The End justified The Means
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 

I’m a Cyborg, But That’s Okay




“บ้าชัดๆ”

(* ชื่อนักแสดง, ตัวละคร, ผู้กำกับ และอื่นๆที่ถอดมาจากภาษาอังกฤษอาจไม่ตรงกับเสียงในภาษาเกาหลี ขออภัย ณ.ทีนี้ครับ)

เมื่อคืนระหว่างที่กำลังประคองสติตัวเองไม่ให้หลับเพราะลีลาอันน่าทอดถอนใจของทีมแมวน้อยอังกฤษ ผมก็พบว่าตัวเองโดนใบสั่ง... เขียนแบบนี้ใครจะพาลนึกไปว่าผมไปขับรถฝ่าไฟแดงที่แยกไหน ซึ่งที่จริงก็เปล่า ผมเพียงแค่ได้การบ้านมาว่า ช่วยไปดูหนังแล้วมาวิจารณ์ให้หน่อย

ในฐานะนักวิจารณ์อิสระที่ไม่เคยยอมก้มหัวให้กับใคร (ยกเว้นช่างตัดผม) ผมไตร่ตรองอยู่สักครู่... แล้วก็วางแผนนัดพบตัวเองที่โรงภาพยนตร์แสนคลาสสิคอย่างลิโดในวันนี้ทันที

I’m a Cyborg, But That’s Okay จั่วหัวไว้ว่าเป็นครั้งแรกบนจอเงินของซูเปอร์สตาร์เอเชียคนปัจจุบัน เรน (หรือ บี หรือ จอง จีฮุน) ที่โดดลงมารับบทแปลกๆในหนังโรแมนติค-คอเมดี้ที่มีพล็อตเรื่องน่าสนใจ ภายใต้การกำกับของ ปาร์ค จังวุค ทั้งนี้หนังยังได้ดาราสาว อิม ซูจอง มาเป็นนางเอกของเรื่อง

โดยย่อแล้ว I’m A Cyborg เล่าเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง แน่นอนถ้ามันมีแค่นั้นจะแตกต่างอะไรกันหนังแนวเดียวกันเป็นพันๆเรื่องก่อนหน้านี้... แต่ถ้าหากหนุ่มสาวคู่ที่ว่าอยู่ในโรงพยาบาลประสาทในฐานะผู้ป่วยล่ะมันจะดูน่าสนใจขึ้นมาบ้างหรือเปล่า

สารภาพว่าตอนที่เห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ลอยเด่นอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ผมไม่ได้มองมันมากไปกว่าหนังของเรน ซึ่งหมายถึงหนังที่มีเรนนำแสดง... ขนาดตอนที่ยื่นเงินแลกตั๋วไปแล้วยังคิดอยู่เลยว่า วันนี้จะคุ้มไหม

คุ้มไม่คุ้มไว้จะบอกกันช่วงท้าย หากแต่ใครและใครที่คิดเหมือนผมว่า หนังของเรนมันจะมีแค่เรนแล้วล่ะก็... ขอบอกเลยว่า มันมีมากกว่านั้นเยอะ

I’m a Cyborg เปิดตัวหนังด้วยพฤติกรรมแปลกๆของ ยงกูน (และน่าจะรวมถึงแม่ของเธอด้วย) เพียงไม่เกิน 5 นาทีหลังจากไตเติ้ลชื่อเรื่อง เราก็หมดสิ้นลังเลว่าเธอเป็นคนไม่ธรรมดา... ที่จริงควรจะเรียกว่าไม่ปกติมากกว่าและบทเท้าความสั้นๆตอนต้นเรื่องก็ทำให้เรารู้ว่า ทำไมเธอถึงถูกส่งมาโรงพยาบาลแห่งนี้

ในขณะที่สิ่งแวดล้อมใหม่ของเธอนั้นออกจะครึกครื้นอยู่ไม่น้อย เพราะเพื่อนใหม่แต่ล่ะคนสุดแสนจะแนวแตกต่างกันไป ยงกูนกลับไม่ค่อยจะโอภาปราศรัยกับใครเท่าใดนัก เธอค้นพบว่าตัวเองเป็น ไซบอร์ค... (ค้นพบเหรอ?) เอาเป็นว่าเธอเชื่อว่าตัวเองเป็น ไซบอร์ค ก็แล้วกัน

และเพราะอย่างนั้นเธอก็จึง... คุยกับตู้ขายน้ำอัตโนมัติ... ยกหูโทรศัพท์แล้วพูดกับมัน... ซ่อนตัวในนาฬิกาติดผนัง ฟังคำสั่งทางวิทยุ และชาร์จไฟจากแบตเตอรี่แทนที่จะกินอาหาร

หนังใช้เวลาไม่นานที่จะทำให้พระกับนางได้พบกันและก็กลายเป็นความสนใจซึ่งกันและกัน เรนเปิดตัวในฐานะ อิลซอน ชายสวมหน้ากากผู้ที่บอกว่าตัวเองสามารถขโมยของได้ทุกอย่างแม้กระทั่งนิสัยหรือความสามารถของคนอื่น... อิลซอนสะดุดใจกับพฤติกรรมแปลกๆของข้างต้นของยงกูน แต่ยังไงก็ตามเขาก็คิดว่าเธอบ้า ... (แล้วตัวแกเองล่ะ)

