คำนำ (ตามที่เขียนส่งไปค่ะ)

พรุ่งนี้วันที่ 20 มกราคม 2017 โดนัลด์ เจ ทรัมป์จะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาด้วยคะแนนนิยมต่ำสุดในประวัติศาสตร์การทำโพลล์ คือ 34เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประธานาธิบดีคนก่อนหน้า อย่างเช่นเมื่อเดือนมกราคมปี 2009 ที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามาสาบานตัวเข้าดำรงตำแหน่งเดียวกันในสมัยแรกด้วยคะแนนนิยม 61 เปอร์เซ็นต์

เขาจะเข้ารับตำแหน่งในท่ามกลางปัญหาและข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับตัวเขาและความเหมาะสมของเขาในฐานะผู้จะดำรงตำแหน่งสูงสุดของประเทศ นับตั้งแต่เรื่องที่ว่ารัสเซียมีส่วนช่วยให้เขาได้รับเลือกตั้ง เหตุก็เพราะวลาดิเมียร์ ปูติน เกลียดและกลัว ฮิลลารี คลินตัน และไม่เพียงเท่านั้น เอกสารซึ่งเอฟบีไอได้มาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ระบุว่ารัสเซียหล่อหลอมทรัมป์เพื่องานนี้มาเป็นปีแล้วด้วยการส่งข้อมูลลับที่มาจากการเจาะฐานข้อมูลของพรรคตรงข้ามให้เขาและทีมงานของเขามาตลอดปี2016 ไม่เพียงเท่านั้นรัสเซียยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของทรัมป์ขณะไปรัสเซีย เป็นข้อมูลที่ใช้แบลกเมลล์เขาได้ ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าประธานาธิบดีโอบามาและตัวทรัมป์เองได้รับรายงานเรื่องนั้นแล้ว และวุฒิสภาก็ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบแล้วด้วย ในเวลาเดียวกันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จอห์น ลูอิสประกาศไม่ไปร่วมงานสาบานตัวของเขาเพราะมองว่าเขาได้ตำแหน่งมาอย่างไม่ชอบธรรม สมาชิกสภาล่างสังกัดพรรคเดโมแครตอีกกว่า 30 คนจะทำอย่างเดียวกัน

วุฒิสมาชิกเจฟฟ์ เมิร์คลีย์ เคยพูดไว้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์มีวุฒิภาวะของเด็กห้าขวบที่มีอีโก้ขนาดใหญ่โตมโหฬารห่อหุ้มอยู่ เมื่อพิจารณาจากประวัติชีวิตของเขาก็เห็นได้ไม่ยากว่าเป็นความจริงเช่นนั้น เขาถนัดในการสร้างภาพสร้างภาพว่าร่ำรวยมหาศาล มีรสนิยม มีความสามารถในการบริหารงาน มองอนาคตไกล ทุกสิ่งที่เขาแตะต้องจะยิ่งใหญ่ที่สุด ดีที่สุด คำที่เขาใช้เสมอในส่วนที่เกี่ยวกับตัวเองคือ สวยงามที่สุด มโหฬารที่สุด เขาโอ้อวดถึงความเก่งกาจของตัวเองได้อย่างไม่ขัดเขิน

โดนัลด์ทรัมป์เริ่มสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ แต่สิ่งที่เขาต้องการขายจริงๆ มาตลอดคือโดนัลด์ ทรัมป์ เขายอมรับอย่างเปิดเผยในหนังสือที่เขียนว่าเขาใช้ทุกวิถีทางเพื่อสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตัวเองและเพื่อให้ได้มาซึ่งจุดหมายสูงสุด นั่นคือเงิน ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทตัวเองหรือคุยโตโอ้อวด หรือฟ้องร้องใครต่อใคร เขาพูดถึงอาชีพของตัวเองว่า “ผมเป็นตัวแทนของโดนัลด์ ทรัมป์”เขาสร้างกฎเกณฑ์ทางการเมืองของประธานาธิบดีขึ้นมาใหม่ในขณะที่พลิกพรรครีพับลิกันชนิดกลับบนลงล่าง แม้จะเป็นนักการเมืองแรกหัดแต่เขาก็มีสัญชาตญาณที่แม่นยำว่าอะไรที่ทำให้คนอเมริกันจำนวนมากโกรธ ทักษะในการสื่อสารของเขาเหมาะกับยุคสมัยของรายการทางเคเบิ้ลทีวีที่มีให้ดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เหมาะกับการทวีตข่าวสารที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างรวดเร็ว และความไม่ละเอียดอ่อนของสื่อแบบดิจิตอล เขาแสดงความคิดเห็นในเชิงปลุกปั่นและยั่วยุผู้ฟังส่วนใหญ่ จะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับความจริงในแบบที่ผู้เข้าสมัครส่วนใหญ่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด และส่วนใหญ่ไม่มีใครจับผิดเสียด้วย เหตุก็เพราะตรวจสอบข้อเท็จจริงกันไม่ทัน เขาจะพูดอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของใคร จะท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติของการเมือง การเข้าร่วมการเลือกตั้งของเขามีแต่คนดูถูกดูแคลนและหัวเราะเยาะ ใครๆ เรียกเขาว่าตัวตลกทางการเมือง แต่เขาตระหนักถึงสิ่งที่ทำให้อเมริกาอยู่ในสภาพย่ำแย่และสิ่งที่ทำให้คนอเมริกันเป็นเดือดเป็นแค้น อีกทั้งรู้ว่าจะพูดภาษาเดียวกับคนเหล่านั้นอย่างไร

