เวลาเดินเท่ากันทุกคนแต่หัวใจเราเต้นไม่เท่ากัน ...
มองผ่านกระจกแว่น
ท่องยุทธจักรฝังเข็ม
<<
พฤษภาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
9 พฤษภาคม 2554
My view: SVI part 2.2 การเติบโตของยอดขาย (growth of revenue )
รู้จักกับพื้นฐานง่ายๆตอน1 eps และการประกาศผลประกอบการ
ความเสี่ยงจาก human error
Defragmenter---กระบวนความคิดของการลงทุนในหุ้น
Lesson Learning change myself
My view : interesting sector ตอนที่ 2.2: Property Development : TTCL
My view : interesting sector ตอนที่ 2.1: Property Development : hemraj
My view : interesting sector ตอนที่ 1 Transportation & Logistics :PSL
บทเรียนวีไอ(เม่า)
My view : Treasury stock มาพยายามเข้าใจกับหุ้นซื้อคืน
เรียนรู้ตัวเองจากการลงทุนในหุ้น
My view: SVI part 2.2 การเติบโตของยอดขาย (growth of revenue )
My view: SVI part 2.1 (electronic industrial knowledge relate to SVI )
My view: TKS (มุมมองทางพื้นฐาน)
หลักการลงทุนไม่เคยล้าสมัย..
คิดถึงหุ้นเล่นๆ : มองดีๆกับหุ้นแช่แข็ง
เคล็ดลับลงทุนหุ้นปันผล (จากวารสาร M & W)
Catalyst ตอนที่สาม หาโอกาสจากตัวเร่งกับหุ้นถูกเรื้อรังที่โดนแช่แข็ง
My Reviewed : SVI ( มุมมองทางพื้นฐาน )
Catalyst ตอนที่สอง ราคาหุ้นขึ้นเพราะ ตัวกระตุ้นของแท้หรือลวง
Catalyst ตอนที่หนึ่ง อำนาจของ ข่าว ต่อราคาหุ้น
เทคนิคส่วนตัวในการหาจังหวะซื้อหุ้น (โดยอิงพื้นฐาน ..)
ถือหุ้นกี่ตัวดีครับ ? How many stocks should I carry in my portfolio?
Reviewed: Bric country and a comparison of BRIC to global market cap.
เราจะเป็นผู้ชนะในเกมที่เรียกว่า ตลาดหุ้น ได้อย่างไร ( อธิบายโดย game theory)
ค่าเงินบาทกับมาตรการของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในอดีต
Fully invest ตอนที่ 3. Rebalancing Portfolio or Dynamic port
Fully invest ตอนที่ 2 Portfolio selection diversification of investment
Fully invest (ลงทุนในหุ้นเต็มร้อย กำไรจริงเหรอ) ตอนที่ 1 รีวิวทัศนคติของกูรูต่างๆ ในไทย
GDP -ข่าวดีที่ต้องทบทวน
วีไอในมุมมองของผม(บ้าง)..
ทำไม คนมีมุทิตา ถึงชนะอารมณ์ตลาดหุ้นได้...
เราตกอยู่ในอารมณ์ตลาด(หุ้น) หรือเปล่า...
เครื่องมือช่วยจับจังหวะลงทุนแบบง่ายๆ ตอนที่ 1..
he is crazy !
ทัศนคติ ความเชื่อ ตื่นตระหนก ในตลท. และ การเมือง
ความสัมพันธ์ต่างๆในภาวะเงินเฟ้อ
หนังสือหุ้น และ how to.book
โลกหมุนรอบตัวเรา
ทำไมถึงคิดว่า การลงทุนในตลาดหุ้นถึงมีความเสี่ยงสูง
Daytrade การพนัน และ เหตุผล
Saving money or Value investor
critical mass
Herd instinct
Trading in the zone
Loss-aversion theory
moso
Introduction
น้ำในแก้ว
My view: SVI part 2.2 การเติบโตของยอดขาย (growth of revenue )
ยอดขายของบริษัท svi นั้นเราต้องมาดูว่ามี
ปัจจัยอะไรที่มีผลกระทบบ้าง
ก็พอจะนึกเลาๆได้ เท่าที่พอจะรู้ (อาจจะไม่ครบถ้วน แต่น่าจะคลุมปัจจัยหลักๆได้บ้าง)
-จะขายได้มาก ก็ต้อง
ผลิตออกมาได้มาก
การผลิตออกมาได้มากก็ต้อง อยู่กับสิ่งที่รองรับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ความสามารถในการผลิตแต่ละโรงงาน วัตถุดิบที่ป้อนเข้าโรงงาน
และที่สำคัญ ผลิตมาไม่มีคนซื้อ ก็คงขายไม่ได้ ดังนั้น
ต้องมีลูกค้า(มี order)
.....
