<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 มีนาคม 2559
 

วันดับสูญ...ข้อความที่หายไป

วันดับสูญ...

...ข้อความที่หายไป

คืนนี้เป็นอีกคืนที่ไม่มีแม้แต่ดาวสักดวงกระพริบให้เห็นบนฟากฟ้า อันที่จริงถ้าจะให้ชัดเจนกว่านี้คงต้องกล่าวว่านานมากแล้วที่ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถมองเห็นดวงดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืนจากบนพื้นโลกด้วยตาเปล่า

ไม่มีใครทันสังเกตว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ท้องฟ้าสดใสในวันเก่าก่อนกลับถูกม่านหมอกของฝุ่นละอองและมลพิษปกคลุมไปทั่วจนกลายเป็นดูขมุกขมัวอยู่เกือบตลอดเวลาอย่างเช่นทุกวันนี้

หอพักรูปทรงคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมแบบโบราณสูงห้าชั้นตั้งโดดเด่นอยู่ในความมืดมิดแปลกแยกออกจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบ สภาพเก่าแก่จนยากที่จะบอกได้ว่าสีที่ทาให้กับตัวอาคารแต่เดิมเป็นสีอะไร รอยแตกของปูนตามบันไดและฝาผนังมีให้เห็นได้ทั่วไปราวกับผู้ปลูกสร้างตั้งใจตกแต่งให้เป็นแบบนั้น

บนห้องพักชั้นสามสุดทางเดินเป็นห้องที่มีทำเลดีที่สุดของอาคารนี้ หากเปิดประตูห้องและหน้าต่างตรงระเบียงทิ้งเอาไว้จะมีลมเย็นพัดโชยผ่านตลอดเวลาจนแทบไม่ต้องพึ่งพัดลมเพื่อคลายร้อน แต่ทว่าในขณะนี้ทั้งประตูและหน้าต่างของห้องนี้ถูกปิดสนิท

ภายในห้องเล็กๆ ที่ไม่สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ ฝาผนังปราศจากกรอบรูปและเครื่องประดับ มีเพียงโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆ ตั้งอยู่กลางห้อง ตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ที่มุมหนึ่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเล็กน้อยที่อีกมุมหนึ่งเท่านั้นที่พอจะทำให้บอกได้ว่าห้องนี้ยังมีผู้อยู่อาศัย

สมชายและแขกแปลกหน้านั่งอยู่คนละฝั่งฟากของโต๊ะญี่ปุ่น ทั้งคู่จ้องเขม็งไปยังดวงตาของอีกฝ่ายด้วยความนัยแตกต่างกัน

“ผมขอแนะนำตัวหน่อยนะครับ ด๊อกเตอร์สมชาย”

ชายชราชาวต่างชาติเปิดฉากหลังจากที่เขามองสำรวจไปจนทั่วห้องจนไม่เหลืออะไรให้มองอีกแล้ว

“ผมชื่อโทมัส...โทมัส จิลเวลล์”

“ไม่ต้องมากความหรอกครับ ว่าธุระของคุณมา”

สมชายยกมือขึ้นห้าม พูดรวบรัดตัดบท

“คุณคงไม่ได้มาหาผมเพียงเพื่อต้องการจะแนะนำตัว มาสอดส่องห้องพัก หรือต้องการจะมาดูชีวิตความเป็นอยู่ของผมหรอกมั้ง”

เขารู้สึกว่าตนเองหัวเสียจนถึงกับพูดจารุนแรงเกินเหตุ ไม่แน่ใจว่าทำไมแต่เขารู้สึกไม่สบอารมณ์กับชายชราผู้นี้ อาจเป็นเพราะชายชราตรงหน้านั้นทำทีเหมือนกับจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง อาจเพราะรู้สึกเหมือนเขากำลังถูกชายชราผู้นี้ปั่นหัวอยู่ทั้งๆ ที่ชายชราก็แทบจะยังไม่ได้ทำอะไรเสียด้วยซ้ำ

