เครื่องปรุง ไม่มีอะไรมากครับ (ปริมาณกะเอาเองนะครับ เพราะว่าขุ่นแม่ผมใช้ Sense ล้วนๆเลยครับ อิอิอิ)

- หมูบด วันนี้ใช้ประมาณเกือบ 1 กิโล (จะใช้ไก่บด หรือจะ 2 อย่างผสมกันก็ได้ครับ เคยเห็นบางท่านใส่หมู 3 ชิ้นหั่นชิ้นเพิ่มไปด้วย)

- ถั่วลิสงคั่วบด ตามชอบ

- น้ำตาลทราย และ/หรือ น้ำตาลปี๊ป

- กะทิ รอบนี้ใช้ 1 กิโลครับ

- เส้นเล็กแบบลวก (รอบนี้มี 2 ยี่ห้อ ห่อละครึ่งกิโล ไม่แน่ใจว่าอันไหนอร่อยสุด เลยเอามาทั้ง 2 ยี่ห้อครับเพราะว่าร้านดันบอกว่าอร่อยทั้งคู่)

- เครื่องแกง ก็จะมี พริกแดง, หอมแดง, กระเทียม โขลกให้ละเอียด ความเผ็ดตามชอบครับ (แม่ผมท่านบอกว่าที่จริงก็คือพริกแกงเผ็ดที่ขายตามตลาดเนี่ยแหล่ะ แต่ส่วนตัวที่ท่านตำเองเพราะว่าไม่ค่อยชอบผิวมะกรูดเลยเลือกที่จะตำเองครับ)

- ไข่ไก่ (ตามชอบครับ แต่รอบนี้แม่ผมใช้ไข่เป็ดเพราะว่าซื้อมานานแล้วเหลือเยอะ ปริมาณตามชอบครับใช้มากน้ำแกงก็จะข้นมาก)

- ผักสำหรับทานแกล้ม รอบนี้มีถั่วฝักยาว (หั่นแฉลบบางๆ), กะหล่ำปลีหั่นฝอย และ หัวปลี ครับ

วิธีทำ
1. เอากะทิตั้งไฟจนเริ่มแตกมันจึงตักแบ่งเอาส่วนที่เป็นหัวกะทิ (ลอยด้านบน)แยกไว้ แล้วเหลือส่วนหางเอาไว้สักเกือบครึ่งหม้อ (ขออภัยที่ไม่มีภาพช่วงนี้ ผมลงมาไม่ทัน ขุ่นแม่เริ่มไปแล้ว)

2. หลังจากแยกกะทิเป็น 2 ส่วนแล้ว เอาเครื่องแกงลงไปในส่วนของหางกะทิที่อยู่ในหม้อ ตั้งไฟจนเริ่มเดือดและส่งกลิ่นหอม

3. พอเริ่มเดือดก็ใส่หมูบดลงไป (คนเพื่อไม่ให้มันจับตัวเป็นก้อนด้วยนะครับ)

4. หลังจากหมูเริ่มสุกและเดือดทั่วแล้วก็เอากะทิอีกส่วนที่เหลือมาใส่ลงไปครับ (ถามแม่ว่าทำไมต้องแยกเป็น 2 ส่วน ท่านบอกว่าแกงทั่วไปไม่ว่าจะเป็นแกงเขียว แกงแดง เขาก็แยกกันทั้งนั้น อันนี้ไม่ทราบว่าจริงมั้ยครับ 555)

5. พอเริ่มเดือดดีแล้วก็จะเริ่มปรุงรสกันครับ ปรุงรสด้วย เกลือ, น้ำตาล, น้ำปลา รอบนี้แม่ผมใส่น้ำตาลปี๊ป ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอมและหวานนวล ไม่หวานแหลมเกินไป (ไม่ใส่ก็ได้ครับ) ปรุงให้ได้ หวานนำและเค็มตามครับ

6. หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ ซูเชฟ อย่างผม คือโขลกถั่วลิสงคั่ว ครับ ถ้าโขลกละเอียดมากน้ำก็จะข้นมาก แต่ผมชอบให้เป็นเม็ดถั่วบ้างก็เลยไม่เอาละเอียดมากครับ