ดังนั้นผมเลยต้องเอาหัวข้อนี้มาดูว่า ปัจจัยข้างต้น
มีข้อมูลอะไรบ้างที่จะช่วยสนับสนุนให้เราคิดว่า บริษัท กำลังจะมีการเติบโตของยอดขาย ได้จริง..
.
ก่อนจะมาดูปัจจัยต่างๆที่รายล้อม ผลของการเกิดรายได้จากการขาย(ขั้นต้น) ก็ขอยกกราฟที่แอบCopy มาจาก opp day ล่าสุดมาให้ดู จากกราฟจะแสดงให้เห็นอะไรบ้าง
-
แนวโน้มของยอดขายย้อนหลังไปห้าปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
(แต่ไม่ได้แปลว่าปีหน้าจะมากกว่านี้ ต้องดูปัจจัยต่างๆ )
-
Net profit ในสามปีย้อนหลัง (ปี 2551-2553) ยังคงรักษาระดับยืนแถวๆ 9 % ได้ทั้งๆที่ยอดขายเติบโตขึ้น
และผลกระทบจากค่าเงินบาท ก็ดูเหมือนไม่กระทบต่อ net profit เท่าไรทั้งๆที่ในสามปีข้างต้น ค่าเงินบาทก็มีความผันผวนมากอยู่ (ผบห.ได้อธิบายถึงว่า ได้มีการทำ hedging ค่าเงินบาทเอาไว้ส่วนหนึ่งทำให้ช่วยลดความผันผวนตรงส่วนนี้ได้)
1.ความสามารถในการผลิตสินค้า
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือการเพิ่มกำลังผลิต ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีของการผลิตสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งก็จะนำไปสู่ ยอดการขายที่มากขึ้นได้เช่นกัน ( อย่าลืมว่า มี order มาก มีวัตถุดิบเหลือเฟือ แต่ไม่มีที่ผลิต หรือผลิตได้จำกัด ก็ไร้ค่า ดังนั้น บริษัทจำต้องเตรียมความพร้อม สิ่งเหล่านี้ให้เพียงพอในอนาคต (ถ้าคาดหวังว่ายอดการผลิตจะเติบโตมากกว่านี้เรื่อยๆ )
การเพิ่มกำลังผลิต มีตัวแปรอะไรที่มองได้บ้าง (เอาคร่าวๆ) คือ พื้นที่ และ เครื่องจักร อุปกรณ์ในการผลิตต่างๆ ความหมายก็คือ
ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อสร้างกำไรในอนาคต
เค้ามีการใช้ ตัวเลขชุดหนึ่งมาดู ก็คือ
Capital Expenditure ( CAPEX )
เงินสดซื้อสินทรัพย์ถาวรที่ใช้ในกิจการ(หาได้จากงบกระแสเงินสด)
<การลงทุนสินทรัพย์ของบริษัท ที่ผ่านมาเราได้ข้อมูลอะไรบ้าง
1.
svi-1 ได้ทำการย้ายการผลิตไป ยัง svi-3 เฟสแรก (ในส่วนยอดการขายที่ โรงงานหนึ่งมีกำลังผลิตที่ทำได้ ตกราวๆ 100 US dollar) ซึ่ง ปัจจุบันได้ทำการย้ายฐานการผลิตรวมถึงศูนย์กลางในงานบริหารต่างๆได้เกือบหมด (คุณโพธ์บอกว่าในsvi-1 พนักงานเกือบทั้งหมดย้ายไปโรงงานสามแล้วยกเว้นพนักงานจำเป็นแค่สองคนก็คือ คุณโพธิ์ กับ ผบห.อีกท่านที่ยังคงอยู่ในโรงงานหนึ่งและคาดว่า อีกไม่นานคงย้ายตามไป) ตรงนี้เป็นจุดที่น่าสังเกตว่า ในช่วงระหว่างการย้ายฐานการผลิต แสดงว่า svi-1 ก็จะยังไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาได้ ดังนั้น ในไตรมาสหนึ่งของปี 54 จึงอาจจะมีผลกระทบบ้าง (อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัว)
2.
svi-2 มี full capcity ตกราวๆ 190 ล้าน US dollar
3.
svi-3 เฟสแรกนั้นรองรับยอดขายได้ เต็มที่ 200 ล้าน US dollar โดยรองรับ จาก SVI-1 100 ล้านUS dollar และยังสามารถรองรับยอดขายได้อีก 100 US dollar
4.
svi-3 เฟสสอง และเฟสสาม full capcity ได้เฟสละ 200 ล้าน us dollar
จากข้อมูลเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า...
