Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 มกราคม 2558
 
All Blogs
 

ไปลำพูน-เชียงใหม่ สูดอากาศหนาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๘


       สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๘ 

............ใครฤาจักอาจซื้อ..............เวลา
ซื้อซากแห่งกายา.........................ค่าไร้
ปรารถนาอมตะพา.........................ก้าวผ่าน.......กาลฤา
เกิดแก่เจ็บตายไซร้........................ห่อนแก้กฎกาล

............วารวันคราผ่านแล้ว..............ล่วงเลย
ลุสู่ปีใหม่เฉลย...............................รหัสฟ้า
รอยกาลก็ผันเผย............................แย้มออก มาแฮ
อายุบนใบหน้า................................บ่งชี้สัจธรรม

..........ลึกล้ำกาลผ่านให้...................เห็นจริง......แลนา
จมอยู่อดีตสู่สิง................................จิตเจ้า
ยึดอยู่ซากสังขารอิง..........................กับโลก......นี้แฮ
ประหนึ่งอมตะเฝ้า..............................เหนี่ยวรั้งกายวิญญาณ

..........สังขารนี้ชั่วห้วง........................หายใจ
เข้าออกบอกความนัย..........................ชีพนี้
สั้นนักจักอาลัย...................................เจียนขาด....ใจนา
เปล่าค่าพาลับลี้..................................ค่าไร้คล้ายกัน

..........วาดฝันปีใหม่ไว้........................ในสัจธรรม
ภพหนึ่งคืออุปทาน, นำ.........................เกิดแล้ว
ลอยล่องสู่วัฎฎ์กรรม............................กำหนด
หลอมจิตดั่งดวงแก้ว............................สว่างแล้วครรไล.


-------------------------------
เกรียงไกร หัวบุญศาล
แด่ปีใหม่ ๒๕๕๕
๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔

       ขอนำกวี (ประเภทโคลงสี่) (ข้างบน) ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้มาเป็นการเปิดศกใหม่ ๒๕๕๘ อยากจะเขียนใหม่ แต่ตอนนี้ผมเขียนไม่ออกจริงๆ จึงขอเอาของเก่ามาเล่าใหม่


         ก่อนที่จะถึง ช่วงส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ผมได้ วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวเชียงราย แต่ด้วยเหตุบางอย่าง จึงวางแผนไว้ว่าจะชวนรุ่นน้องเพื่อนร่วมงานไปเที่ยวเขาใหญ่ กางเต้นท์นอนสูดอากาศหนาวที่นั่น เพราะไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนัก 

        ผมก็จะได้ไปถ่ายรูปให้สมใจ เพราะซื้อเลนส์ซูม 55-300 มม. มาร่วมครึ่งปีกว่าแล้ว ด้วยมูลค่าหมื่นต้นๆ แต่เงินมันจมอยู่กับเลนส์ที่ยังไม่ได้เอาไปถ่ายหรือใช้งานที่ไหนเลย เพิ่งจะออกมาเที่ยวถ่ายรูปก็ครั้งนี้นี่เอง และอีกอย่างจะได้ทบทวนความรู้เรื่องการถ่ายภาพที่ห่างร้างไปนานมาก

         แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนแผนไปอีกครั้ง เมื่อเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องชวนไปบ้านของเขาที่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ในที่สุดก็ตัดสินใจไปลำพูน จึงเอา จ.ลำพูน เป็นที่ตั้ง แล้วค่อยคิดอีกครั้งว่าจะไปที่ไหนบ้าง

          ในที่สุดก็ออกเดินทางกลางคืนของวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ถึง บ.ไร่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ของเพื่อนรุ่นน้องในตอนเช้าของวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ พอดี แต่ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืน จึงต้องนอนพักเอาแรง ช่วงบ่าย เพื่อนรุ่นน้องจึงพาไปที่ วัดใกล้ๆ คือวัดพระพุทธบาทตากผ้า 
          จึงเก็บภาพมาไว้หลายสิบภาพ และลงไว้บางภาพข้างล่างนี้


ทางขึ้นวัดพระพุทธบาทตากผ้า







        พระธาตุฯ อยู่บนเขา มีบันไดให้เดินขึ้นไป ซึ่งสูงมาก แต่ก็มีเส้นทางรถยนต์ขึ้นไปถึง จึงเลือกวิธีรถยนต์ขึ้นไป เดินขึ้นคงไม่ไหวแน่ เพราะทั้งมีแฟนของรุ่นน้องและลูกสาวของรุ่นน้องอายุ ๕ ขวบอีกคน






