|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ข้อเท็จจริง...เรื่องของถุงยางอนามัย
มาถึงวันนี้ เชื่อว่าแทบทุกคนคงรู้แล้วว่า การใช้ถุงยางอนามัยเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ที่มาของโรคร้ายอย่างเอดส์ รวมทั้งโรคทางเพศสัมพันธ์อีกมากมายสารพัดโรค และการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ แต่การรู้เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ทำอย่างไรจึงจะให้ทุกคนตระหนัก และเตือนตัวเองให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้นต่างหากที่เป็นปัญหาที่ต้องขบคิด
มีคนหลายคู่ที่คิดว่า การใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ต่อกันนั้นทำให้ไม่สามารถไปถึงจุดสุดยอดได้เพราะมีเกราะกำบังมากั้นความรู้สึก บางคนคิดเลยเถิดไปถึงว่าเป็นการแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ เหมือนกับเป็นการบอกว่าตนนั้น(หรือกลัวว่าอีกฝ่าย)เป็นโรค กลัวโรคติดต่อ ไม่ไว้ใจกัน การมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างชายหญิงเป็นสัมผัสที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้ง หากมีอุปสรรคทางอารมณ์หรือความไม่ไว้ใจกันมากั้นขวาง หนทางรักก็ไม่เต็มอิ่มอย่างไรอย่างนั้น
แต่...แล้วคนที่คิดแบบนั้นหากลองคิดในทางกลับกันว่า .... หากคุณ หรือคู่ เกิดติดเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหลายมาจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามแต่ แล้วนำไปแพร่กระจายใส่คนที่คุณรักล่ะ...นั้นก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นความประสงค์ร้ายที่คุณจะยอมทำกับคนที่คุณรักได้ลงคอเชียวหรือ?
ลองมาดูข้อมูลเหล่านี้กันก่อนเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของถุงยางอนามัยกันมากขึ้นนะครับ ในการศึกษากับคนที่ติดเชื้อเอชไอวี พบว่า คู่สามีภรรยา ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียว หากมีการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กัน และทำเป็นประจำโดยตลอดแล้ว จะมีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีถึงกันต่ำกว่า 1% ต่อปีด้วยซ้ำ
นอกจากเชื้อเอชไอวีแล้ว ยังมีโรคติดต่ออีกมากมายที่สามารถส่งผ่านเชื้อกันได้ทางเพศสัมพันธ์ อย่าง เริม หนองใน ซิฟิลิส แม้กระทั่งโรคไวรัสตับอักเสบบี มีรายงานว่าในประเทศที่มีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้นสูง ตัวเลขจะสวนทางต่อผู้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่นในเมืองไทยเราถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรกับการรณรงค์ให้คนในแวดวงขายบริการทางเพศให้หันมาใช้ถุงยางอนามัย เพิ่มจาก 14% ในปี พ.ศ.2532 มาเป็น 94% ในปี พ.ศ.2537 ทำให้ตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ลดลงจาก 400,000 คนมาเป็น 30,000 คนต่อปีโดยประมาณ เช่นเดียวกับที่ประเทศกัมพูชาที่ตัวเลขอัตราการติดเชื้อเอชไอวีลดลงกว่า 80% เมื่อคนหันมาใช้ถุงยางอนามัยกันมากขึ้น
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียยังตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้น้อยกว่า และยังจำเป็นต้องได้รับการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ถุงยางฯ กันมากขึ้น หลายๆ ประเทศถุงยางอนามัยเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ยาก ราคาแพง และยังไม่เห็นประโยชน์ของถุงยางอย่างแท้จริง แม้กระทั่งในกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพขายบริการเองก็ตาม ยังมีปัญหาการผลิตถุงยางอนามัยที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ เช่นในจีนที่มีคนทำงานด้านขายบริการอยู่ประมาณ 6 ล้านคน หากจะให้ทุกคนใช้ถุงยางฯ ก็ควรจะผลิตได้นับพันล้านกว่าชิ้นต่อปีหนึ่งๆ หรือในประเทศสหภาพพม่าที่ประเมินว่าควรจะผลิตถุงยางอนามัยได้สัก 50 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศใช้สำหรับการวางแผนครอบครัวหรือการป้องกันโรคติดต่อ แต่ในความเป็นจริงตัวเลขปริมาณถุงยางที่มีในตลาดของประเทศดังกล่าวยังห่างไกลความต้องการอีกมาก
นับว่าเมืองไทยยังโชคดีกว่าที่ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่แม้ต่างชาติจะมองว่าไทยประสบความสำเร็จในการชักชวนให้คนใช้ถุงยางอนามัยกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แต่การรณรงค์ก็ยังต้องทำต่อไปอย่างต่อเนื่องแบบหยุดไม่ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวบ้านในท้องถิ่น ชาวเขา เช่น ม้ง หรือละหุ ที่ไม่ค่อยใส่ใจถึงประโยชน์การใช้ถุงยางอนามัย ทำให้การคุมกำเนิด และควบคุมการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในคนกลุ่มดังกล่าวทำได้ยาก หรือแม้แต่ในกลุ่มครอบครัวหรือคู่รักที่มีการศึกษาตามเมืองใหญ่ๆ เองก็ตาม ยังพบว่ามีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยค่อนข้างต่ำ สาเหตุเพราะหลายคู่ยังมีทัศนคติผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ถุงยางฯ นำไปเชื่อมโยงกับความคิดเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่สะอาด หรือไว้ใจซึ่งกันและกันมากเกินไปว่าอีกฝ่ายไม่มีสัมพันธ์กับคนอื่น
ดังนั้น...หากเราอยากปลอดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ขณะที่ยังไม่พร้อม และมีความสุขในชีวิตคู่ไปอีกนานๆ แบบมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง คงต้องเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่ไม่ดีต่อถุงยางอนามัย แล้วมองมันในมุมใหม่ ....