แม้จะอาศัยอยู่ใน“ปราสาท” ที่ประดับประดาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทองคำ และเดินทางไปหาเสียงตามที่ต่างๆ ด้วยเครื่องบินส่วนตัว แต่เขาก็แสดงตัวว่าเป็นเสียงของคนใช้แรงงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เขาต่างจากผู้แทนพรรครีพับลิกันเท่าที่เคยมีมาโดยสิ้นเชิง เป็นนักธุรกิจที่คิดและปฏิบัติต่างจากคนอื่น และไม่ขอโทษใครที่ตัวเองเป็นเช่นนั้น แม้บางครั้งจะดูเหมือนเสียใจในสิ่งที่พูดไปก็ตาม และความดื้อรั้นนั้นก็ทำให้เขาดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

โดนัลด์เจ ทรัมป์จะพาสหรัฐอเมริกาไปในทิศทางไหนนั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่อดีตเท่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เคยล้มละลายมาแล้ว 6 ครั้งบอกให้รู้ว่าถ้าเขาไม่เปลี่ยนวิธีคิดและวิธีปฏิบัติบางทีอนาคตนั้นอาจไม่“ยิ่งใหญ่” อย่างวลีที่เขาใช้หาเสียงก็เป็นได้

บรรณาธิการสำนักพิมพ์ติดต่อมาเพื่อถามว่าจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับทรัมป์สักเล่มได้ไหม ตอนนั้นคือหลังวันเลือกตั้งไม่นาน แกบอกว่ากะจะอีเมลมาก่อนหน้านั้นเพราะคิดอย่างที่ใครๆ คิดว่า Hillary Clinton จะชนะเลือกตั้ง ที่ตกลงรับเขียนก็เพราะคิดว่าการศึกษาประวัติชีวิตของทรัมป์คงเป็นอะไรที่ cathartic บ้างเพราะตอนนั้นกำลังผิดหวังเหมือนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกันคนอื่นๆ อีกกว่าครึ่งค่อนประเทศที่เลือก Hillary หลังจากอ่านเรื่องของเขาจากหนังสือหลายเล่มมีความรู้สึกว่าส่วนหนึ่งเขาเป็นคนที่ไม่ถึงกับเลวร้ายอะไรถ้าจะคงเป็นอย่างที่เขาเป็นมาตลอดชีวิต เขาอาจเคยทำอะไรให้ใครๆ เดือดร้อนมาบ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นในวงแคบๆ ไม่ใช่ในระดับประเทศแบบนี้ ที่สำคัญคือเขาไม่มีคุณสมบัติใดๆ เลยที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำประเทศ ไม่ต้องพูดกันถึงประวัติการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารเลยด้วยซ้ำ ว่ากันแค่สติปัญญา พื้นฐานทางอารมณ์ หรือวุฒิภาวะ เขาเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ถูกตามใจจนเวลาที่ไม่ได้อย่างใจก็จะ throw a temper tantrum ทันที อย่างที่ที่คนๆ หนึ่งเคยพูดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ใน town hall meeting ในรัฐหนึ่งว่าเวลานี้เหมือนกับมี juvenile running our country ไม่มีผิดเพี้ยน หรือเหมือนอย่างที่สมาชิกสภาของอังกฤษคนหนึ่งเรียกทรัมป์ว่าเป็น petulant child ชอบคำนี้ค่ะ petulant อะไรจะอังกฤษ-อังกฤษได้ขนาดนั้น

New York Times ฉบับวันที่ 14 กุมภาพันธ์พิมพ์จดหมายของจิตแพทย์และนักจิตวิทยา 33 คนที่ระบุว่าทรัมป์มีปัญหาทางจิต คนที่เป็นโรคจิตเภทลักษณะนี้จะไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างจากตัวเอง จะบิดเบือนความเป็นจริงให้เป็นไปตามสภาพจิตใจของตัวเอง จะโจมตีข้อเท็จจริงรวมทั้งทุกคนที่พยายามแสดงให้เห็นข้อเท็จจริงเหล่านั้น เป็นคนที่อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย เข้าใจไปว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เป็นความผิดปกติทางจิตแบบที่เรียกว่า Narcissistic personality disorder

 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2560		2 comments
Last Update : 27 พฤษภาคม 2560 5:26:58 น.
Counter : 2079 Pageviews.
Share Tweet