จุดชมทัศนียภาพด้านทิศตะวันออก




          ออกจากวัดพระพุทธบาทตากผ้าก็กลับมาสังสรรค์ที่บ้านซึ่งเป็นสวนลำใย ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เย็นๆ จนออกหนาว และได้ยินเสียงหริ่งหรีดเรไร เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานานร่วมปีกว่า 

      รุ่งเช้าจึงเดินออกไปถ่ายภาพเล่นที่ท้ายสวน โดยคุณพ่อของรุ่นน้องพาเดินออกไป เพราะรุ่นน้องเพื่อนร่วมงานยังไม่ตื่น ผมรอจนดวงอาทิตย์ขึ้น จึงเก็บภาพเอาไว้ดู พยายามหามุมถ่ายอยู่นานเพราะไม่รู้จะถ่ายอะไรดี ในที่สุดก็ได้ภาพบางภาพนี้






ป่าผักชี กำลังบานดอก










ใยแมงมุม


          กลับบ้านอาบน้ำ แล้วคุณพ่อของเพื่อนรุ่นน้องก็บอกว่า
               "จะไปวัดไหม"
          ผมก็ตอบตกลง เพราะว่าดีเหมือนกันจะได้ไปใส่บาตร ซึ่งคุณแม่ของรุ่นน้องไปวัดก่อนแล้ว 
                "เอากล้องไปด้วยก็ได้ เผื่อจะเจอสาวๆ ที่วัด สาวป่าซางสวยนะ จะได้ถ่ายรูปไว้" คุณพ่อของเพื่อรุ่นน้องพูดพลางกลั้วหัวเราะเป็นเชิงสัพยอก

          ขณะที่เดินไปวัดบ้านไร่ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก คุณพ่อของรุ่นน้องก็เล่าเรื่องราวความรักที่พบกับคุณแม่ให้ฟัง 
          ความจริงแล้ว ผมพบและรู้จักมักคุ้นกับคุณพ่อของรุ่นน้องร่วมงานมานานเกือบสิบปีแล้ว เพราะมักจะไปกรุงเทพฯบ่อยๆ และแวะไปหารุ่นน้องประจำ แต่ผมยังไม่เคยพบกับคุณแม่ของรุ่นน้อง เพิ่งจะได้พบกันก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

          เมื่อไปถึงวัด คุณพ่อของรุ่นน้องบอกว่า 
         "ไม่มีสาวเลย มีแต่คนแก่"
         ผมจึงได้แต่ยิ้มๆ ขณะรอพระลงมาบิณฑบาตร ผมจึงถ่ายรูปให้กับคุณพ่อคุณแม่ของรุ่นน้องและมีน้องสาวของรุ่นน้องด้วย ความจริงผมกับรุ่นน้องร่วมงานคุยกันเมื่อคืนว่าจะกลับกรุงเทพฯ ในช่วงสายของวันนี้เลย เพราะเราไม่ค่อยจะพร้อมกับการท่องเที่ยวครั้งนี้นัก อาจจะแวะเที่ยวรายทางขากลับ

          แต่หลังจากเดินกลับจากวัด คุณแม่ของรุ่นน้องบอกว่าจะพาไปไหว้พระธุาตุหริภุญชัย เมื่อเป็นอย่างนั้นผมจึงคิดว่าคงต้องอยู่อีกหนึ่งคืน เพราะไม่อยากจะกลับกลางคืน 

         ถึงบ้านบอกรุ่นน้องและเสนอว่าจะไปเวียงกุมกามต่อ เพราะผมไม่ได้ไปนานมากแล้ว ทุกคนจึงตกลงตามนี้ 

         กลับถึงบ้านผมก็นึกได้ว่า จริงๆ ผมก็ได้ถ่ายภาพสาวป่าซางแล้ว ก็คือน้องสาวของเพื่อนรุ่นน้องนั่นเอง เลยขำอยู่ในใจ

         สำหรับการท่องเที่ยวถ่ายภาพของวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันแรกของปีคุณพ่อของรุ่นน้องไม่ได้ไปเพราะรถเต็ม จึงมีคนร่วมเที่ยวเพิ่มขึ้นมาคือคุณแม่และน้องสาวของเพื่อนรุ่นน้อง 

