|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
Tenacious D in The Pick of Destiny
"สะเด็ดสะแด่ว กวนตีนและมีชั้นเชิง"
ว่า กันว่าศาสตร์แห่งเพลงร็อคแอนด์โรลนั้นแท้จริงผิดเพี้ยนมาจากเสียงกู่ร้อง ของซาตานซึ่งราวกับเป็นบทอำนวยพรแด่เหล่าผู้หันหลังให้พระเจ้า มิหนำซ้ำชาวบ้านร้านตลาดยังป้องปากนินทากันว่า ไม่ว่าลูกใครเล่าเต้าที่อยากจะเอกอุบรรลุครรลองแห่งดนตรีแขนงนี้แล้วไซร้ เขาย่อมต้องทำสัญญากับปิศาจเสียก่อน
จริง-ไม่จริง ไม่อาจทราบได้ หากแต่ใครและใครยังคือเล่าลือและแสดงหลักฐานว่า หลากหลายขุนขวานผู้สับคอร์ดและสะดิ้งนิ้วบนลวดหกสายได้อย่างฉกาจฉกรรจ์นั้น มีเหตุให้จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร...
หรือที่แท้จริง เหล่าเทพเจ้ากีต้าร์ได้ทำตามข้อตกลงขายวิญญาณให้กับซาตานเพื่อแลกกับการ สำเร็จฝีมือรัวนิ้วระดับอรหันต์ในชั่วข้ามคืน...
บัดซบ-ตบชัก เหลวไหลไร้สาระด้วยประการทั้งปวง -- แล้วทำไมอยู่ดีๆผมถึงมาเอ่ยอ้างพาดพิงไปถึงปิศาจในยามที่คุณธรรมกำลังอินเท รนด์ทั่วบ้านทั่วเมือง นี่มันบทความวิจารณ์ภาพยนต์ไม่ใช่เหรอ
ใช่ แล้ว... และ Tenacious D in The Pick of Destiny หนังหวังฮาที่บ้าบอและสะแด่วอารมณ์ของแจ๊ค แบล๊คก็อิงความเชื่อในด้านมืดของดนตรีร็อคมาเป็นพล็อตเรื่อง
ชูสอง มือยอมรับว่าหากมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้วล่ะก็ Tenacious D คงไม่ใช่ตัวเลือกของผมในสัปดาห์นี้เป็นแน่ แต่ก็ไม่เป็นไร พี่ห่ามแจ๊ค แบล๊คและดนตรีของเขาคงไม่ทำให้ผมผิดหวัง (มากนัก) ผมปลอบใจตัวเองในขณะที่กำเงินได้แลกบัตรเข้าชม
และในเวลาไม่นานผมก็พบว่า ตัวเองคิดถูกแล้วจริงๆ
หนังเสนอบท Prologue ที่แสนจะยียวนกวนประสาทแต่ก็พอจะทำให้ rocker และ non-rocker ทั้งหลายได้อมยิ้มและกระหายจะสัมผัสองค์ต่อไปทันที
Tenacious D in the POD เล่าถึงเรื่องราวของไอ้หนูแหกคอกคนหนึ่งที่คลั่งดนตรีร็อคจนหลุดโลก เมื่อพรนรกของเขาไม่ได้รับการยอมรับและส่งเสริมจากครอบครัวโดยเฉพาะพ่อของ ตัวเอง ในที่สุดแล้ววีรบุรุษแห่งดนตรีหิน ดีโอ (อดีตนักร้องนำแห่ง Black Sabbath และ Rainbow) ก็ออกมาชี้ทางให้เขาเดิน...
เจ้าหนู เจเบิ้ล หนีออกจากบ้านพร้อมกีต้าร์คู่ใจเพื่อไปตามหาคู่หูผู้จะร่วมกันสร้างตำนานวง ดนตรีอันยิ่งใหญ่ที่ Hollywood และหลังจากที่ฝ่าฟันดั้นด้นมานาน ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมายจนได้
เจเบิ้ลบังเอิญกับนักดนตรีเปิดหมวก ผู้กำลังโชวงานโซโล่ของตนเองอยู่ ฉับพลันทันใด หนุ่ม JB ก็พบว่ามันช่างเจ๋งจ๊าบประทับใจแจ๊คเสียเหลือเกินและเขาก็เชื่อโดยไม่ลังเล ว่า หมอนี่แหละจะพาเขาไปสู่ฝั่งฝันแห่งการเป็นร็อคสตาร์
JB ผู้เยาว์ เขลาและอึ้ง จึงติดตามเรียนเทคนิค (ที่เขาคิดว่าจะมี) จากสหายใหม่ หากแต่ทุกอย่างก็ต้องพังทลายลงเมื่อความจริงอันน่าสะพรึงของนักดนตรีหุ่น ล่ำผู้นี้ถูกเปิดโปงจากเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ
หลังจากพบ ว่าเพื่อนที่แสนจะแนวและควรแก่การติดสอยห้อยตามของเขาเป็นแค่ อดีตลูกแหง่ที่ใช้เวลา 15 ในการเล่นดนตรีไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ความศรัทธาทั้งหลายก็มอดสิ้นสูญลง... หากแต่จนแล้วจนรอด โชคชะตาก็กำหนดให้พวกเขาทั้งคู่แยกจากกันไม่ได้และรวมตัวกันเป็น วงสุดเพี้ยนของสารบบดนตรี หิน-หิน ในนาม Tenac-ious D