ในปัจจุบัน svi-2 และ svi-3 เฟสแรก ก็มีความสามารถ generate ยอดขายได้ราวๆ 390 ล้าน us dollar แล้ว ...(แต่ฟังคุณโพธ์บอกว่า ถ้าเอาfull capacity จริงๆก็สามารถคูณสองได้ แปลว่าสามารถ generate ยอดขายได้สองเท่าจากเดิม อือ ...)
ข้อมูลแผนในอนาคต จะเป็นอย่างไร
-
ปัจจุบัน svi-3 เฟสแรก เสร็จสิ้นไป เกือบแปดสิบเปอร์ คาดว่า สิ้นสุด Q1/54 ก็จะสมบูรณ์ครบ
-แผนขายโรงงาน svi-1 ซึ่งราคาขายนั้น สามารถนำไปลงทุนในการสร้างโรงงาน svi-5 ได้โดยไม่ต้องกู้เงินหรือเพิ่มทุนแต่อย่างใด
-แผนปี 2012 จะเตรียมการขยาย svi-3 เฟสสองกับสาม
-ส่วน svi-5 มีแผนไว้รองรับ vertical market ในอนาคต (ขนาดพื้นที่ความจุ เท่ากับ svi-3)
มีคนถามคุณโพธิ์ว่า ถ้าเปิด SVI มีแผนจะเปิดได้ full capacity เมื่อไร (หมายถึง สามารถเปิดและผลิตเต็มที่ทุก โรงงาน ตั้งแต่ svi-2 จนถึง svi-5) ก็ได้คำกล่าวติดตลกว่า ถึงเวลานั้น ผมคงเกษียณไปก่อนแล้ว...
ทั้งหมดที่เขียน เพื่อให้เห็นข้อมูลแนวโน้ม ความสามารถในการผลิตสินค้า น่าจะพอจะช่วยให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น
2. วัตถุดิบต่างๆ..
ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งของบริษัท/อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเลคโทรนิค ก็คือ
การหาวัตถุดิบที่มีจำกัด
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ทำให้ยอดการผลิตลดลงได้
จุดเสี่ยงในไตรมาสสองและสามของปี 2554 คือ การหาและป้อนวัตถุดิบมายังโรงงาน ยังไงๆก็ยังเชื่อว่า (ความเห็นส่วนตัว) เมื่อไรระบบวัตถุดิบมีปัญหาที่จุดหนึ่ง( หมายถึงญี่ปุ่นที่เกิดซึนามิ) ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นประเทศคู่ค้ากับบริษัท svi ก็ตาม ก็ยังมีแนวโน้มที่เป็นห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องกันอยู่ดี...คำอธิบายคือ..
แหล่งวัตถุดิบในการซื้อป้อนเข้าบริษัทของอุตสาหกรรม อิเลคโทรนิกนั้น มีคู่ค่าสำคัญๆใหญ่ๆอยู่ไม่กี่ประเทศ ดังนั้น เมื่อญี่ปุ่นไม่สามารถส่งวัตถุดิบมาให้บริษัทต่างๆได้ บริษัทต่างๆเหล่านี้ก็ต้องดิ้นรนขวนขวายหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นๆ ซึ่ง นำไปสู่ เหตุผลของการเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่ได้เช่นกัน
แต่สิ่งที่บริษัทได้ให้คำอธิบายคือ ได้มีการใช้ระบบจัดการ ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อนำเข้าจากหลายๆประเทศ ถ้าประเทศหนึ่งชะลอการส่งวัตถุดิบ ก็จะยังสามารถติดต่อกับประเทศอีกประเทศได้ การสร้างสัมพันธ์กับคู่ค้า การใช้ระบบซื้อพ่วงกับบริษัทยักษ์ใหญ่( หมายถึง บริษัทยักษ์ใหญ่ซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากๆ เราก็ขอพ่วงสั่งออร์เดอร์ซึ่งมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับบริษัทยักษ์ใหญ่ เราจึงมีโอกาสได้วัตถุดิบได้มาก) หรือแม้แต่การใช้กลยุทธ์ ซื้อเมื่อไม่มีใครต้องการ ดังเช่นในปี 2553 จะเห็นว่างบกระแสเงินสดลดลงเนื่องจากนำเงินสดไปซื้อวัตถุดิบกักตุนไว้ต้นปี 2553 ซึ่งท้ายสุด ในปลายปี 2553 ทำให้มียอดการขายพุ่งขึ้น
สรุปว่า วัตถุดิบ จึงยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดสำหรับ ธุรกิจด้านนี้
3.order ลูกค้า.