        ผมเคยมาวัดพระธาตุหริภุญชัยอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณปี ๒๕๔๓ ขณะนั้นมาถ่ายภาพทำสกรู๊ปลงหนังสือนิตยสารเล่มเล็กๆ ฉบับหนึ่งที่เคยทำ ซึ่งต่อมานิตยสารปิดตัวเองลงหลังจากนั้นประมาณหนึ่งปีเศษ 

        โดยความเชื่อของคนที่ชอบทำบูญตามวัดต่างๆ กล่าวกันว่า คนที่เกิดปีระกา (ผมก็เกิดปีระกาเช่นกัน) ควรจะไหว้พระที่วัดพระธาตุหริภุญชัยสักครั้ง จึงคิดว่าดีเหมือนกันที่ได้มาไหว้อีกครั้งหนึ่ง 
         เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ดังนั้นคนจึงเยอะมาก จะหามุมที่ถ่ายภาพนั้นยาก จึงถ่ายภาพเก็บไว้ไม่มากนัก 




         ออกจากวัดพระธาตูฯ จึงมุ่งหน้าไปที่เวียงกุมกาม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยผ่านถนนที่มีต้นยางเรียงรายอยู่สองข้างทาง ผมไม่ได้ผ่านมาที่นี่นานแล้ว เช่นเดียวกับไม่ได้แวะมาชมเวียงกุมกามนานแล้วเช่นกัน 


ถนนที่ขนานด้วยต้นยาง อ.สารภี ถนนสายแห่งความทรงจำที่เคยคุ้นเคย



       ก่อนถึงทางเข้าเวียงกุมกามเป็นเวลาเที่ยงวัน จึงแวะทานข้าวริมถนน น้องสาวของเพื่อนรุ่นน้องเป็นคนบอกทาง  จนกระทั่งไปถึงวัดช้างค้ำ จึงสอบถามจุดเริ่มต้นของเวียงกุมกาม เพราะเวียงกุมกามเป็นกลุ่มโบราณสถานที่กระจายกันอยู่ ๑๐ แห่ง 










รถบริการนักท่องเที่ยว พาเที่ยวชมเวียงกุมกามทั้ง ๑๐ แห่ง


         ออกจากวัดช้างค้ำ ไปตามหาจุดประชาสัมพันธ์เพื่อที่จะเร่มต้นเดินทาง ไปถึงจุดประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นจุดที่ซื้อบัตรรถบริการนำเที่ยว แต่เนื่องจากบ่ายแล้ว และต้องไปที่อุทยานหลวงพฤกษ์อีกแห่ง จึงตกลงกันว่า จะไปแวะโบราณสถาอีกสักสองแห่งที่เป็นทางผ่านที่จะไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์

           ออกจากจุดประชาสัมพันธ์จึงไปที่วัดอีค่าง 






ขอยืมน้องเป็นนางแบบ บังเอิญใส่ชุดเข้ากับบรรยากาศพอดีให้นึกถึงแม่นางในยุคอดีต


      จากนั้นไปแวะที่วัดเจดีย์เหลี่ยม(วัดกู่คำ) 


เจดีย์เหลี่ยม

       เสียดายที่ไม่สามารถจะไปเยี่ยมชมเวียงกุมกามทุกแห่งได้เหมือนครั้งก่อน เพราะมีเวลาจำกัด 

        เวียงกุมกาม ตามแผ่นพับ (ขายแผ่นละ ๕ บาท ณ จุดประชาสัมพันธ์) เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา เป็นเมืองที่พญามังราย กษัตริย์แห่งโยนกนครได้สถาปนาให้เป็นเมืองหลวงแห่งแรก 
        ทว่าบริเวณที่ตั้งของเวียงกุมกามเป็นบริเวณที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมทุกปี พญามังรายจึงโปรดให้สร้าง นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ซึ่งมีชัยภูมิที่ดีกว่าเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ แต่เวียงกุมกามก็มีความสัมคัญในฐานะเป็นเมืองบริวารใกล้ชิดกับเวียงเชียงใหม่จนสิ้นราชวงศ์มังราย
        การล่มสลายของเวียงกุมกามเนื่องจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ขณะที่เวียงกุมกามตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า (พ.ศ.๒๑๐๑-๒๓๑๗) ทำให้เวียงกุมกามจมอยู่ในตะกอนดินมานับร้อยๆ ปี จึงทำให้เวียงกุมกามเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ จนกระทั่งเชื่อกันว่า เวียงกุมกาม เป็นเพียงแต่ตำนานเท่านั้น 
        ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เมื่อหน่วยงานศิลปากรที่ ๔ ขุดแต่งวิหารกานโถม ที่วัดช้างค้ำ อันเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานเวียงกุมกาม ทำให้เมืองตำนานแห่งนี้เป็นจริง และจากการศึกษาค้นคว้าของนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ ทำให้เชื่อว่า โบราณสถานในเขตหมู่ที่ ๑๑ ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ แห่งนี้ คือเวียงกุมกาม หรือ เวียงเก่า โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ๕ กิโลเมตร 

