ลุงหมีขี้เมา กะเจ้าชายหัวเหม่ง ตอนที่ 3


วันนี้วันเสาร์ ผมออกมาเดินยืดแข้งยืดขาที่ตลาดแถวบ้าน เดินเล่นตามประสาคนกลับมาโสดอีกครั้ง แอบเหงาอยู่นิดนึงที่ไม่มีใครเดินข้างๆ เหมือนเดิม แต่ก็อย่างว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เฮ้ออออ... ชักเริ่มปลง


วันนี้เดินคนเดียว เพราะเพื่อนๆ ผมไม่ว่างมาเดินด้วย ก็แต่ละคนทำงานเอกชนทั้งนั้น


มีผมคนเดียวในหมู่เพื่อนๆ นี่ล่ะที่ดันมารับราชการอยู่คนเดียว


เดินไปเดินมา หาไรทานซะหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็เริ่มช๊อปปิ้ง ซื้อของกินเล่นตามประสาคนชอบกิน


“เฮ้ยยย...... มันวิ่งไปทางนั้นแล้ว” เสียงโหวกเหวก โวยวายดังขึ้น


“พวกมึงตามมันไป กูจะไปดักอีกทางนึง” มีเสียงผู้ชายฟังดูยังหนุ่ม สั่งการเพื่อนๆ อยู่


ผมมองหาต้นเสียงทันที พร้อมกับมองไปรอบๆ ดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยตื่นตกใจกับอะไรง่ายๆ แต่พยายามตั้งสติ


ภาพที่ผมเห็น และประมวลได้ในขณะนี้คือ เด็กนักเรียนตีกัน รู้สึกว่าจะมีอาวุธด้วย เป็นมีด หรือไม้นี่ล่ะ


ผมหลบดูอยู่ห่างๆ ตรงป้ายรถเมลล์ เพราะไม่แน่ว่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง หรือจะเดินกลับดี


“มึงเจอมันไหม กูดักทางนี้ไม่เจอ” ท่าทางจะเป็นพวกรุ่นพี่ ถามพวกที่เหลือ


“ไม่เจอแลยพี่” มีเสียงตอบ


“ทางนี้ก็ไม่มี เอาไงต่อดีพี่” ลูกน้องมันถาม


“พวกมึง 2 คน คอยดูตำรวจไว้ก่อน อย่าให้ใครแจ้ง มึงผิดสังเกตุบอกกู” ไอ้หัวโจกมันสั่งลูกน้องมันอีก 2 คน


ผมตัดสินใจเดินเข้าห้าง เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวไรกับเรา ระหว่างนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นอีก


“นั่น... มันอยู่ทางนั้น ตามมันไป เร็ว!!!!!” ไอ้ตัวหัวโจกตะโกนบอกพวกๆ มัน


จังหวะนั้นเอง มีเด็กผู้ชายคนนึง เดินลงรถเมลล์มาพอดี เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นักเรียนกลุ่มนั้นกำลังวิ่งเข้าหาคู่อริ


ผมแทบทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ความคิดไม่ทันกับร่างกาย


ผมวิ่งไปที่น้องคนนั้น คว้าตัวหลบ ก่อนจะมีเสียงอะไรตามมาอีก


“ก้มหัวลง หลบนี่ก่อน อย่าเพิ่งออกมา” ผมตะโกนบอกน้องเค้า


พร้อมกันนั้นผมคว้าตัวน้องคนนั้นไว้ แล้วบอกว่าให้ก้มหัวลง เป็นจังหวะเดียวกับที่พวกนั้นเงื้อไม้เพื่อจะเข้าไปตีคู่อริ แต่ก็พ้นขอบประตูรถเมลล์ไปหวุดหวิด


รู้สึกตัวอีกที พวกนั้นก็วิ่งผ่านไปหมดแล้ว


ผมกอดน้องคนนั้นไว้แน่น จนน้องคงเริ่มอึดอัด


“ไปกันหมดแล้วครับพี่” น้องคนนั้นบอกผมเบาๆ


“อ้อ.. ขอโทษๆ” ผมคลายมือออก พลางกล่าวคำขอโทษ


“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับพี่ ผมงงไปหมดแล้ว” น้องคนนั้นเอ่ยปากถาม


“เด็กนักเรียนตีกันน่ะ อ้อ.. เราเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถาม พลางมองไปรอบๆ ตัวน้องคนนั้น


ภาพที่เห็นคือ น้องผู้ชายอายุ 20 ต้นๆ ตัวไม่สูงมาก อวบๆ ขาวๆ ไม่ตี๋มาก

ผมสั้น ใส่แว่นตา สะพายเป้เล็กๆ สวมเสื้อยืดสีชมพู ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ

ที่หูมีหูฟังเสียบอยู่ น่าจะเป็น iPod หน้าตาซื่อๆ แต่ก็ดูน่ารักดี


“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ แต่... พี่เจ็บมากไหมครับ” น้องคนนั้นถามผม


“ก็ไม่เป็นไร โอ๊ะ!!” เฮ้ยยยย ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนอย่างแรง คาดว่าเมื่อกี้ผมคงชาจนไม่รู้สึก


แขนผมคงไปกระแทกกับประตูรถเมลล์เมื่อกี้อย่างแรง แล้วโดนหนีบเพราะเป็นประตูอัตโนมัติ



“อืมม.. ไม่เป็นไรมากหรอก นิดหน่อยน่า” ผมบอกน้องเค้า “เอ้อ.. ว่าแต่เราไม่เป็นไรจริงๆนะ”ผมถามน้องเค้าอีกรอบ