7. ตำเสร็จก็ใส่ถั่วลงไป

8. “ไข่มั้ยครับไข่ ซื้อมั้ยค้าบบ จะกลับแล้วไข่” ตีไข่ให้เข้ากัน ไม่ต้องถึงกับฟูครับ เราไม่ได้ทำไข่เจียว อิอิอิ

9. หลังจากใส่ถั่วไปและมันเริ่มเดือดแล้ว เราก็เทไข่ที่ตีไว้ใส่ลงไป โดยที่ระหว่างใส่นั้นให้คนด้วยนะครับเพื่อไม่ให้ไข่จับตัวกันเป็นก้อน เพราะว่าเราต้องการให้น้ำแกงข้น ไม่ได้ต้องการทานไข่เป็นชิ้นใหญ่ๆ เหมือนไข่หวาน บัวลอย

8. ตั้งไฟต่ออีกหน่อยรอจนไข่สุกและเดือดอีกครั้ง ก็ปิดไฟ รอเททิ้ง เอ้ย รอเสิร์ฟความร่อยสไตล์ชาวอีสานบ้านเฮาได้เลยครับ
- ดูความข้นของน้ำแกงกะทิ ไข่และหมูทั้งน้านนนน

- ลืมไปครับ เอาน้ำตั้งไฟจนเดือด แล้วเอาเส้นเล็กลงไปลวกจนสุก ใส่ชาม (ไม่ได้ถ่ายตอนลวกเส้น หวังว่าคงทำกันได้นะครับ มันยากมว้าก 555) จากนั้นก็เอาผักที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไป แล้วตักน้ำกะทิราด (ขุ่นแม่ผมชอบแบบแห้งๆ แต่ผม พี่สาว ภรรยา และขุ่นพ่อ ชอบแบบน้ำนองเต็มตลิ่ง

ผลที่ได้คือน้ำกะทิหมดก่อน เส้นเหลือเป็นห่อเลยครับ ดีนะที่ตักแบ่งสำหรับเอาไปทานที่ทำงานได้ 2 มื้อ ไม่งั้นอด) ในรูปที่เห็นเป็นกะละมัง เอ้ย ชาม ของผมเอง แบบว่าใส่จานมันไม่พอครับ นานๆทานที เลยเอาหม้อชาบูมาใส่แทน ขอบอกว่าชามคนทานนะครับไม่ใช่ชามข้าวหมา 555

- เชิญชิมได้เลยครับ “Bon appétit” 

หมี่กระแทกตา กันเลยทีเดียว

- ครับ ก็จบแล้วครับกับเมนูอาหารพื้นเมืองอีสานบ้านเฮา “หมี่กะทิเมืองอุบล” ที่คนทำ (ขุ่นแม่) และขุ่นพ่อของผม พื้นเพมาจาก จว.อำนาจเจริญ (แต่ก่อนก็คืออุบล นั่นเอง) แต่ว่ามาอยู่ กทม. โดนเติบ (นานแล้ว) ประมาณเกือบ 50 ปี

ก็หวังว่าท่านที่เข้ามาดูอาจจะได้นำเอาเมนูนี้ไปลองทำทานกันดูนะครับ เชื่อได้ว่าใน กทม. คงหาทานกันได้ยากพอสมควร ลองทำแล้วอร่อยไม่อร่อยยังไงหรือท่านใดมีเคล็ดลับการทำอย่างไรก็เข้ามาแนะนำเพิ่มเติมกันได้ครับ ต้องขออภัยที่ไม่ได้กำหนดสัดส่วนปริมาณเครื่องปรุงมาให้เพราะว่าขุ่นแม่ท่านใช้กำลังภายใน เอ้ย ม่ายช่ายยยย ใช้ความเคยชินล้วนๆ ครับ

ซึ่งรีวิวการทำเมนูอาหารในครั้งนี้ สิ่งใดที่เป็นข้อผิดพลาดก็ให้ไปโทษขุ่นแม่ข้าพเจ้า ส่วนสิ่งใดที่ดีข้าพเจ้า จขกท. ขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว นะครับ..................................