..
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ส่วนนี้ (แม้ว่าจะหาข้อมูลตรงนี้ได้ยาก เพราะว่าน่าจะเป็นความลับพอสมควร) ถ้าไม่มีคนสั่งซื้อสินค้า มีความสามารถผลิตมากได้แค่ไหน วัตถุดิบมีเพียงพอแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีประโยชน์ ...
สิ่งที่ บริษัทได้ทำกลยุทธ์ในส่วนนี้
คือการรุกคืบเข้าสู่ non -consumer market และการพยายามสร้างฐานลูกค้า
*** ผมมีข่าว ที่เกี่ยวข้องกับ ปัจจัยเรื่อง ออร์เดอร์ลูกค้า ....(ขอลอกมาให้อ่าน)**** ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น Friday, March 11, 2011
นางพิสมัย สายบัว ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) ความต้องการ สินค้ายังคงเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในเครื่อง (IP-Camera) โดยล่าสุดทำให้คำสั่งซื้อล่วงหน้า ในมือ(Backlog) ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่สูงคิดเป็นกว่า 85% ของเป้าหมายการขายทั้งปี 2554 ที่ตั้งไว้
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐในปีนี้จะสามารถขยายตัวได้สูงถึง 28% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 330 ล้านบาท หรือมีมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท
"เป้าหมายยอดขายของถ้าดูในรูปของเงินเหรียญ (ดอลลาร์) จะตั้งไว้ที่ 28% ตอนนี้เรามีออเดอร์ล่วงหน้ากว่า 85% แล้ว ถ้าในรูปเงินบาทจะขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนแต่เรามีเป้าหมายไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท ถ้าค่าบาทแข็งค่าขึ้น บริษัทก็จะเร่งทำยอดขายให้สูงขึ้นเพื่อให้โตที่1 หมื่นล้านบาท" นางพิสมัยกล่าว
พร้อมกันนี้ประเมินแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/2554 บริษัทคาดจะมียอดขายปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในไตรมาส 4/2553 ที่ทำได้ประมาณ80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นางพิสมัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตที่สามารถรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้จะมาจากโรงงานแห่งที่ 3 (SVI-3)มีกำลังการผลิตเต็มที่รวม 200 ล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ได้ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ เฟส 1 ขนาด 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว ส่วน SVI-3 เฟส 2 น่าจะสามารถดำเนินการผลิตได้ในช่วงกลางปีนี้
ส่วนกำลังการผลิตที่เหลือจะมาจากโรงงานแห่งที่ 2 (SVI-2) จำนวน200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโรงงานแห่งที่ 4 (SVI-4) ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อีกกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับโรงงานแห่งที่ 1 (SVI-1 )บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการขายกิจการ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหาผู้สนใจซื้อกิจการของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/2554 นี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนในโรงงานแห่งที่ 5 (SVI-5) ซึ่งปัจจุบันได้รับการโอนสินทรัพย์แล้ว โดยปีนี้ตั้งงบลงทุนในโรงงานแห่งที่ 5 จำนวน 250 ล้านบาท ภายใต้งบลงทุนทั้งปีนี้ที่ตั้งไว้ที่460 ล้านบาท
