สวัสดี...วันแม่ก่อนวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙
สุข...ด้วยความไม่รู้สึก หรือ สุข...ซ่อน...ทุกข์
สุขใดๆ ไหนจะแน่
เท่ากับแม่ได้ยิน อุแว้...อุแว้... สุข...นี้นั้นคือ สุข...ด้วยความไม่รู้สึก
นานเท่าไรแล้วยังไม่ได้ทานอาหารกับแม่ ? กรุณาพิจารณาเองเถิด... นานเท่าไรแล้วยังไม่ได้คุยกับแม่ ? ตอบเองเถิด...
แม่ คือ ....ไม่รู้ซิบอกไม่ถูกนะมันเยอะ แต่ที่รู้ๆ นะ แม่คือกุ๊ก ให้อาหารมื้อแรก (นม) แม่เป็นหมอใหญ่คอยดูว่าปวดท้องไหม... แม่เป็นครู... เรียกแม่ซิลูก แม่เป็นพระ... อย่าโกหกนะลูก...มันบาป แม่เป็นผู้จัดการใหญ่บริษัทที่ปรึกษา... ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดแล้วก็จะผ่านได้ ทุกครั้งแม่พูดอยู่ประโยคเดียว เมื่อก่อนผมเบื่อมาก...แต่เดี๋ยวเข้าใจแล้ว เหมือนได้ดวงตาเห็นธรรม คือ ธรรมชาติต้องรอเวลา...ให้เป็นไปตามธรรมชาติ
...ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้ากับพระอานนท์ ได้เดินธุดงค์ไปในป่า และ ได้ข้ามลำธารน้ำไป ระหว่างนั้นเอง...พระพุทธเจ้าเกิดหิวน้ำ และบอก พระอานนท์กลับไปตักน้ำในลำธารน้ำนั้น
พระอานนท์ น้ำในลำธารนั้นขุ่นแล้ว...ไม่สามารถฉันได้ครับ พระพุทธเจ้า พระอานนท์...ท่านจงรอเวลาสักครู่ เวลาผ่านไปสักพัก...น้ำในลำธารนั้นก็ใสดั่งเดิม พระอานนท์ได้เกิดปัญญา ว่า ธรรมชาติบางอย่าง...ต้องใช้เวลารอ
เสมือนหนึ่งว่า ธรรมชาติของสุขและทุกข์...ต้องอาศัยเวลาในการดับ... ถ้าเป็นเช่นนี้ เรียกว่า สุข..ซ่อน..ทุกข์ คือสุขเพียงชั่วคราวแล้วก็เปลี่ยนเป็นทุกข์
หามิใช่ สุข...ซ่อน...ทุกข์ แต่เป็น สุข...ด้วยความไม่รู้สึก เพียงนึกถึง แม่เอย
|