกันขึ้นเบียดกันมากมาย ถึงแม้จะเบียดเข้าไปได้แต่ก็ต้องพะว้าพะวงว่าจะเบียดได้นานแค่ไหน แต่ถ้าเบียดไม่สำเร็จ ก็ได้โดนเค้าเบียดกระแทกเราตกรถลงมา เจ็บตัวเปล่าๆ


^ ^
นึกได้คร่าวๆ ใช้เวลาเขียนสั้นๆ อัพบล็อกบ้าง เดียวบล็อกเน่า 555


Create Date : 08 กันยายน 2554
Last Update : 8 กันยายน 2554 21:46:14 น. 5 comments
Counter : 3180 Pageviews.  
 
 
 
 
ส่วนตัวผมเชื่อข้อความเจ้าของกระทู้ว่ามันคือความจริงสูงสุดหากใครสามารถทำตามใด้ถือว่าประสพความสำเร็จในตลาดหุ้นทุกคนแน่นอน แต่ผมก็ยังเชื่อไปอีกว่า เจ้าของกระทู้เองก็ยังไม่ประสพความสำเร็จในตลาดหุ้นเหมือนข้อมูลที่ไห้มาแน่นอนครับ เพราะสิ่งที่พูดมาทั้งหมดมันทำใด้ยากครับ หากท่านยังอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมไม่เชื่อใครชักคนครับว่าจะทำใด้ตามที่บอก หากท่านเจ้าของกระทู้ยังปักใจว่าผมโกหกลองนั่งมองราคาหุ้นที่ท่านชื้อทุกๆวันครับ แล้วท่านจะรู้ว่าต่อไห้ท่านวิเคราะห์หุ้นมาเป็นอย่างดี ท่านก็ไม่มีทางรวยใด้หรอก ผมไม่บอกนะครับว่าเพราะอะไร ต้องลอง
 
 

โดย: dop_8888 IP: 223.206.231.115 วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:23:15:48 น.  

 
 
 
ที่เขียนทั้งหมดคือ การทบทวนบทเรียน หลุมพราง และประสบการณ์ที่ผ่านมาครับ ^ ^

บางที การหาข้อผิดพลาดจากสิ่งที่กระทำมาในอดีต แม้จะแก้ไขไม่ได้ในทันทีแต่ก็น่าจะช่วยให้เรารู้จุดอ่อนตัวเองได้ด้วย

ผมว่าจริงที่ถ้าเราดูราคาหุ้นทุกวัน สมาธิ และ อารมณ์ มันจะทำให้เราขาดปัญญาได้ง่าย....
่ผมเคยมีประสบการณ์นั่งเฝ้าหุ้นทุกวัน แล้วรู้เลยว่า เราจะคล้อยตามอารมณ์ตรงนั้นได้ง่าย สิ่งที่เราวางแผนไปก็เปลี่ยนจากอารมณ์ ณ ตลาด ขณะนั้น มีหลายๆตัว มาดูราคาปัจจุบันยังนึกเสียดายและเสียใจที่พลาดจากอารมณ์ตลาดนี่แระ ...
ปัจจุบันพอไม่ได้เฝ้าหน้าจอบอ่ยก็ดีขึ้น หุ้นในพอร์ท โดยเฉลี่ย ก็เกินปีหนึ่งขึ้นไม่ได้ซื้อขายประจำ

ส่วนคำว่า ประสบความสำเร็จ ก็อยู่ที่เราวางเป้าหมายครับว่า เราต้องการ อะไรจากการลงทุน
ผมรู้สึกว่า ถ้ายิ่งคาดหวังมาก ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ประสบความสำเร็จ ครับ
อย่างผม ก่อนเข้ามาตลาดหุ้น ก็แค่คิดว่า ดีกว่าฝากเิิงินแบงค์ เพราะไม่รู้จักอะไรเลย แค่นี้ก็เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้ว
แต่พอมาเทรดนานๆ ความคาดหวังจากแค่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ก็มีมากขึ้น เราก็เริ่มรู้สึกว่า เริ่มรู้สึกต้องการทำกำไรมากกว่าเดิมแระ
เราก็จะรู้สึกเหนื่อย และ อยากชนะ ให้มากขึ้น

นี่แระที่เรียกว่า เมื่อไรเราคาดหวังอะไรมากขึ้น เมื่อนั้น เราจะรู้สึกว่า ความสำเร็จมันอีกไกลมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไรที่เรารู้สึกเย็นลง และรู้สึกว่า ตัวเองประสบความสำเร็จจาการที่เราคาดหวังในระดับหนึ่ง ไม่สูงจนเกินไป

ผมว่านี่แระ เรียกว่า ความสำเร็จ (ที่ชนะใจตัวเองได้ )

เอาใจช่วยครับ ^ ^

 
 

โดย: kunjoja IP: 125.27.158.55 วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:7:24:00 น.  

 
 
 
ผม รู้สึกว่า คำว่า ประสบความสำเร็จ ของนักลงทุน มักจะชอบอ้างอิงกับ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ เช่น อ้างอิงกับตลาด อ้างอิงกับผู้อื่น

โดยส่วนตัว ลองเปลียนทัศนะ ในการอ้างอิง มาเปลียนเป็นอ้างอิงกับตัวเองดู
เทียบกับตัวเราเมื่อก่อน
เราจะได้รู้จักคำว่า ประสบความสำเร็จ

การเปรียบเทียบกับคนอื่น สิ่งอื่น มันไม่มีคำว่า พอดี พอใจ และพอแล้ว

เพราะมันจะเจอแต่คำว่า ยังไม่พอ ยังไม่ดี ยังไม่ได้ ... ^ ^
 
 

โดย: kunjoja IP: 125.27.158.55 วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:7:33:25 น.  

 
 
 
..เมพมากกก ครึ่งปี เกือบ สี่สิบเปอร์เชียว สู้ๆ น๊า :D
 
 

โดย: อิ๋ม IP: 113.53.206.147 วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:20:55:09 น.  

 
 
 
very cool
 
 

โดย: phajongs วันที่: 10 กันยายน 2554 เวลา:17:25:39 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kunjoja
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add kunjoja's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com