นอกจากนั้นแผนเข้าซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์) ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับธุรกิจของ SVI ในประเทศแถบยุโรปขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาจำนวน 2-3 ราย ซึ่งบริษัทคาดจะได้ข้อสรุปช่วงไตรมาส 3/2554 ตามแผนที่กำหนดไว้
บริษัทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่มีสต๊อก 1-2 เดือน
- SVI มีลูกค้าที่ญี่ปุ่นหนึ่งราย อยู่ที่โอซาก้า ยอดขายไม่มากแต่กำไรดี เป็นการจ้างให้ผลิกอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งใช้เวลาในการผลิตนาน คำสั่งซื้อประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี และยังคงผลิตสินค้าให้ลูกค้าตามปกติ
- โดยหลัก SVI จะรับจ้างผลิต หากต้นทุนวัตถุดิบมีการเพิ่มขึ้น สามารถผลักภาระคือเพิ่มราคาขายได้
- 1Q54-2Q54 เห็น Order หมดแล้ว อยู่ที่ว่าผลิตให้ทันหรือเปล่า แต่คาดว่าไม่น่ามีปัญหา
- 3Q54-4Q54 ปัญหาต่างๆ ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นน่าจะหมดไป
- การสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ในญี่ปุ่น มองว่าเป็นผลดีสำหรับ SVI เพราะลูกค้าต้องใช้อุปกรณ์ในการควบคุมวงจรต่างๆ ของอุตสาหกรรม ตอนนี้ก็เริ่มมีติดต่อเข้ามาแล้ว ทำให้ Booking ดีขึ้น
สุดท้าย ด้วยความที่ปัจจุบันลูกค้าหลักของ svi ก็คือ กลุ่มตลาดในสแกนดิเนเวีย (กลุ่มนี้เป็นตลาดที่เล็กมากเมื่อเทียบกับ global market share ) แต่ด้วยศักยภาพของบริษัทที่พยายามเพิ่มสินทรัพย์ เพิ่มยอดการขาย เพิ่มความสามารถของบริษัท ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เราจะติดตามก็คือ บริษัทกำลังพยายามจะโตในที่เล็กได้สำเร็จแค่ไหน ต้องลองติดตามดู ...
......
Create Date : 09 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 พฤษภาคม 2554 21:51:31 น.
7 comments
Counter : 6753 Pageviews.
Share
Tweet
แล้ว บ. ตั้งอยู่ที่ไหนครับ...
โดย: ขอให้รุ่งเรืองๆครับ (
PhooBearxx61
) วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:04:15 น.
ในภาพโรงงานมีบอกสถานที่ตั้งไว้ครับ
โดย: kunjoja (
kunjoja
) วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:09:06 น.
ในปัจจุบัน svi-2 และ svi-3 เฟสแรก ก็มีความสามารถ generate ยอดขายได้ราวๆ 390 ล้าน us dollar แล้ว ...(แต่ฟังคุณโพธ์บอกว่า ถ้าเอาfull capacity จริงๆก็สามารถคูณสองได้ แปลว่าสามารถ generate ยอดขายได้สองเท่าจากเดิม อือ ...)
จากตรงนี้แสดงว่ามีกำลังการผลิตที่ทำได้จริง 800 แต่ปัจจุบันใช้ 390 ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ทำไม่ต้องขายโรงง่าน 1 ครับ เทคโนโลยีมันเก่า????
โดย: ซี ศรีวะรมย์ IP: 61.19.67.208 วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:19:08 น.
ตามความเข้าใจของผม คร่าวๆก็คือ อย่างน้อยโรงงานทั้งหมดก็จะอยู่ในพื้นที่โซนเดียวกัน การบริหารจัดการ การดูแล ก็จะมีประสิทธิภาพดีขึ้น
เงินที่ได้จากการขายโรงงานหนึ่ง ก็เอาไปลงทุนในโรงงานห้า ที่มีพื้นที่ติดกับโรงงานสาม (เท่าที่ฟังมานะครับ เนื่องจากไม่เคยไปvisit เลยจะเขียนให้เห็นภาพชัดเจนคงลำบากนิดนึง )
ส่วนเหตุผลอื่นๆไม่ได้ติดตามมากนัก เนื่องจากโปรเจกการขายบริษัท svi-1 น่าจะก่อนที่่ผมจะถือหุ้นตัวนี้ เลยไม่ได้ตามอดีตมากเท่าไรนัก
โดย: kunjoja IP: 180.180.158.145 วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:41:31 น.