หนังดำเนินไปในทิศทางตามสูตรของแนวโรแมนติก-คอเมดี้อย่างไม่ไขว้เขวและมีทุกอย่างที่มันควรจะมี ความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งคู่พัฒนาไปตามเหตุการณ์ต่างๆอย่างมีจังหวะจะโคนขณะที่บทบาทสมบทของตัวละครอื่นๆช่วยเป็นทั้งแรงผลักดันและเครื่องชูรสชั้นดี

อย่างที่บอกว่ายงกูนคิดว่าตัวเธอเป็นไซบอร์ค เธอจึงปฏิเสธที่จะกินอาหารแบบคนธรรมดาแต่ดูเหมือนร่างกายของเธอจะไม่เออออห่อหมกด้วยสักเท่าไหร่ ร่างกายของยงกูนจะอยู่ไม่ไหวหากไม่ได้รับอาหาร ขณะที่เวลากำลังกระชั้นเข้ามาอิลซอนจะใช้ความรักของเขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ได้หรือไม่... ต้องดูกันเองแล้วครับ

บอกตรงๆเลยว่า ผมค่อนข้างหวาดหวั่นที่ต้องมาวิพากษ์ผลงานของศิลปินที่มีแฟนคลับล้นเมืองอย่างเรน เพราะคราวก่อนๆผมก็เคยโดนกระทืบแดดิ้นโทษฐานไปจวกแฮร์รี่ พอตเตอร์กับวอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์มาแล้วซึ่งก็ทำให้ค่อนข้างเข็ดพอสมควร (ถ้าเอาข้อเขียนที่ว่ามาลงในปัจจุบันคงโดนข้อหา เกรียน แน่ๆ)

ขณะที่หนังกำลังเดินไป – เดินไป ราวๆ 15 นาทีแรกผมเริ่มสงสัยว่านี่ผมกำลังดูหนังอะไรอยู่ พอพ้นครึ่งชั่วโมงผมก็สรุปได้ว่านี่มันหนังคนบ้า – บ้าชัดๆ – บ้าที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันผมก็ชักสงสัยว่า ปาร์ค จังวุคหมกอะไรไว้ในบทหนังที่แยบยลของเขา

หนังใช้เวลาครึ่งแรกบอกถึงความรักที่ก่อตัวขึ้นระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวที่มีอาการทางจิตและใช้อีกไม่น้อยที่จะบอกว่า ทำไม... อะไรคือสิ่งที่ต้อนพวกเขาเข้าสู่มุมอับและปฏิเสธความจริงในโลกนี้ ทั้งยงกูน ทั้งอิลซอน และอาจรวมใครและใครที่ต้องมารักษาตัวที่นี่ล้วนเป็นคนที่มีบาดแผลทั้งนั้น

ผมต้องชมว่าจังวุคทำหนังได้คมคายและเล่าเรื่องได้หลากอารมณ์ จังหวะต่อเชื่อมของเหตุการณ์ต่างๆนั้นก็ไม่ทำให้คนดูสะดุด จังวุคนำเสนอหลายๆฉากในสายตาของคนที่ไม่ปกติซึ่งพวกเขาก็มีโลกของตนเอง เราจะเห็นว่ายงกูนในสายตาของตัวเธอเองเป็นอย่างไร จนพาลคิดไปว่าเธออาจะเป็นไซบอร์คจริงๆก็ได้ (จะบ้ารึ)

จังวุคนำเสนอหนังของเขาอย่างเอาบ้าเข้าว่าจริงๆครับ มีหลายฉากที่เราต้องอมยิ้มกับความน่ารักจากพฤติกรรมแปลกๆของพวกผู้ป่วย มีฉากดราม่าที่สะเทือนอารมณ์กล้อมแกล้ม มีความโรแมนติคและฉากเซ็กซี่ให้พอหัวใจชุ่มชื่น... และบางทีฉากแอคชั่นเลือดสาดสั้นๆก็ทำให้เราทึ่งได้เหมือนกัน

ในส่วนของภาพและการตัดต่อถือว่าไม่ขาดตกบกพร่อง หนังทำได้ตามมาตรฐานของเรื่องอื่นๆในเดียวกันและออกจะพิเศษด้วยเอฟเฟคเล็กๆกับมุขเรียกรอยยิ้มทั้งหลาย ส่วนดนตรีประกอบถือว่าค่อนข้างเด่น แม้ตัวเรนจะโชวเสียงร้องในหนังแค่สั้นๆ แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆที่ขับในฉากนั้นเด่นขึ้นมาทีเดียว

