Bloggang.com : the fivedog : เซี่ยงไฮ้ตอนที่ 2: หังโจว-ทะเลสาปซีหู-ชาหลงจิ่ง

เซี่ยงไฮ้ตอนที่ 2: หังโจว-ทะเลสาปซีหู-ชาหลงจิ่ง

เมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ๋อเจียง เป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และเป็นแหล่งเภสัชอุตสาหกรรมและสถาบันศิลปะที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน

เมืองหังโจว นับเป็นเมืองเก่าแก่ 1 ใน 6 ของประเทศจีน โดยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 2,100 ปี และยังถูกกล่าวไว้ในบทกวีหลายบท ที่แต่งขึ้นสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) โดยได้รับแรงบัลดาลใจจากความงามอันหลากสีสันของเมืองหังโจว

เราจะไปล่องเรือที่ทะเลสาบซีหู ก่อน แต่โชคร้ายวันนี้ ฝนตก ต้องซื้อร่มคันละ 10 หยวน ซื้อ 2 คัน ต่อกระจายจนเหลือ 15 หยวน

ทะเลสาบซีหู (West Lake) ทะเลสาบใหญ่อันสวยงามและเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ดังบทกวีอันมีชื่อเสียงของจีนที่ว่า "หากฟากฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนผืนปฐพีก็มี ซู หัง ( ซู คือ ซูโจว, หัง คือ หังโจว) ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหังโจวในแต่ละปี มักไม่พลาดที่จะไปเยือนทะเลสาบแห่งนี้

ไฮไลท์ของการล่องเรือ น่าจะเป็น การชมโคมไฟ 3 ดวง หรือที่เรียกว่า "Three Pools Mirroring The Moon"
ภาพจากChinapictures.org

สำคัญอย่างไร
ว่ากันว่าในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ที่ซีหูหรือ west Lake จะเห็นพระจันทร์ 32 ดวง ซึ่งจะสวยงามมาก

ทำไมที่ทะเลสาปซีหูมีจันทร์ 32 ดวง
มาจากโคมไฟกลางทะเลสาบ 3 โคมแต่ละโคมมี 5 ช่อง เมื่อเปิดโคมไฟจะมีแสงสะท้อนลงน้ำ โคมละ 5 ดวงรวมกับไฟในโคมอีก 5 เป็น 10 ดวง/โคม

เมื่อมีโคมไฟ 3 โคม จึงมีจันทร์ 30 ดวง

และจากเงาพระจันทร์สะท้อนกับน้ำอีก 1 ดวง รวมจันทร์บนฟ้า ก็ครบ 32 ดวง ว่างั้น

ความดังของเงาจันทร์ ปรากฏบนแบงก์ 1 หยวน
ภาพจาก Bank of China

จากนั้นไป วัดจิ้งฉือ หรือวัดจี้กง อยู่ตรงข้ามกับเจดีย์นางพญางูขาว ซึ่งเป็นวัดโบราณที่มีชื่อเสียงของชาวจีนวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวหังโจวเป็นอย่างยิ่ง สร้างในปี ค.ศ. 954 และมีการสร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1960

ที่เรียกว่า วัดจี้กง ก็เพราะท่านจี้กงเคยมาจำพรรษาและบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้

จี้กงเป็นพระที่กินเหล้า ไม่แปลกถ้าจะเห็นเหล้าขาวมาวางบูชาที่รูปท่านจี้กง

จากนั้นเดินทางมุ่งสู่สวนชา เพื่อเยี่ยมชม สวนชาหลงจิ่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหังโจว ไร่ชาเขียว "หลงจิ่งฉา" ( แปลว่า ชาบ่อมังกร ) ของทะเลสาบซีหู เป็นใบชาที่มีชื่อเสียงที่สุดชนิดหนึ่งของประเทศจีน กล่าวกันว่า "ดื่มชาหลงจิ่ง เพียง 1 จิบ ปากจะหอมตลอดวัน

สมเด็จพระเทพฯเคยเสด็จเมื่อปี 1999 และรัฐบาลจีนก็ได้ถวายชาหลงจิ่ง หนัก 2 kg ซึ่งถือเป็นของขวัญระดับประเทศ

• ชาที่นี้ เป็นชาเขียว เวลากินจะมีกลิ่นสาหร่าย แปลกดี
• สำหรับที่นี้ จะไม่ใช่คำว่า ดื่มชา แต่จะเป็น กินชา เพราะมันกินได้เลย เป็นยอดใบชา

จริงๆ คือจะมีการเก็บดอกตูมๆมาทำชา เวลาชงมันจะบานในถ้วย ชาแบบนี้เป็นเกรดฮ่องเต้ ตกกระป๋องละ 300 หยวน ที่รองลงมาก็ 200 หยวนเป็นแบบยอดใบชา

• แบบดอกตูมเค้าว่ามันยังเก็บคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าพวกที่บานแล้ว ราคาจึงแพงกว่า
• ชาที่นี้ถือเป็น ยอดของฝากเมืองจีน

ชาที่นี้ ทำไมแพง ก็คงจะเป็น เรื่องขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นชา มันเป็น hand made จริงๆ

คือกว่าจะได้ ชาหนัก 1 kg. ต้องใช้ยอดชาที่เด็ดมาถึง 72,000 ยอด และที่สำคัญต้องใช้เวลาคั่วใบชา ตากแห้ง นานถึง 8 ชั่วโมง จึงจะได้ ชาหนัก 1 kg.

เอามาให้ ดูกะทะคั่วใบชา ที่ใช้กันจริงๆ

ก็ลองดู ขั้นตอนการทำชาที่ ที่นี่ดู มี 6 ขั้นตอน

เห็นแล้ว ไม่เอาเป็นของกิน ของฝาก ก็ใจแข็งพอสมควร

Create Date : 11 เมษายน 2550

Last Update : 25 ธันวาคม 2551 7:53:51 น.

3 comments

Counter : 3875 Pageviews.

ชาน่าดื่มมากเลย

โดย: fairy_tells

วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:15:51:39 น.

ไม่ได้ชอบกินชาเป็นพิเศษ
แต่ไอ้เรื่องลองของใหม่ ๆ นี่ชอบนักล่ะ
อยากไปเที่ยวต่างประเทศ(นอกจากลาว)บ้างจังเลย...
แต่เสียดายตังค์ 555
(แล้วเมื่อไหร่จะได้ไปล่ะเนี่ย

)

ขอบคุณสำหรับชื่อดอกไม้สีแดงในบล็อกเรานะคะ

ดอกศรีมาลา ชื่อเช้ยเชยยยย แต่สวยเชียว

โดย: ผสมสารกันบูด

วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:11:16:48 น.

ไปเที่ยวจีนมาสนุกมากเลย ถ้ามีโอกาสจะไปอีกครั้ง ได้ดื่มชาหลงจิ่งด้วย รสดีหอมไดกลิ่นเหมือนสาหร่ายและถั่วเขียวเสียดายซื้อมาน้อยไป เมืองไทยที่ไหนมีขายบ้างช่วยบอกหน่อยนะ

โดย: ชานิภา IP: 113.53.79.3 วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:9:18:40 น.