ผมไม่เข้าใจครับว่า ถ้าโรงงานปัจจุบันเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึงสองเท่า ทำไมจึงต้องรีบสร้างโรงงานใหม่ครับ
มีเหตผลอะไรที่ผมไม่เข้าใจไหมครับ
เพราะถ้าโรงงานปัจจุบันมีแค่โรงงานที่ 2 และ 3 (เฟสแรก) มันก็จะเต็มกำลังการผลิตแล้วที่ 400 ดังนั้นยอดขายจะไม่ได้มากกว่านี้แล้วถ้าโรงงานใหม่ยังไม่มี (ยกเว้นทำเป็นสองเท่าได้จริง แล้วถ้าทำสองเท่าได้แล้วจะรีบสร้างทำไม ผมงงครับ)
ผมไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายนะครับพี่ ผมไม่เข้าใจจริงๆครับ
โดย: ซี ศรีวะรมย์ IP: 61.19.67.208 วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:03:59 น.
สงสัยนะดีครับ ....ดีกว่าไม่สงสัย
อนาคตเราไม่รู้หรอก แต่สิ่งที่สงสัยก็เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของ svi ที่อนาคตเมื่อมีการขยายการผลิตมาก มีโรงงานมาก ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว(เช่น แรงงาน ค่าดูแลบำรุง ค่าการเสื่้อม หนี้สินดอกเบี้ย )
เมื่้อมีภาระค่าใช้จ่าย ก็ต้องพยายามหารายได้ให้เพิ่มตามให้ทัน ถ้ารายได้ไม่ทันกับค่าใช้จ่าย ข้อมูลต่างๆก็จะส่อแสดงให้เห็นว่า กำไรสุทธิลดลงไปเรื่อยๆ ภาระหนี้สินทวีเพิ่มขึ้นไม่สามารถชำระหนี้สินได้ ....
..ทั้งหมดผมตอบไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร คงต้องดูต่อไปครับ
มันเป็นเรื่องอนาคต ที่เป็นความเสี่ยง (ผมว่าทุกบริษัทก็มีความเสี่ยงต่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือเราmonitor อย่างไรในความเสี่ยงเรานั้น )
ส่วนในเรื่องของอัตรากำลังผลิตลองศึกษา แบบรายงาน 56-1 ในหัวข้อ การประกอบธุรกิจในแต่ละสายผลิตภัณฑ์ มาประกอบ อาจจะตอบคำถามอะไรได้บ้างนะครับ
ส่วนการสร้างโรงงาน ตามความเข้าใจผม คือ เฟสสองกับเฟสสาม ยังไม่ได้มีอุปกรณ์เครื่องจักรอะไร เมื่อไรที่กำลังการผลิตที่มีอยู่เต็มกำลังหรือ สินค้าเฉพาะทางบางอย่างต้องใช้อุปกรณ์การผลิตเฉพาะทาง จึงจะค่อยลงทุนเพิ่ม ดังนั้น โรงงานในอนาคต จึงเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับธุรกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถ้าเกินกำลังผลิตแล้วจะหาพื้้นที่จะผลิต จะหาโรงงาน ผมว่า เป็นการมองที่ช้าไปหน่อย ดังนั้น น่าจะเป็นวิสัยทัศน์ของผบห. ที่มองถึงแนวโน้มของบริษัทตัวเอง จึงได้พยายามขยายและปรับเปลียนโครงสร้างของตัวบริษัท
ต้องดูต่อไปว่า วิสัยทัศน์นี้ เป็นอย่างไรครับ น่าสนใจว่าจะทำได้จริงไหม
โดย: kunjoja IP: 125.27.140.116 วันที่: 10 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:05:41 น.
โดยปีนี้ตั้งงบลงทุนในโรงงานแห่งที่ 5 จำนวน 250 ล้านบาท ภายใต้งบลงทุนทั้งปีนี้ที่ตั้งไว้ที่460 ล้านบาท
งบ 250 เป็นเงินที่ใช้ในการซื้อที่ดินหรือไม่ครับ
ถ้าไม่ใช่ บ. อาจเห็นแนวโน้มที่สดใสในอนาคตจึงเริ่มลงทุนบางส่วน
ไปก่อนล่วงหน้าเป็นไปได้ไหมครับ
โดย: dcc IP: 182.52.210.220 วันที่: 10 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:17:03 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
kunjoja
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
คนจนที่อยากรวย
ขอบฟ้าบูรพา
หมอสัจจะ
NIKKEI_NIK
พ่อน้องมีมี่
ศรัทธาชาวสวน
นมเย็น
ahcmos
noooon010
ibozla
engdespsu
Rhythm of Love
WACHOVIA
m-ms
mutualfundlover
supphanat
RoseTiara
picklife
สดายุ...
catrule
supunsiri
Webmaster - BlogGang
[Add kunjoja's blog to your web]
Bloggang.com