เวลาเดินเท่ากันทุกคนแต่หัวใจเราเต้นไม่เท่ากัน ...
มองผ่านกระจกแว่น
ท่องยุทธจักรฝังเข็ม
<<
มิถุนายน 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
14 มิถุนายน 2553
ทำไม คนมีมุทิตา ถึงชนะอารมณ์ตลาดหุ้นได้...
รู้จักกับพื้นฐานง่ายๆตอน1 eps และการประกาศผลประกอบการ
ความเสี่ยงจาก human error
Defragmenter---กระบวนความคิดของการลงทุนในหุ้น
Lesson Learning change myself
My view : interesting sector ตอนที่ 2.2: Property Development : TTCL
My view : interesting sector ตอนที่ 2.1: Property Development : hemraj
My view : interesting sector ตอนที่ 1 Transportation & Logistics :PSL
บทเรียนวีไอ(เม่า)
My view : Treasury stock มาพยายามเข้าใจกับหุ้นซื้อคืน
เรียนรู้ตัวเองจากการลงทุนในหุ้น
My view: SVI part 2.2 การเติบโตของยอดขาย (growth of revenue )
My view: SVI part 2.1 (electronic industrial knowledge relate to SVI )
My view: TKS (มุมมองทางพื้นฐาน)
หลักการลงทุนไม่เคยล้าสมัย..
คิดถึงหุ้นเล่นๆ : มองดีๆกับหุ้นแช่แข็ง
เคล็ดลับลงทุนหุ้นปันผล (จากวารสาร M & W)
Catalyst ตอนที่สาม หาโอกาสจากตัวเร่งกับหุ้นถูกเรื้อรังที่โดนแช่แข็ง
My Reviewed : SVI ( มุมมองทางพื้นฐาน )
Catalyst ตอนที่สอง ราคาหุ้นขึ้นเพราะ ตัวกระตุ้นของแท้หรือลวง
Catalyst ตอนที่หนึ่ง อำนาจของ ข่าว ต่อราคาหุ้น
เทคนิคส่วนตัวในการหาจังหวะซื้อหุ้น (โดยอิงพื้นฐาน ..)
ถือหุ้นกี่ตัวดีครับ ? How many stocks should I carry in my portfolio?
Reviewed: Bric country and a comparison of BRIC to global market cap.
เราจะเป็นผู้ชนะในเกมที่เรียกว่า ตลาดหุ้น ได้อย่างไร ( อธิบายโดย game theory)
ค่าเงินบาทกับมาตรการของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในอดีต
Fully invest ตอนที่ 3. Rebalancing Portfolio or Dynamic port
Fully invest ตอนที่ 2 Portfolio selection diversification of investment
Fully invest (ลงทุนในหุ้นเต็มร้อย กำไรจริงเหรอ) ตอนที่ 1 รีวิวทัศนคติของกูรูต่างๆ ในไทย
GDP -ข่าวดีที่ต้องทบทวน
วีไอในมุมมองของผม(บ้าง)..
ทำไม คนมีมุทิตา ถึงชนะอารมณ์ตลาดหุ้นได้...
เราตกอยู่ในอารมณ์ตลาด(หุ้น) หรือเปล่า...
เครื่องมือช่วยจับจังหวะลงทุนแบบง่ายๆ ตอนที่ 1..
he is crazy !
ทัศนคติ ความเชื่อ ตื่นตระหนก ในตลท. และ การเมือง
ความสัมพันธ์ต่างๆในภาวะเงินเฟ้อ
หนังสือหุ้น และ how to.book
โลกหมุนรอบตัวเรา
ทำไมถึงคิดว่า การลงทุนในตลาดหุ้นถึงมีความเสี่ยงสูง
Daytrade การพนัน และ เหตุผล
Saving money or Value investor
critical mass
Herd instinct
Trading in the zone
Loss-aversion theory
moso
Introduction
น้ำในแก้ว
ทำไม คนมีมุทิตา ถึงชนะอารมณ์ตลาดหุ้นได้...
เคยเป็นไหม... ขายหมู ซื้อหมา ...
-set บวกกระจุย แต่หุ้นเรานิ่งไม่ขึ้น หุ้นเพื่อนๆขึ้นกันถ้วนหน้า แต่หุ้นเราวางเฉย 555
-เห็นหุ้นคนอื่นบวกเรื่อย หน้ามืดตามัว เผลอขายหุ้นนิ่งของเรา ไปเข้าหุ้นของเค้า.