         จึงทำให้เวียงกุมกามเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.สารภี ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่แวะมาเยี่ยมชม สามารถติดต่อศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามได้ที่ ๐-๕๓๑๔-๐๓๒๒ 



       ออกจากเวียงกุมกามจึงมุ่งหน้าสู่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ที่ตัวจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ไม่สามารถจะไปทุกจุดได้ 










บางช่อกล้วยไม้แสนสวย










ภาพนี้เห็นคนถ่ายกันมากก็เลยถ่ายบ้าง


ขอยืมตัวเป็นนางแบบ แต่น้องเขาขอเป็นถ่ายข้างหลัง ก็สวยอีกแบบ




ปิดท้ายอุทยานฯด้วยดอกไม้อีกภาพ

         ก่อนกลับเข้าบ้านรุ่นน้อง แวะตลาดที่ตัวจังหวัดลำพูน บังเอิญเห็นคลองตรงข้าม จึงเก็บภาพสุดท้ายของการเที่ยวถ่ายภาพในวันนี้



      วันที่ ๒ มกราคม คือวันที่เดินทางกลับ คุณพ่อของรุ่นน้องไปกรุงเทพฯ ด้วย จึงเต็มคนรถพอดี (๕คน) การเดินทางของวันนี้คือแวะระหว่างทางใกล้ เพื่อจะถ่ายรูปเล่นตามรายทาง แต่กว่าจะออกจาก บ้านก็เวลา เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกาแล้ว 


มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ

      ระหว่างทางแวะฟาร์มแกะที่ลำปาง อยู่ริมทางพอดี มีนักท่องเที่ยวแวะมาชมและทานอาหารและเครื่องดื่มพอสมควร 






          เขื่อนภูมิพล คือสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่แวะชมและถ่ายภาพ แต่ขึ้นไปจนเกือบจะถึงสันเขื่อนก็พบว่ามีรถเป็นจำนวนมากทั้งขึ้นและลงจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ จึงเปลี่ยนใจลงมาถ่ายรูปด้านล่าง เพราะหากขึ้นไปที่สันเขื่อนคงกลับลงมายาก 





ดอกไม้ปลูกเป็นรูปทรงหัวใจ







ยามเย็นบรรยากาศออกจะเหงาๆ



        เดินทางออกจากเขื่อนภูมิพลประมาณ ๑๖.๔๕ นาฬิกา และแวะทานข้าวระหว่างทาง จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์ แต่ก่อนถึง จ.นครสวรรค์ ขับรถไม่ไหวเพราะต่างคนต่างรู้สึกเพลียจึงตกลงว่าจะพักค้างคืนที่ จ.นครสวรรค์ แต่ก่อนเข้าตัวเมืองนครสวรรค์ประมาณสิบกว่ากิโลเมตรก็พบโรงแรมซึ่งราคาไม่แพง เพราะอยู่นอกเมือง และเพิ่งเปิดใหม่จึงแวะเข้าพัก

พักหลังแรก ส่วนรุ่นน้องกับครอบครัวพักอีกห้องหนึ่ง

        บรรยากาศของโรงแรมที่พักสงบเงียบ เพราะอยู่นอกเมืองสิบว่ากิโลเมตรและยังอยู่ลึกจากถนนใหญ่ประมาณหนึ่งกิโลเมตร แต่ก็ไม่เปลี่ยว บรรยากาศแวดล้อมด้วยทุ่งนา ตอนเช้าตื่นมาดื่มกาแฟ ได้บรรยากาศดี 

