Group Blog All Blog
|
ฉันจะไปญี่ปุ่น ตอน Noboribetsu เมืองของยักษ์และหมี โนโบริเบทสึ (Noboribetsu)เป็นเมืองน้ำพุร้อน มีอนเซ็นธรรมชาติและหุบเขา Jigokudani ที่มีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติได้ตลอดเวลา และยังเป็นแหล่งที่รวมรีสอร์ทสำหรับการพักผ่อนแช่อนเซ็นที่ติดระดับต้นๆอีกด้วย สัญลักษณ์แสดงการมาถึงก็คือ รูปปั้นยักษ์ยืนเด่นเป็นสง่าคอยต้อนรับอยู่หน้าสถานีรถไฟ ยักษ์ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ก็ว่าได้คะ เพราะทั่วทั้งเมืองจะพบเจอกับรูปปั้นยักษ์อยู่ทั่วไปหมด แม้กระทั่งของที่ระลึกก็ยังเป็นรูปยักษ์ด้วยเช่นกัน วิธีการเดินทาง จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟสาย Limited Express Hokuto ใช้เวลา 75 นาที ค่าโดยสาร 3,850 เยน (ที่นั่งธรรมดา) สามารถใช้ JR Hokkaido Pass หรือ JR Pass เดินทางได้ด้วย เมื่อเดินทางถึงที่สถานี Noboribetsu แล้ว ให้เดินออกด้านหน้า เพื่อขึ้นรถบัสสาย Muroran ต่อไปที่ Noboribetsu Onsen (โซนเมืองน้ำพุร้อน Hot Spring Town ) ซึ่งตั้งห่างอยู่ออกไปบนเขา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าโดยสาร 330 เยน รถบัสจะมี 1-2 รอบต่อชั่วโมง ถ้ามากันหลายคน สามารถนั่ง Taxi ไปได้โดยค่ารถจะตกประมาณ 2500 เยน (ข้อมูลจาก :เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม) (เครดิตรูปภาพจาก : //www.talonjapan.com/noboribetsu-hot-springs/) ครั้งนี้ก้อยได้ไปพักที่โรงแรมโนโบริเบทสึ เซกิซุอิเท Noboribetsu Sekisuitei ที่นี่เป็นโรงแรมเรียวกังขนาดใหญ่ มีบ่ออนเซ็นให้แช่แบบมองเห็นวิวบนเนินเขา ที่นี่มีอ่างแช่แบบถังไม้ขนาดใหญ่ด้วยคะ เหมือนในหนังจีนเวลาองค์หญิงแช่น้ำอะไรประมาณนั้น 555 ที่เลือกพักที่นี่เพราะจากตัวโรงแรมสามารถเดินไปยังบริเวณลำธารน้ำพุร้อนกลางป่าที่ Oyunuma เพื่อไปนั่งแช่เท้าพร้อมชมธรรมชาติแบบฟรีๆไม่เสียเงินแต่อย่างใด (อย่าลืมพกผ้าขนหนูผืนเล็กๆไปด้วยสำหรับเช็ดเท้าหลังจากแช่เสร็จ)พยายามไปหารูปภาพที่ตัวเองถ่ายไว้ แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ไม่ยอมจัดหมวดหมู่ก็แบบนี้แหละ ถึงเวลาจะใช้หาไม่เจอทุกที เลยขออนุญาตนำภาพจากเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมมาลงเอาไว้ให้เพื่อนๆได้ดูคะ เห็นบรรยากาศแล้วอยากไปใช่ไหมละ เมื่อมาถึงเมือง Noboribetsu แล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวสถานที่ Jigokudani (หรือหุบเขานรก)ชื่อนี้มาจากชื่อของภูเขาไฟ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่มีความสำคัญกับเมืองนี้มาก เนื่องจากภูเขาไฟแห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดธารน้ำร้อนที่ไหลไปทั่วเมือง Noboribetsu จนทำให้เมืองนี้มีสถานที่สำหรับแช่อนเซ็นเป็นจำนวนมาก (ข้อมูลจาก :JapanTravel) ระหว่างเดินชมหุบเขานรกนี้ ก็จะได้กลิ่นกำมะถันลอยเตะจมูกอยู่ตลอดเวลา บางบ่อก็ยังเดือดปุดๆและมีควันลอยขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา โชคดีช่วงที่ไปเที่ยวหิมะยังไม่มากเท่าไร ทำให้เส้นทางยังเปิดให้เดินชมได้ตามปกติ แต่ก็ต้องระมัดระวังลื่นเป็นช่วงๆคะ และอีกหนึ่งสถานที่ ที่จะต้องไปเที่ยวให้ได้เมื่อมาถึงเมือง Noboribetsu ก็คือ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาล Noboribetsu Bear Park ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา Noboribetsu โดยเราต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าหรือ Ropeway ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันหมีสีน้ำตาลนั้นใกล้สูญพันธุ์และหาพบได้ยาก มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ไซบีเรียและเกาะฮอกไกโด ภายในศูนย์อนุรักษ์ฯ จะมีพื้นที่สร้างบรรยากาศที่จำลองใกล้คล้ายคลึงกับธรรมชาติสำหรับหมีสีน้ำตาลที่อยู่อาศัยมากกว่าร้อยตัว นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับหมีสีน้ำตาลให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้ ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายของที่ระลึกอีกด้วย (ข้อมูลจาก :talonjapan.com) และที่บนยอดเขา Noboribetsu มีจุดชมวิวทะเลสาบคุตตะระ (Lake Kuttara) แต่ว่าช่วงที่มาเที่ยวเป็นฤดูหนาว ทะเลสาบก็เลยกลายเป็นทะเลน้ำแข็งแทน สวยงามไปอีกแบบคะ การได้มาเที่ยวที่ Noboribetsu ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าจริงๆคะ ได้แช่อนเซ็นที่โรงแรม ได้เที่ยวหุบเขานรก ได้แวะแช่เท้าที่ลำธารน้ำพุร้อนกลางป่าที่ Oyunuma และยังได้แวะเยี่ยมพี่หมีสีน้ำตาลอีกด้วย โดย: สมาชิกหมายเลข 1307335 วันที่: 8 กรกฎาคม 2559 เวลา:17:08:12 น.
|
มาดามกิม
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Friends Blog Link |