-พอซื้อหุ้นเค้า หุ้นเค้าก็นิ่ง แต่หุ้นที่เรามีขายไปแล้ว ดันขึ้นแทน
-โชคร้ายซ้ำอีก กลับตาลปัตร หุ้นที่ขึ้นๆที่เราเผลอซื้อ ดันลงสะ (อยู่เฉยๆก็ดีอยู่แล้ว ..)
...
สิ่งที่นำมาช่วยให้เราไม่ขายหมู ซื้อหมา ก็คือ
หลักธรรมพื้นฐานที่รู้จักกันดี แต่ไม่ค่อยสนใจกันเท่าไรนัก...
พรหมวิหารสี่ ...
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
ปล. ขอเขียนในทางปฎิบัติ ไม่เขียนแนวธรรมตรงๆนะครับ
....
ข้อที่สำคัญที่ทำให้ไม่ไปตามอารมณ์ของตลาดหุ้นก็คือ.
มุทิตา คือพลอยยินดีปรีดากับผู้ที่มีความสุข
ยินดี (ไม่ต้องถึงกับดีใจก็ได้ เราไม่ได้ใจเป็นพระสะหน่อย .... หุ้นตัวเองไม่ขึ้น แต่เห็นคนอื่นขึ้นกัน )
จุดหลักของคำว่ายินดี คือ ต้องละ คำว่า อิจฉาริษยา ให้ได้ เพราะส่วนใหญ่ ปากก็บอกว่า ดีใจด้วยๆ แต่ในใจไม่ได้คิดเช่นนั้น
เมือไร เราใช้ปากบอกว่า ดีใจด้วย แต่ใจเราไม่คิดเช่นนั้น กลับมาคิดอิจฉาเค้าที่หุ้นขึ้น
เมื่อนั้น เราก็ไม่มีมุทิตาแล้วล่ะ...
ทางโลก บอกว่า ยากนักสำหรับคนที่คิดมุทิตาจริงๆ
( ก็จริงที่เขียน ดีใจด้วยนะ รวยแล้วๆ แต่ใจเราฝ่อห่อเหี่ยวมองหุ้นตัวเอง พอร์ทแดงสะขนาดนี้ ทำไมเราดวงไม่ดี..ทำไมเค้าถึงดวงดีกว่าเรา )
แต่ทางธรรมบอกว่า ทำได้ไม่ยากนัก
---- ลองฝึก อุเบกขาให้คล่อง แล้ว ใจมุทิตาจะกำเนิด...----
แล้ว เจ้า อุเบกขานั้น ไซร์ จะฝึกอย่างไร สำหรับใจปุถุชน เช่นเรา .......
ก็มาถึงคราว อุเบกขา คือการวางเฉย
มองหุ้นตัวเองแล้วนิ่งเฉย นั้นคงเป็นพระอินทร์พระปูน
มีเคล็ดง่ายๆแค่ เมือเรามองแล้วเห็น ก็อย่ามอง มันก็ไม่เห็น
...5555
ไม่รู้เข้าใจไหม ...
สิ่งแรก สำหรับคนที่เห็นหุ้นตัวเองแล้ว ใจหวั่นไหวง่ายๆ ก็อย่าไปเห็นหุ้นตัวเองบ่อยๆ
ง่ายแต่ยากชะมัด...
แต่บางคนก็บอกว่า
มองแล้วไม่เห็น
ทำได้ไหม ก็ขอตอบว่า ทำได้ครับ
มองแล้ว ไม่รู้สึกอะไร เหมือนอากาศ นั่นคือ ของแท้ของอุเบกขา เลยล่ะ ..
แต่พวกเรา ก็ขอแค่ ไม่มอง ไม่เห็น ก็พอก่อน แล้วกัน ขอเริ่มต้นก่อน (ใครเก่งกว่า ก็มองไป ไม่ว่ากัน )
แต่นี่คือจุดหลักของการฝึก ถ้าทำได้ ใจเราเริ่มเดินทางไปสู่ เส้นทาง อุเบกขาได้บ้างแล้ว
ยังไม่หมด สำหรับเคล็ดของอุเบกขา ถ้าแปลว่า วางเฉย เฉยๆ นั้นผิดแระ
เพราะเต็มๆก็คือ
วางเฉยด้วยปัญญา
แปลว่าไร.....