        แต่การเที่ยวตะเวณถ่ายรูปยังไม่จบ เพราะเมื่อพักค้างคืนแล้วทำให้เวลาเหลืออีกมาก จึงค้นหาแหล่งท่องเที่ยวใกล้ และนึกออกว่าที่นี้มีบึงบอระเพ็ด ซึ่งได้ยินชื่อมานานและยังไม่เคยไป เมื่อค้นดูจากอินเตอร์เน็ตจึงพบว่ามีทั้งทางตอนเหนือและตอนใต้ ตอนเหนือใกล้กว่า แต่เมื่อถามพนักงานโรงแรมบอกว่าไปทางใต้คืออุทยานนกน้ำจะสวยกว่า มีดอกบัวกำลังบาน จึงตัดสินใจไปทางด้านทิศใต้ของบึงบอระเพ็ด

       ทว่า เมื่อไปถึงมีแต่บึงกับสะพาน ไม่มีบัวบานตามที่ผมจินตนาการไว้ ทำให้เข้าใจว่า เขาคงหมายถึงว่าเราล่องเรือไปที่บึงบอระเพ็ด แต่จุดประสงค์แค่จะแวะไปถ่ายรูป ซึ่งหากเหมาเรือไปเที่ยว ๕๐๐ บาท ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ 

       จึงได้แต่ถ่ายรูปรอบๆ และหามุมถ่ายให้แปลกออกไป เพราะว่ามันไม่มีอะไรให้ถ่ายจริงๆ นอกจากน้ำในบึงกับสะพาน 



















      สิ้นสุดการเดินทางถ่ายภาพ ณ บึงบอระเพ็ด สำหรับวันหยุดยาวช่วงส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ ๒๕๕๘ 



ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน

เกรียงไกร หัวฯ
 ๔ มกราคม ๒๕๕๘




 

Create Date : 04 มกราคม 2558
4 comments
Last Update : 5 มกราคม 2558 2:38:37 น.
Counter : 1545 Pageviews.

 

บก.บอกเล่าเรื่องราวพร้อมภาพถ่าย นี่ สุดยอดครับ ทำให้ผมเกิดความคิดที่จะทำไว้บ้าง เป็นความทรงจำที่ดีเลย ยิ่งนานวันผ่านไป สิ่งเหล่านี้จะมีค่าต่อเรา ตินิดเดียว อดชมความงามน้องสาวเพื่อน บก.เลย ภาพที่หันหน้ามาก็เน้นวิว ภาพหันหลังนี่ ตัวคนชัดแจ๋วเลย แต่ไม่เห็นหน้า ^^

 

โดย: ทนายเลี้ยง IP: 223.204.40.202 5 มกราคม 2558 9:41:01 น.  

 

ไม่น่าเชื่อ จากคนที่ไม่ค่อยพูดในอดีต จะถ่ายทอดอักษรศิลป์ ได้สุดยอด วิถีชีวิตความเป็นไป วันเวลาทำให้คุณค่าของทุกสิ่งเพิ่มขึ้นจริงด้วย อย่างน้อยนับจากนี้ไป เราจะได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ ผ่าน บก. ขอบคุณโชคชะตา ขอบคุณวันเวลา และขอบคุณมิตรแท้ที่ไม่ลืมกัน

 

โดย: โหน่ง สุภจิรา IP: 112.142.128.9 8 มกราคม 2558 7:58:29 น.  

 

ดีใจที่เพื่อนเข้ามาทักทายที่นี่ วันเวลาที่บวกและลบประมาณสามสิบปี นับว่าไม่น้อยจริงๆ ที่ทำให้ได้มาทักทายกัน ต้องขอบคุณเทคโนโลยีทางการสื่อสารของโลกอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ความห่างไกล อยู่ใกล้ ให้นึกถึงตอนที่เรียนนิเทศศาสตร์ และอาจารย์ผู้เขียนตำราได้กล่าวไว้ในตำราแล้วว่าจะเกิดสังคมสื่อสารเช่นนี้ในอนาคตอันใกล้ๆ(ในขณะนั้น)หวังว่าคงได้เสวานากับกลุ่มเพื่อนในวันข้างหน้า

 

โดย: เกรียงไกร (huaboonsan ) 9 มกราคม 2558 23:23:13 น.  

 

ค.ห.1
ทนายเลี้ยง เอาเป็นแค่องค์ประกอบครับ
เมื่อไหร่จะได้มากรุงเทพฯและได้เสวนากับกุล่มพผองเพื่อนร่วมกันอีก

 

โดย: เกรียงไกร (huaboonsan ) 9 มกราคม 2558 23:25:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


huaboonsan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





.....มีความฝันเป็นเรือ
ล่องลอยไปในทะเล
แห่งกาลเวลา............

Friends' blogs
[Add huaboonsan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.