ในส่วนของนักแสดงแล้ว... เอ่อ... สำหรับเรนนั้นคงต้องบอกว่า ขนาดเป็นคนป่วยทางจิตก็ยังหล่อปิ๊งชวนให้กรี๊ดเหมือนเดิม แต่ในทางแสดงแล้วผลงานเรื่องแรกของเขาคงต้องบอกว่า เอาสอบผ่านก็พอ... ก็คงไม่ผิดหากจะยกความดีความชอบให้เขาที่ทำให้หนังนั้นดูน่ารักน่าชังขึ้น พลังซูเปอร์สตาร์ในตัวหนุ่มคนนี้เปล่งออกมาไม่มากไม่น้อยอยู่ในระดับที่สามารถรักษาบทของตัวเองได้ดี

แต่ขณะที่เรนประคองตัวไปตามบท อิม ซูจองนั้นกลายมาเป็นตัวละครหลักของหนังจากทั้งบทและพลังนักแสดงในตัวเธอ ทั้งหน้า ทั้งแววตา ทั้งท่าทางและการแสดงออก เดินสวนกันข้างนอกจอผมจะนึกว่าเธอเป็นคนป่วยจริงๆด้วยซ้ำ ซูจองนั้นโดดเด่นเหลือเกินตลอดทั้งเรื่องและทำให้ยงกูนของเธอดูน่าเอ็นดูและน่าเห็นใจไปพร้อมๆกัน

I’m a Cyborg เป็นมากกว่าหนังโรแมนติกธรรมดาแน่นอนเพราะความลึกของบทและการนำเสนอ ในเสียงหัวเราะที่เป็นเปลือกนั้นซ่อนสาสน์จากผู้กำกับไว้ข้างใน บางที... ในสายตาผมนั่นอาจจะเป็น การปล่อยวาง ยอมรับและไว้ใจ

ทั้งอิลซอนและยงกูนนั้นมีปมในใจซึ่งทำให้เขาพวกเขาป่วย ยงกูนไม่ยอมปล่อยวางเรื่องของยายตัวเอง ในใจเธอยังเจ็บแค้นทั้งแม่และพวกพยาบาลที่พาตัวยายเธอไปการฝังจิตฝังใจนั่นเองที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ในขณะเดียวกันคนรอบข้างก็ไม่ยอมรับเธอ... แม้เธอจะบอกว่าเธอเป็นไซบอร์ค (เอ่อ มันก็ไม่ใช่จะยอมรับกันง่ายๆอ่ะนะ) และสุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่วางใจการรักษา ไม่วางใจว่าหากกินอาหารลงไปแล้วตัวเธอจะพังหรือเปล่า

แม้หนังจะไม่ได้สรุปให้เราถึงขั้นนั้น แต่การเริ่มต้นเปิดใจให้กันและกันระหว่างคนทั้งคู่คงน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสิ่งดีๆที่จะตามมา เฉกสายรุ้งที่ทอแสงหลังจากพายุฝนผ่านพ้นไป... ระหว่างทางที่เดินทบทวนว่าผมได้อะไรจากหนังเรื่องบ้าง ผมก็เผลอนึกไปถึงเพลงดังเพลงหนึ่ง....

Desperado, why don’ you come to your senses? Come down from your fences, open the gates. It may be raining, but there’s a rainbow above you. You’re better let somebody love you…. Before it’s too late.

ในคนใกล้จะบ้าไปดูหนังคนบ้าก็เลยชักจะไม่แน่ใจว่า ตัวเองบ้าหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆหนังรักแนวๆของเรนสอบผ่านอย่างสวยหรูพร้อมกับแง่คิดที่น่าสนใจเลยทีเดียว เอาว่าบ้าก็บ้าวะ ในคะแนนแบบบ้าๆไปเลย 3 ดาวกับอีกเสี้ยวหนึ่ง อย่างที่ว่า มันมีอะไรมากกว่าหนังที่มีฝนนะเรื่องนี้


ดูหนังให้สนุกนะครับ




 

Create Date : 29 มีนาคม 2550
5 comments
Last Update : 29 มีนาคม 2550 22:15:11 น.
Counter : 762 Pageviews.

 

ชอบหนังเรื่องนี้ แบบที่ไม่คิดว่าจะชอบได้

นับถือผู้กำกับปาร์ค จังวุค จริงๆ

(แต่แอบไม่ชอบใจวิธีการโปรโมทของค่ายหนังเอาเสียเลย เกือบทำให้เราซึ่งไม่ชอบหนังรักติงต๊องไม่ยอมไปดูแน่ะ)

 

โดย: เดอะ กั้ง 29 มีนาคม 2550 23:44:31 น.  

 

Thanks for your review Ar Tee ;)

 

โดย: tempura IP: 222.254.113.116 30 มีนาคม 2550 21:34:44 น.  

 

อยากดูแต่ไม่ชอบเรนอ่ะ

 

โดย: มิโรสลาฟ ดุ๊กดิ๊ก 1 เมษายน 2550 23:25:22 น.  

 

เรนเรื่องนี้ดูแล้วไม่เป็นเรนเลยค่ะ
ก็เลยชอบ (จริงๆไม่ชอบหน้าเรนเลย ถ้าเสียงยังพอว่า)

 

โดย: quin toki IP: 58.9.122.83 5 เมษายน 2550 1:26:27 น.  

 

แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี

 

โดย: koreaserie (loveyoupantip ) 6 สิงหาคม 2554 12:31:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


krysler
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add krysler's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.