โดยภารกิจแรก ของวงที่ไม่เต็มเต็งนี้ก็คือ การหาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้านให้ได้เสียก่อน โดยเป้าหมายง่ายๆคือ พวกเขาต้องชนะเลิศงานประกวดวงดนตรีในผับ... แต่ดูเหมือนเมื่อคะเนจากฝีมือของพวกเขาตอนนี้แล้ว มันยากไม่ใช่เล่น
ด้วย วิธีสารพัดสารเพที่สรรหามาเท่าที่ พี่แกทั้งสองจะคิดได้ งานชิ้นเอกที่จะแจ้งเกิดให้กับตัวเองก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา กระทั่งท้ายที่สุดแล้วนรกก็ส่งสัญญาณบางอย่างมาให้ หรือว่าแท้จริงแล้วเหล่าเทพเจ้าที่ชาวร็อคบูชาจะได้รับอภินิหารมาจาก "อะไรสักอย่าง"
(เห็นว่า Eddie van Halen ก็เป็นหนึ่งในนั้น)
ครับ อะไรสักอย่างที่ว่านั้นคือ ปิ๊ก ปิศาจที่มีความเป็นมาอันน่าขนลุกมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล... เมื่อพบทางสว่างเช่นนั้นการเดินทางตามหา ปิ๊กแห่งโชคชะตาที่จะเป็นกุญแจสู่ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็เริ่มขึ้น ภารกิจของสองหนุ่มไม่เต็มเต็งจะจบลงยังไงต้องไปหาดูเอาเองแล้วล่ะครับ
หนัง ของแจ๊ค แบล๊ค คราวนี้ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไรนักและก็ดูท่าจะไม่มีสารประโยชน์อะไรให้ ติดไม้ติดมือกลับบ้านได้เลย หากแต่สำหรับคนที่ชอบดนตรีร็อคแอนด์โรลสายที่ยังไม่กลายพันธุ์แล้วล่ะก็ เอาแค่เพลงประกอบและมุขต่างๆที่ขนมาโชว (แม้จะขำบ้างไม่ขำบ้างก็ตาม) ก็น่าจะไม่ทำให้เสียดายค่าตั๋ว
Tenacious D นั้นเป็นชื่อวงจริงๆของ พี่แจ๊คอ้วนขาวและคู่ซี้ของเขา ไคล์ แกสซึ่งก็ไม่น่าแปลกที่ทั้งคู่จะแสดงพรสวรรค์ทางดนตรีได้อย่างไม่ขัดเขิน นินทากันให้แซ่ดว่า บรรดาผู้ปกครองไม่มีทางยอมให้ลูกหลานเขาได้ฟังเพลงของทั้งคู่เป็นแน่ (ฮา)
หนัง ยังได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์หลายราย อาทิ ทิม ร๊อบบิน (ที่ขายฮาได้แม้จะมีเวลาให้เล่นน้อย) เบน สติลเลอร์ (นั่งแท่นโปรดิวเซอร์ร่วมในโปรเจกค์) รวมทั้งบรรดาขุนพลร็อคตัวจริงอย่าง Meat loaf, Ronnie James Dio และ Dave Grohl (อดีต Nirvana และปัจจุบัน Foo Fighter)
ถ้ามองข้ามเรื่องราวไร้สาระบ้าๆบอๆ แล้ว หนังเรื่องนี้มีดีที่เพลงอย่างน่าประทับใจและสามรถเรียกตัวเองว่าหนังเพลง ได้อย่างไม่อายปาก นอกเหนือจากนั้น "ความแนว" ของการเล่าเรื่อง ลำดับภาพและเอฟเฟคในการจัดแต่งฉากต่างๆก็ไม่ด้อยเลยทีเดียว
แม้ใน หนังจะเป็นเจ้าของคำผรุสวาทที่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มีมุขตลกลามก มียาเสพย์ติด และไม่มีนางเอกไว้ดึงดูดใจให้ติดตามชมก็ตาม สองหนุ่มหลุดโลกก็เล่นเอาล่อเอาเถิดและยียวนอย่างน่ารัก -- อย่างที่ผมจั่วหัวไว้ว่าเป็นการ กวนตีนแต่มีชั้นเชิง
สำหรับเหล่า non-rocker ทั้งหลาย ผมทบทวนดูแล้วว่าหนังเรื่องนี้คงไม่มีความหมายมากเกินไปกว่าการนั่งฆ่าเวลา แล้วดูตลกโปกฮาฝืดๆ ซึ่งไม่มีความคุ้มค่าใดๆเลย แต่ถ้าหูเหล็กชนคนใดมองผ่านหนังเพลงที่เชิดชูความเป็นร็อคแบบนี้ไปแล้วล่ะ ก็... เห็นคงต้องพิจารณาเปลี่ยนแนวเพลงฟังโดยบัดดล
ในฐานะที่ผมมี ความเป็น "หิน" เข้าเส้นคนหนึ่งก็เลยอดจะให้คะแนนแบบลำเอียงไม่ได้... จากดาว 5 ดวงที่เป็นมาตรฐานของผม -- 3 ดาวสำหรับหนังเพลินๆเพื่อคนที่มีดนตรีหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2550 0:49:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 764 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|