เยอรมนี ตอนที่2 ยลเมืองมรดกโลก
ออกจากเมืองโคโลญจ์ไปทางทิศตะวันตกของประเทศเยอรมันเพียงแค่ประมาณ 65 กิโลเมตร ก็เข้าสู่เมือง อาเคิน ออกจากเมืองโคโลญจ์ไปทางทิศตะวันตกของประเทศเยอรมันเพียงแค่ประมาณ 65 กิโลเมตร ก็เข้าสู่เมือง อาเคิน เพื่อไปสัมผัสมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของประเทศนี้ แหม...มรดกเค้าเยอะจริงแฮะ และมันก็ชวนขนลุกทุกที่เลยด้วย ไม่ใช่เพราะความน่ากลัว แต่เป็นเพราะดูแล้วมันพาจิตวิญญาณย้อนอดีตยังไงไม่รู้ ชอบจัง Aachen(อาเคิน) เมืองอาเคิน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของประเทศเยอรมัน เรียกว่าชายแดนเลยแหละ ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม เมืองนี้เป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งมรดกโลกคือ มหาวิหารอาเคิน หรือเรียกกันว่ามหาวิหารหลวง ซึ่งมีความเก่าแก่มากนับพันปี เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคผสมกาโล โรมัน สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.792 โดยพระเจ้าชาร์เลอมาญ และได้ทำพิธีสถาปนาให้เป็นมหาวิหารหลวงจากพระสันตปาปาลีโอที่ 3 อย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 805 โดยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่แต่งตั้งกษัตริย์และพระราชินีของเยอรมันมาแล้วหลายพระองค์ใน ครั้งอดีต หลังจากพระเจ้าชาร์เลอมาญสวรรคตเมื่อปี ค.ศ. 814 จึงได้บรรจุพระศพลงหีบศพทองคำ และประดิษฐานไว้ภายในมหาวิหารแห่งนี้ มหาวิหารอาเคินมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และยังเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ของเยอรมันหลายพระองค์ จึงเป็นสถานที่แรกของประเทศเยอรมันที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ยิ่งรู้จักประเทศเยอรมัน โดยเฉพาะได้ศึกษาประวัติศาสตร์และได้เห็นกับสถานที่จริง ยิ่งทำให้รู้สึกลุ่มหลงและอยากลงลึกมากขึ้นไปอีก เพราะชักสนุกกับความงดงามที่อลังการ และประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นซะแล้ว เพราะสถานที่ที่สำคัญนั้นส่วนใหญ่จะได้ถูกยกให้เป็นมรดกโลกเกือบทั้งหมด ซึ่งมีมากมายเหลือเกินในประเทศเดียว เลยทำให้รู้ว่าประเทศนี้ไม่ธรรมดา เพราะเมืองที่เราจะไปกระแซะแบบแนบชิดต่อไปนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมรดกโลกเช่นกัน Heidelberg(ไฮเดลเบิร์ก)หรือออกสำเนียงแบบชาวเยอรมันคือ ไฮเดลแบร์ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งมีการแบ่งการปกครองโดยมีเมืองหลวงคือสตุ๊ดการ์ท แฟนบอลคงคุ้นหูกันดีกับชื่อนี้ เมืองไฮเดลเบิร์กก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความเก่าแก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กที่มีชื่อเสียงนั้น จัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี เพราะสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1385 นอกจากเมืองไฮเดลเบิร์กจะเป็นเมืองหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศเยอรมันแล้ว ยังนับว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของชาติไทยด้วย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ทรงประสูติ ณ เมืองนี้ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระบิดาได้ทรงศึกษาวิชาทางการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก จึงนับว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อเสียงมายาวนาน นอกจากวิชาทางการแพทย์แล้วยังมีวิชาอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย แม้ว่าตัว อัลเบิร์ต ไอสไตล์ เอง ก็ยังมาโลดแล่นศึกษาวิชาทางปรัชญาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นกัน อืม ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย ย่ำเท้าต่อไปใจก็ครุ่นคิด อยากจะไปเรียนประวัติศาสตร์โลกซะจริง เพราะประเทศเยอรมันแท้ๆ เชียว จุดประกายความใคร่รู้ให้ดิ้นพล่านอยู่ในตัว เดินไปคิดไปอย่างเพลิดเพลิน และแล้วความคิดก็สะดุดลงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า อะไรกันนี่ อย่างกับปราสาทในเทพนิยาย Heidelberg Palace(ปราสาทไฮเดลเบิร์ก) ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงามอย่างกับเทพยาย โดยรอบปราสาทมีป่าละเมาะที่ชุ่มชื่น และไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงามากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นและซึมซับกับบรรยากาศโดยรอบได้ หากมาช่วงเปลี่ยนฤดู ก็จะได้เห็นใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีทั้งเหลืองและแดง อย่างกับธรรมชาติได้เนรมิตรให้ปราสาทแห่งนี้มีมนต์ขลัง บริเวณปราสาทมีจุดชมวิวที่สามารถมองความงามของเมืองไฮเดลเบิร์กด้วย ปราสาทไฮเดลเบิร์กก่อสร้างเมื่อปีค.ศ.1300 และยาวนานถึง 400 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคผสมเรอเนสซองค์ มีอาคารหลายหลังอยู่บนพื้นที่เดียวกัน รวมถึงตัวพระราชวังเก่าด้วย อีกทั้งยังมีห้องเก็บบ่มไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากตะวันตกเฉียงใต้ก็ย่ำเยือนต่อไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันบ้าง ซึ่งมีอีกเมืองหนึ่งที่น่าศึกษา และยังเป็นอีกหนึ่งมรดกโลกเช่นกัน Bremen(เบรเมิน) เป็นเมืองท่าที่ตั้งอยู่ตามแนวแม่น้ำเวเซอร์ เป็นเมืองที่มีประชาการอาศัยอยู่มากที่สุดในทางทิศเหนือของประเทศเยอรมัน และมีความเจริญที่จัดว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ตามตรอกซอกซอยก็มีร้านค้า และแหล่งช็อปปิ้งแทรกตัวอยู่ทั่วเมือง ส่วนตึกรามบ้านช่องนั้นมีผสมกันทั้งสถาปัตยกรรมแบบโบราณและสมัยใหม่ แต่ก็ไม่ถือว่าโมเดิร์นจ๋าซะทีเดียว หลังจากกระแซะจนประชิดกับหลายเมืองในเยอรมัน ก็ได้คำตอบแล้วว่า บ้านเมืองนี้เค้าสวยงามและเป็นระเบียบจริงๆ มีการอยู่รวมกันของประวัติศาสตร์และความเจริญแบบสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน ที่สำคัญ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ก็มีการบูรณะให้คงรูปแบบเดิมไว้มากที่สุด เพื่อรอการมาเยือนของนักเดินทางจากทั่วทุกสารทิศ Written by Omyim ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info ที่มาข้อมูล : //www.e-magazine.info
Free TextEditor
Create Date : 28 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 28 ธันวาคม 2554 13:42:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1887 Pageviews. |
|
|