ผมขอใช้คำคมที่ฮิตๆ ในตลาดหุ้น มาใช้ ก็คือ เมือเราซื้อหุ้นด้วยเหตุผลอะไร ก็ต้องขายด้วยเหตุผลนั้น
แต่ให้ลึกซึ้งคือ
เราวางเป้าหมายของการซื้อหุ้นตัวนี้ไว้อย่างไร ก็จงพิจารณาขายหุ้นตัวนั้น ด้วยปัญญาของเรา
( แต่ส่วนใหญ่เรามักใช้ปัญญาเราซื้อแต่ เราขายด้วยปัญญาคนอื่น )
ดังนั้น ถ้าเราซื้อหุ้นด้วยเป้าหมายจะรับปันผล เรามั่นใจในตัวธุรกิจนั้นว่าจะมีการเติบโตที่ดี รอผลประกอบการไตรมาสถัดไป ....หรือเหตุผลอื่นๆใดๆ
ก็จงใช้เป้าหมายเดิมนั้นแระ ในการขายหุ้นตัวนั้น
ถ้ากลัวลืม ก็จดไว้ในสมุดว่าหุ้นตัวนี้ ต้องการเป้าหมายอะไร .......แล้วติดไว้ให้เราเห็นชัดๆ ...
แค่นี้ ก็พอเข้าทางของประโยคที่ว่า ... วางเฉยด้วยปัญญา
ได้แระ อุเบกขา ..
...
ยังไม่จบ แม้ได้อุเบกขา มาเป็นอาวุธเสริมให้มุทิตา
แต่มุทิตา นั้นยากแท้ อุเบกขา ก็ต้องพ่ายแพ้ได้...
แล้ว อุเบกขา นำให้เกิดมุทิตาอย่างไร...
อุเบกขาคืออาวุธ ทะลวงใจเรา ให้เรา รู้สึกมีมุทิตาต่อตนเอง
..
และสุดยอดคัมภีร์ ก็มาถึงแล้ว....
keyword ของมุทิตา คือ จะยินดีกับคนอื่น ก็จงยินดีกับตนเองให้ได้เสียก่อน
หัดนิสัยมองดูตนเองให้มากๆ อย่าเปรียบเทียบแต่กับคนที่ดีกว่าเรา คนที่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข น้อยกว่าเรา ก็มีมาก พลเมืองในโลกกี่พันล้านคนที่เป็นคนยากจน ที่ไม่เคยมีข้าวกินอิ่ม คนที่อยู่ในสังคมที่ไม่สงบ อยู่ท่ามกลางสงคราม ป่วยเป็นโรค ติดยาเสพติด มีปัญหาในชีวิตมากมาย
มองดูตนเอง จะเห็นว่าเรามีโอกาสดีกว่าอีกหลายๆ คน อย่างน้อยก็ให้เกิดสันโดษขึ้นในจิตใจ ยินดีในสิ่งที่ได้ พอใจในสิ่งที่มีอยู่
ตัวอย่างเช่น....
หุ้นของเรากำไรนิดเดียว แต่ก็ยังกำไร ดีกว่า ฝากเงินในธนาคาร
ดีกว่า การเอาเงินไปลงทุนเช่าร้าน เผลอๆอาจจะขาดทุนหนักกว่าหุ้นของเรา
คิดบวก คิดเหตุผลต่างๆให้จิตใจเรา ว่า เราโชคดีเพียงใดที่เรามีหุ้นตัวนี้ ....ถ้าเราจะซื้อตัวอื่น เราอาจจะไม่ได้เท่านี้ เป็นต้น
....
ดังนั้น เมื่อเรารู้สึกยินดีกับตัวเองได้ เราก็พร้อมที่จะฝึก ยินดีกับคนอื่นได้เช่นกัน (พูดภาษาคนทางโลกคือ เมือเราไม่รู้สึกว่าตัวเองแย่ ก็จะไม่ได้ไปอิจฉาคนอื่นที่ได้ดีกว่าเรา นั่นเอง )
....
และ เมตตากรุณาล่ะ แท้แล้ว เมือใจเรามีมุทิตา ก็จะบังเกิด เมตตาและกรุณา มาพร้อมกันได้ เช่นกัน
มุทิตาธรรมที่สมบูรณ์ จึงต้องประกอบด้วยคุณธรรมของความเมตตาและกรุณาอยู่ในตัวนั่นเอง
ท้ายสุด เราได้มุทิตา เราก็จะได้ พรหมวิหารสี่ มาอยู่ในใจเช่นกัน...
