โครงการตะพาบที่ 47 นิทานก่อนนอน
โครงการตะพาบที่ 47 นิทานก่อนนอน โจทย์โดย คุณเป็ดสวรรค์ สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวบล็อกแกงค์ทุกท่านค่ะ เมื่อก่อนตอนเราเป็นเด็กๆทุกท่านคงได้ฟังนิทานก่อนนอนจากคุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย คุณปู่คุณย่ามาบ้างนะคะ กิ่งเองก็ชอบฟังนิทานจากคุณย่าประจำเลยค่ะ แต่นานมากแล้วจำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ แต่มาวันนี้กิ่งขอมาเล่านิทานก่อนนอนให้เพื่อนๆบล็อกแกงค์ที่น่ารักทุกท่านดีกว่านะคะ เป็นนิทานผู้ใหญ่ก็แล้วกันนะคะ มาฟังนิทานกันค่ะ และขอให้ทุกท่านหลับฝันดีนะคะ **************************************************ใจขอทานไม่คิดพึ่งตัวเอง ขอทานแขนด้วนคนหนึ่ง เดินมาขออาหารที่วัด ท่านเจ้าอาวาสพูดเหมือนไม่เห็นอกเห็นใจว่า " ขนอิฐพวกนี้ไปไว้หลังวัดก่อน แล้วข้าจะให้ข้าวเจ้ากิน " ขอทานโกรธมาก พูดว่า " ข้ามีแขนแค่ข้างเดียว จะขนอิฐได้อย่างไร ไม่ให้ข้ากิน ก็อย่ามาเอามาล้อข้าเล่นแบบนี้" ท่านเจ้าวาสเดินไปที่กองอิฐ ใช้มือข้างหนึ่งหนีบก้อนอิฐขึ้นมาแล้วพูดว่า " งานอย่างนี้มีมือข้างเดียวก็ทำได้ " ขอทานจำต้องใช้แขนข้างเดียวขนอิฐไปกองไว้หลังวัด เขาใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงขนอิฐหมดกอง ท่านเจ้าอาวาสให้เงินคนขอทาน ขอทานดีใจมาก ขอบคุณท่านเจ้าอาวาสเป็นการใหญ่ ท่านเจ้าอาวาสกล่าวว่า ไม่ต้องขอบคุณข้าดอก นี่เป็นเงินที่เจ้าหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง " ขอทานก็โค้งคำนับแล้วอำลาจากไป หลายวันต่อมา ขอทานคนหนึ่งมาขอทานที่วัด ท่านเจ้าอาวาสพาเขามาที่หลังวัด ชี้ไปที่กองอิฐแล้วพูดว่า "ขนอิฐกองนี้ไปไว้หน้าวัดแล้วข้าจะให้เงินเจ้า " ขอทานคนนี้ มีมือเท้าดีดี ไม่ด้วนไม่พิการ แต่เขากลับเดินหนีไปเสียเฉยๆ ศิษย์วัดถามอาจารย์ว่า " คราวก่อนท่านให้ขอทานแขนด้วนขนอิฐมากองไว้หลังวัด แต่ตอนนี้กลับจะจ้างขอทานมือดีแท้ๆขนอิฐไปไว้หน้าวัดอีก ท่านคิดอะไรไม่ทราบ " เจ้าอาวาสกล่าวว่า "อิฐกองไว้หน้าวัดหรือหลังวัด มันก็เหมือนๆกัน แต่ขอทานที่ขนอิฐสิ ไม่เหมือนกัน " หลายปีต่อมา ชายท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง มายืนอยู่หน้าวัด เขาแต่งตัวดี หน้าตาอิ่มเอิบมีความสุข แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นคนแขนด้วน ที่แท้เขาก็คือ ขอทานแขนด้วนที่เคยมาขนอิฐที่วัดนั่นเอง นับแต่วันที่ เจ้าอาวาสบอกให้เขาใช้แขนเดียวที่มีอยู่ ทำงานเลี้ยงชีพตัวเอง เขาก็ค้นพบความจริงของตัวเอง นับแต่นั้นมา เขาก็ตัดสินใจพึ่งตัวเอง ทำงานอย่างพากเพียร จนกระทั่งพบความสำเร็จในชีวิต ส่วนคนขอทานมือเท้าดีๆ ทีไม่ยอมพึ่งลำแข้งของตัวเองคนนั้น กี่ปีกี่ปี ให้หลัง เขาก็ยังคงเป็นคนขอทาน เร่ร่อนอยู่แถวๆวัดนั่นเอง ***************************************************แง่คิด......... อาชีพขอทานก็คือ ขอเขากิน ทำมาหากินกับความสงสาร ความเห็นใจของคนอื่น เป็นอาชีพที่งอมืองอเท้า ไม่ลงเรี่ยวลงแรง หวังพี่งคนอื่น ไม่คิดพึ่งตนเอง นิทานเซนเรื่องนี้ ขอทานแขนด้วนมาขอเงินพระอาจารย์เซน แต่แทนที่พระอาจารย์เซนจะให้เงินขอทาน ท่านกลับจ้างให้ขอทานทำงาน เงินค่าจ้างที่ให้ ก็คือเงินที่คนทั่วไปทำบุญทำทานกับขอทานนั่นเอง ท่านพระอาจารย์คิดว่า การให้เงินขอทานมันก็ได้อยู่ดอก แต่ว่าพอเงินหมด ขอทานก็กลับมาขอทานต่อ เงินช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้เฉพาะหน้าเป็นครั้งคราวเท่านั้น ไม่สามารถช่วยคนได้ชั่วชีวิต ถ้าจะช่วยคน ก็ควรช่วยให้ตลอดรอดฝั่ง นั่นคือ สอนให้เขารู้จักช่วยตัวเอง เหตุนี้พระอาจารย์จึงเปิดโอกาส สร้างงานให้ขอทานแขนด้วนมีงานทำ มีรายได้ ปลูกจิตสำนึกให้พึ่งลำแข้งของตนเอง จะได้ภาคภูมิใจกับเงินที่หามาได้ด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน ซึ่งก็ได้ผล หลังจากนั้น หนึ่งปี ขอทานแขนด้วนคนนั้น ก็กลายเป็นเจ้าของธุรกิจมีกินมีใช้ ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผิดกับขอทานมือเท้าดีแท้ๆ อีกคนหนึ่งที่ไม่ยอมพึ่งตัวเอง แม้พระอาจารย์ จะเปิดโอกาสให้เขาก็ไม่รับ สุดท้าย เวลาผ่านไป กี่ปี กี่ชาติ ชีวิตของเขาก็ยังคงตกต่ำเป็นขอทานไร้ศักดิ์ศรีอยู่อย่างนั้นเอง ***************************************************ขอขอบคุณที่มาของนิทานจากหนังสือ "สว่างอย่างเซน" โดย สุภาณี ปิยพสุนทรา และขอขอบคุณพี่ไวน์และสายน้ำเพื่อนรุ่นพี่ชาวบล็อกแกงค์ที่เมตตาจิตให้หนังสือนี้เล่มนี้แก่ จขบ.ค่ะขอบคุณมากๆค่ะ ขอขอบคุณบีจีสวยๆจากคุณทาสบอย และของตกแต่งบล็อกจากคุณยายเก๋าชมพรค่ะ ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบ เพลง ขอทานน้อย - มาลีฮวนน่า ขอขอบคุณทุกท่านที่มาชมและเม้นท์ให้กำลังใจค่ะ
Create Date : 09 มกราคม 2555
94 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2555 11:01:30 น.
Counter : 5057 Pageviews.