“ไม่เป็นไรครับพี่ ไงก็ขอบคุณนะครับ เอ่อ... ผมขอตัวนะครับ พอดีรีบไปธุระน่ะครับ” น้องเค้าบอกผม ท่าทางรีบๆ


“งั้นโชคดีครับ” ผมบอกลาน้องเค้า


จากนั้นผมรีบหยิบโทรศัพท์ หาเบอร์ไอ้เอกเพื่อนผม แล้วกดโทรออก


“เฮ้ยย...เอก กุอิฐเอง แกช่วยส่งลูกน้องมาดูที่ตลาดบ้านกุหน่อยสิวะ” ผมโทรบอกเพื่อนที่เป็นนายตำรวจที่อยู่แถวนั้น


“เออ.. มีไรวะ” “แล้วนี่มึงเป็นไรป่าววะ เสียงดูเหนื่อย ๆ” ไอ้เอกถามผมกลับมา


“ก็เด็กเทคนิคฯ แถวนี้ล่ะ มันตีกันว่ะ กุหวิดโดนลูกหลง” ผมบอกมัน


“เออ.. เดี๋ยวกุฝากด้วยแล้วกัน แต่ขอกลับก่อนโว้ย เจ็บแขนว่ะ โดนประตูรถหนีบเอา” ผมบอกมันอีก


“555 เสียงมันหัวเราะไล่หลังมา มึงนี่ซุ่มซ่ามเหมือนเดิมนะ ไงเอ็งก็กลับบ้านดีๆล่ะ อย่าไปเดินชนไรอีกนะโว้ย ตัวยังกะช้าง ของเขาพังเสียหายหมด 555” มันแซวผมกลับมาอีก


“ปากดีนักนะมึง เจอกันจะอัดให้น่วม กุไม่กลัวนะโว้ยตำรวจน่ะ” แล้วผมก็วางสายไป


แขนที่โดนกระแทกมะกี้เริ่มระบม ผมตัดสินใจเดินกลับบ้านดีกว่า ตรงนี้ชักไม่ปลอดภัยแล้ว


กลับมาถึงบ้าน หาไรทานแล้วก็ทานยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดไปแล้ว


ผมชักเพลียๆ ขอนอนก่อนแล้วกันวันนี้ ว่าแล้วผมก็ผล็อยหลับไป


“น้อง ระวัง!!!” ผมตะโกนสุดเสียง


แล้วผมก็ผวาตื่น เช้าอีกวันนึงแล้ว นี่ก็เดือนกว่าแล้วนะเนี่ยที่ไม่ได้ฝันร้ายหลังจากโดนทิ้งมา


สงสัยเป็นเพราะพิษไข้เมื่อคืน แขนระบมเลย สงสัยไปฟาดกับประตูแรงมาก แต่ตอนนั้นไม่รู้ตัวเลย คิดแต่ห่วงคนอื่น ทำไมไม่ห่วงตัวเองมั่งเลยนะเรา


วันนี้วันอาทิตย์ ผมตื่นมาทานข้าวต้มที่ยายทำให้ แขนขวาที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้หยิบจับอะไรไม่ค่อยถนัดเลย

งั้นวันนี้นอนพักผ่อนทั้งวันแระกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำงานไม่ไหว


ว่าแล้วผมก็ทยอยหาหนังเรื่องที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ดู มาเปิดดู นอนดูไปๆ เรื่อยๆ ชักง่วง เบลอๆผมเผลอหลับไปอีกแล้ว


“น้องระวัง!!!” ผมฝันอีกแล้ว


“ขอบคุณมากครับพี่” น้องคนนั้นขอบคุณผม


“เอ่อ... แล้วน้องชื่ออะไรครับ” ผมถามน้องเค้า


“อิฐ... อิฐเอ้ยย” เสียงยายเรียก ผมสลึมสลือ ลืมตาตื่น


“ครับ มีอะไรครับ” ผมตะโกนถามยาย


“ทานข้าวกลางวันลูก เที่ยงกว่าแล้ว” เสียงยายเรียกผมทานข้าวกลางวันนี่เอง แสดงว่านี่ผมหลับไปตลอดช่วงเช้าเองหรือนี่ ทำไมช่างยาวนานเหลือเกิน


แต่.. ผมว่าผมรู้สึกแปลกๆไปนะ ทำไมผมถึงฝันถึงน้องคนนั้นบ่อยจัง


คงไม่มีไรหรอกน่า ก็คงยังไม่หายตื่นเต้นน่ะ ลงไปทานข้าวดีกว่า ชักหิวแระ จะได้ทานยาด้วย




Create Date : 23 เมษายน 2552
Last Update : 23 เมษายน 2552 11:20:24 น. 3 comments
Counter : 456 Pageviews.

 
อวบ ๆ
ไม่ค่อยสูง




กี๊ซซซซซซซซซซซ


โดย: มะอิ๊ว~ IP: 124.122.158.82 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:12:24:31 น.  

 
ฮึ!!!! มหากาพย์นะ แหม......
ทมยันตี


โดย: หนึ่งในตัวละคร IP: 58.8.2.69 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:13:34:21 น.  

 
ชื่นชมพลเมืองดีึค่ะ ดีใจแทนน้องคนนั้นด้วย

เรื่องราวอ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ
เรื่องฝันร้าย อีกไม่นานก็หายเอง


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:22:45:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LittlE_KuMa
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
23 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add LittlE_KuMa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.