ขอจบ เพียงแค่นี้ ไว้โอกาสหน้าจะมาเขียนใหม่ ....
Create Date : 14 มิถุนายน 2553
Last Update : 14 มิถุนายน 2553 19:53:50 น.
7 comments
Counter : 3256 Pageviews.
Share
Tweet
ซาบซึ้งในรสพระธรรม !!!
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในตลาดหุ้น
ยังมีหลักธรรมมาปรับใช้ได้อีก
ซาบซึ้งยิ่งนัก
โดย: Kaiti-kid IP: 222.123.29.243 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:20:13:25 น.
เพิ่งขายหมู ซื้อหมาไปเมื่อวันศุกร์นี้เองค่ะ
เจ้า pttch มันนิ่งมาก และตกๆๆ
เลยขาย ดูจิวันนี้วิ่งไป 6เปอร์ แม่เจ้า
แต่ก้อไม่ได้ วางอุเบกขา หรือมีมุทิตาให้ใคร
ไม่ได้มีเพื่อนซื้อหุ้นด้วย ดีใจ ก้อดีใจคนเดียว
ถ้าจะมุทิตา คงมุทิตาให้ตัวเอง
โดย:
goyajang
วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:22:20:28 น.
ปัญหา การติดหุ้น คือมีหุ้นในพอร์ต แต่ไม่ทำกำไรตามเวลาที่เพิ่ม กลับลดมูลค่าลง จนพอร์ตแดง
ผมว่าต้องแก้ที่ระบบใหม่ ถ้าไม่มีเวลามากนักควรจะแบบไหน จังหวะต้องออกนอกตลาดกำเงินไว้ ไม่ ให้ค่าลดลงตามเวลา
จังหวะไหน ปล่อยหุ้นไว้ในพอร์ต ลอยไปเรื่อยๆๆทำเงินให้เรา
ถ้าไปแก้ที่จิตใจไม่ให้กังวลด้วยธรรมะ คงจะต้องแก้เรื่อยๆๆไป
เพราะไม่ได้แก้ปัญหา ตรงๆๆจุด ที่จุดอ่อนตัวเอง
โดย:
หมอสัจจะ
วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:8:22:10 น.
น่าสนใจมากครับ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ดี
ต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้
และหาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม
แล้วเราจึงจะมีมุทิตาจิตได้อย่างแท้จริง.
เอวัง
โดย: teeranet IP: 183.89.206.200 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:9:36:31 น.
ขอบคุณสำหรับcomment ครับ
เห็นด้วยครับ
ก่อนเริ่มฝึกจิตใจ ควรจะตอ้งมีระบบที่แน่นอนของตนเองเสียก่อน เมือมีระบบที่แน่นอน เราก็อย่าให้จิตใจเราไขว้เขว้ต่อการสั่นไหวของตลาดหุ้น
จุดสำคัญคื อวินัย และ จิตใจ ครับผม
โดย:
kunjoja
วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:12:08:23 น.
ปัญญาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จะช่วยพิจารณาเหตุและผล มีสติเพื่อตัดอารมณ์ความโลภ (ซื้อหมา) ความกลัว(ขายหมู)
โดย: coffee4you IP: 125.26.13.127 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:42:56 น.
ขอบคุณมาก
เหมาะกับผู้ที่เล่นหุ้นเเบบเลือกร่วมหัวจมท้ายกับบริษัทที่เราอยากถือหุ้น ต้องเชื่อมั่นเขาไว้บ้าง
โดย: เพิ่งสนใจหุ้น IP: 223.207.165.153 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:17:11 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
kunjoja
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
คนจนที่อยากรวย
ขอบฟ้าบูรพา
หมอสัจจะ
NIKKEI_NIK
พ่อน้องมีมี่
ศรัทธาชาวสวน
นมเย็น
ahcmos
noooon010
ibozla
engdespsu
Rhythm of Love
WACHOVIA
m-ms
mutualfundlover
supphanat
RoseTiara
picklife
สดายุ...
catrule
supunsiri
Webmaster - BlogGang
[Add kunjoja's blog to your web]
Bloggang.com
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในตลาดหุ้น
ยังมีหลักธรรมมาปรับใช้ได้อีก
ซาบซึ้งยิ่งนัก