อาจเป็นเพราะสายตาภายใต้กรอบแว่นลายกระของชายชรามันช่างเหมือนกับสายตาของบุคคลเหล่านั้นในเหตุการณ์วันนั้น

“หึ หึ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณเป็นประเภทคนหนุ่มใจร้อน”

ชายชรายิ้มมุมปาก กลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ สมชายมองท่าทางแบบนั้นแล้วยิ่งหัวเสียขึ้นไปอีก

“ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ห้าปี วันที่โลกนี้ได้รู้จักกับนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ เขาคนนั้นจบปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ ธรณีวิทยา และจักรวาลวิทยาตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นประเภทคนหนุ่มไฟแรงและฉลาดเป็นกรดแบบหาใครเทียบได้ยาก เขาเสนอผลงานวิจัยที่แม้แต่โลกก็ยังต้องสั่นคลอน”

ชายชราหยุดจังหวะหยั่งเชิง สมชายรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองเต้นถี่ขึ้น เลือดภายในสูบฉีดแรงจนรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า

“งานวิจัยชิ้นนั้นมีชื่อว่า...”

“คุณ โท มัส อย่ามาเล่นตลกกับผม”

สมชายพูดเน้นทุกคำพูดด้วยอารมณ์เดือดดาล แววตากร้าวเผยออกมาให้คู่สนทนาเห็นอย่างไม่ต้องคาดเดา ชายชรายิ้มหน่อยหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา ยกมือสองข้างขึ้นบอกคู่สนทนาว่าเขายอมจำนน

“โอเคครับ โอเค ถ้าอย่างนั้นผมจะขอพูดให้ตรงประเด็นเลยก็แล้วกัน ผลงานวิจัยชิ้นนั้นของคุณ ผมอยากจะฟังมันจากปากของคุณอีกครั้ง”

“ผมไม่อยากพูดถึงมันอีก มันก็เป็นเพียงความคิดบ้าๆ ของคนบ้าเท่านั้น”

ชายชราพูดโดยปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบเพื่อให้ดูจริงจังมากขึ้น แต่ทว่าเป็นอีกครั้งที่สมชายพูดตัดบท

ใช่แล้ว

นักวิทยาศาสตร์ที่ชายชราพูดถึงเมื่อนาทีที่ผ่านมาก็คือสมชายนั่นเอง เขายังคงจำเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนได้ดีราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ภาพใบหน้า สายตา และเสียงหัวเราะเย้ยหยันในวันนั้นยังติดอยู่ในสมองของเขายากที่จะลบเลือนได้

ในครั้งนั้นสมชายเที่ยวเสนอผลงานวิจัย “เหตุแห่งการดับสูญของโลก” ให้แก่นักวิทยาศาสตร์และองค์กรต่างๆ ทั่วโลกเหมือนคนเสียสติ แน่นอนว่าชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งที่เขาถวิลหา เขาไม่ต้องการการยอมรับ ไม่ต้องการเป็นนักวิทยาศาสตร์เอกของโลก ไม่ต้องการถูกจารึกอยู่ในหนังสือหรืออนุสรณ์ใดๆ

หากแต่ผลงานวิจัยชิ้นนั้นอาจจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมและอนาคตของมนุษยชาติทั้งหมดหากว่าสิ่งที่เขานำเสนอนั้นถูกต้อง

ทว่าไม่มีคนสนใจแม้แต่จะฟัง เสียงหัวเราะถากถางกลับกลายเป็นสิ่งตอบแทนที่สมชายได้รับ เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหนุ่มที่กระหายในความสำเร็จ ต้องการการยอมรับจนถึงขนาดต้องสร้างเรื่องขึ้นเพื่อปลุกปั่นชาวโลก

และนั่นจึงทำให้ผลงานวิจัยเรื่อง “เหตุแห่งการดับสูญของโลก” กลายเป็นผลงานเพียงชิ้นเดียวของเขา ชื่อด๊อกเตอร์สมชายหายไปจากวงการวิชาการนับจากนั้น เพียงไม่นานทุกๆ คนต่างก็ลืมเลือนเรื่องลวงโลกในวันนั้นไปจนหมดสิ้น

“นักวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์สิ่งต่างๆ ด้วยความรู้และหลักฐาน ทุกสิ่งต้องอธิบายได้ด้วยหลักการและทฤษฎีที่ถูกต้อง”

นั่นคือสิ่งที่สมชายรู้และเข้าใจมาตลอด แต่เหตุใดคนกลุ่มหนึ่งกลับหักล้างเหตุผลของคนอื่นด้วยการเย้ยหยันและความรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขารู้สึกสิ้นหวังกับโลก สิ้นหวังกับความรู้และวิชาการจอมปลอม จนในที่สุดเขาก็มาพบความสงบสุขที่ใจถวิลหาที่โรงเรียนเล็กๆ ในปริมณฑลแห่งนี้

สมชายอยากลืมเลือนเหตุการณ์ในวันนั้นเช่นเดียวกับที่คนอื่นๆ ลืมมันไปหมดแล้ว แม้ไม่อาจลบเลือนได้ทั้งหมด แต่เวลาห้าปีก็นานพอที่จะบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดให้เบาบางลงได้ ทว่าในเวลานี้ชายชราตรงหน้ากลับทำให้มันกลับมาเด่นชัดอีกครั้ง

“ผมรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แต่ได้โปรดเถอะครับ ด๊อกเตอร์ สำหรับผมมันไม่ใช่ความคิดบ้าๆ และนั่นก็ทำให้มันสำคัญกับผมจริงๆ”

ชายชราและสมชายจ้องตากันแทบไม่กระพริบ ต่างคนต่างพยายามอ่านความคิดที่แฝงไว้ในนั้นของซึ่งกันและกัน ทั้งห้องเงียบกริบราวเกิดสุญญกาศขึ้นกะทันหัน

“ไม่สิ เรื่องนี้มันสำคัญกับทุกคนในโลกใบนี้ต่างหาก”

ใช่แล้ว เมื่อก่อนเขาก็เคยคิดแบบนั้น เรื่องนี้สำคัญกับมวลมนุษยชาติ หากแต่ในเวลานี้สมชายเองก็ไม่อยากที่จะต้องโดนหัวเราะเยาะเรื่องผลงานวิจัยที่อุตส่าห์ทุ่มเทกายใจศึกษามันมาอีกเป็นครั้งที่สอง

“คุณรู้เรื่องภาวะโลกร้อนดีแค่ไหน คุณคิดยังไงกับมันครับ คุณโทมัส”

ความร้อนรุ่มทั้งหมดถูกกดไว้ภายใน สมชายตั้งคำถามกับคู่สนทนาเพื่อหยั่งเชิง ชายชรายิ้มให้กับคำถามที่เกิดขึ้น

“ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขนาดที่เดี๋ยวนี้แม้แต่หลักสูตรการเรียนของเด็กอนุบาลก็ยังต้องถูกบรรจุเรื่องนี้เข้าไปด้วยเลยนะครับ คุณที่เป็นครูมานานก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี”

ชายชราตอบ หยุดจังหวะหน่อยหนึ่งเพื่อดึงความสนใจของคู่สนทนาก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ

“เป็นที่รู้กันดีในทุกวันนี้ว่านับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 จนถึง 1980 อุณหภูมิเฉลี่ยบนโลกสูงขึ้นประมาณ 0.8 องศา ซึ่งนั่นถือมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากจนพวกเราไม่ได้เฉลียวใจใดๆ เลย แต่ทว่าหลังจากนั้นในช่วงสองทศวรรษสุดท้ายก่อนปี 2000 อุณหภูมิโลกกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้บันทึกไว้ว่าอุณหภูมิในช่วงนั้นสูงที่สุดในรอบ 400 ปีเลยทีเดียว”

ชายชราหยุดจังหวะพักหายใจอีกครั้ง กระแอมหน่อยหนึ่ง สังเกตว่าคู่สนทนาหนุ่มกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังอธิบาย

“ยังมีผู้บันทึกไว้อีกว่าในปี 2007 ธารน้ำแข็งและหิมะบนภูเขาเหลือเพียงยี่สิบเจ็ดแห่งเท่านั้น มันลดลงไปมากจริงๆ หากเทียบกับตัวเลขหนึ่งร้อยห้าสิบเมื่อปี 1910 และจากการคำนวณ หากปล่อยให้อัตราการลดลงไปของธารน้ำแข็งและหิมะยังคงเป็นแบบนี้ ภายในปี 2040 น้ำแข็งจะหมดไปจากอาร์กติก และผลกระทบที่ตามมาอาจจะยิ่งใหญ่รุนแรงเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเราจะหยั่งถึง”

ไม่ใช่ว่ามีเพียงชายชราเท่านั้นที่เฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของสมชาย สมชายที่กำลังตั้งใจฟังคำอธิบายอย่างผู้ฟังที่ดีเองก็กำลังประเมินชายชราไปด้วยพร้อมๆ กัน

จังหวะการพูด น้ำเสียง และความรู้ ชายชราผู้นี้ไม่ธรรมดาทีเดียว บางทีชายชราอาจจะตั้งใจมาคุยกับเขาจริงๆ ถึงแม้เรื่องที่พูดจะมีให้อ่านได้ทั่วๆ ไป แต่ใครกันล่ะจะอ่านหากไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ ชายชราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะถูกเขาถามคำถามแบบนี้

ถ้าอย่างนั้นบางทีชายชราผู้นี้อาจจะเข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะอธิบายให้ชาวโลกได้รับทราบเมื่อห้าปีที่แล้วก็เป็นได้

“สภาพอากาศแปรปรวน ความชื้นในบรรยากาศมีมากขึ้นเนื่องจากการระเหยของน้ำที่มากขึ้น มันส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ อุณหภูมิโลกไม่มั่นคงดังวันเก่าก่อน กลางวันร้อน กลางคืนเย็น น้ำทะเลสูงขึ้น อุณหภูมิในมหาสมุทรเองก็สูงขึ้นเช่นกัน และแน่นอนว่าผลกระทบมันไม่ได้มีแค่นั้น หายนะอีกมากมายกำลังจะตามมา”

น้ำเสียงผู้เล่าราบเรียบลง

“หากแต่นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นก็มองเห็นปัญหานี้ ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงคิดมาตรการรณรงค์หลากหลายรูปแบบ แต่ละประเทศต่างก็ทำสนธิสัญญาเพื่อลดปัญหาโลกร้อน และด้วยการจัดการทรัพยากรแบบพร้อมใจกันทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันนี้เราจึงพบว่าอุณหภูมิโลกไม่ได้สูงขึ้นไปกว่าในยุคนั้นสักเท่าไหร่”

“แต่มันก็ยังสูงขึ้นใช่มั้ยครับ คุณโทมัส”

สมชายพูดขึ้นทันทีที่ชายชราพูดจบประโยค

“คุณไม่คิดว่ามันแปลกหรือครับ คุณโทมัส ทั้งๆ ที่มีการรณรงค์อย่างแข็งขันจริงจังขนาดนั้น แต่อุณหภูมิของโลกก็ยังสูงขึ้น มันไม่แม้แต่จะลดลงหรือคงที่ด้วยซ้ำ”

“ตั้งแต่ปรากฏการณ์โลกร้อนแบบวิกฤตเริ่มต้นขึ้นในวันนั้น นั่นก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าทุกอย่างได้สายเกินไปเสียแล้วสำหรับโลกใบนี้”

ราวกับเขาพูดพึมพำกับตัวเอง เสียงถอนหายใจดังอย่างเลื่อนลอย สายตาเหม่อมองออกไปยังความมืดมิดภายนอกกรอบหน้าต่าง เสมือนว่าไม่ต้องการจะรับรู้เหตุการณ์ต่อจากนี้อีกต่อไป


Create Date : 27 มีนาคม 2559
Last Update : 27 มีนาคม 2559 20:43:28 น. 0 comments
Counter : 876 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

KTHc
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add KTHc's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com