ความสุขในชีวิตรักมาจากสัมผัสที่อ่อนโยนลึกซึ้งต่อกันและกันระหว่างคู่ เพียงแค่เยื่อบางๆ ของถุงยางคงไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหดหาย แต่กลับช่วยให้คุณต่างมั่นใจในกันและกัน และมั่นใจต่อกิจกรรมที่กำลังกระทำให้กันมากขึ้น จริงไหมครับ....
คุณรู้หรือไม่?!?
มีใครเคยบอกคุณเกี่ยวกับวิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธีแล้วหรือไม่
.ถ้ายัง อ่านตรงนี้ก่อน
ก่อนซื้อควรแน่ใจว่าถุงยางอนามัยที่คุณจะซื้ออยู่ในสภาพที่ดี และยังไม่หมดอายุ ฉีกซองอย่างระมัดระวัง ไม่ทำให้ถุงยางฉีกขาด บีบรีดตรงปลายถุงก่อนจะค่อยๆ คลายม้วนขึ้นมาห่อหุ้มอวัยวะเพศที่กำลังแข็งตัว หลังจากหลั่งอสุจิแล้ว ให้จับตรงขอบถุงยางไว้ แล้วค่อยดึงอวัยวะเพศออกจากถุงขณะที่ยังแข็งตัวอยู่ ห้ามใช้สารหล่อลื่นชนิดที่ผสมน้ำมัน หากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้สารหล่อลื่นชนิดที่เข้ากับน้ำ (water-based lubricants) เช่น เควายเยลลี เป็นต้น ข้อเสนอแนะสำหรับรัฐบาล ที่จะช่วยส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยให้กับประชาชนได้อย่างไรบ้าง
ปรับราคาให้ต่ำ หรือลดภาษีเพื่อลดราคา ทำให้คนเลือกซื้อได้ง่าย ด้วยการส่งเสริมให้มีการขายถุงยางมากขึ้น ในร้านค้า ร้านขายยา สถานบริการ ร้านอาหารประเภท ผับ บาร์ หรือแม้แต่ตู้ระบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ ทำให้คนในสังคมรู้สึกยอมรับว่าการซื้อถุงยางเป็นเรื่องที่ดี คนจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรืออายที่จะเดินไปซื้อถุงยางอนามัย จัดอบรมเกี่ยวกับประโยชน์ของถุงยางอนามัยและสอนวิธีใช้ ให้กับประชาชน เริ่มตั้งแต่ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา
ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today
Create Date : 26 มีนาคม 2551 |
Last Update : 26 มีนาคม 2551 22:14:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 977 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ลูกสาวเมืองสิงห์ Germany
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
Color Codes ป้ามด
เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตครอบครัว มีบางครั้งที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ มีบ้างบางครั้งที่เราต้องเลิกทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อความก้าวหน้าของชีวิตครอบครัว มีบ่อยครั้งที่เราต้องรู้จักใช้สติ ต้องรู้จัก อดทน และให้อภัย ดูอย่างต้นไม้ซิ มันไม่เคยที่จะผืนลิขิตของฤดูกาล มันไม่คิดจะขัดธรรมชาติ เมื่อถึงคราวต้องทิ้งใบก็ยินยอมแต่โดยดี อดทนและอดทน เพื่อผลิใบ และดอกผลเมื่อฝนมา เพราะเมื่อเวลามาถึงทุกสิ่งจะดำเนินไป ชีวิตที่เรียบง่ายคือชีวิตที่มีสุข
|
|
|
|
|
|
|
|