Love is All Around.
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 
9 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
ทดลองขับ BMW 520d (ตอนที่ 2)

Pic_200261


ทดสอบเต็มรูปแบบ พิสูจน์สมรรถนะที่แท้จริงของ BMW 520d ทั้งอัตราเร่ง การทรงตัว อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง รวมถึงการทดสอบก่อนเข้าสู่สายการผลิตจริงในศูนย์ทดสอบของบริษัท BMW...

BMW Series 5 F10 520d คือ รถซีดานขนาดกลางของค่ายใบพัดที่มีเครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุด แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับ F10 รุ่นอื่นๆจากปริมาตรความจุของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ 1,995 ซีซี ซึ่งมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับดีเยี่ยม (19.2 กิโลเมตรต่อลิตร) ถึงแม้จะมีออพชั่นน้อยกว่า Series 5 รุ่นอื่นๆที่มีเครื่องยนต์โตกว่า แต่เจ้า 520d ก็ยังคงมอบการตอบสนอง รวมถึงมีประสิทธิภาพและสมรรถนะในการใช้งานใกล้เคียงกัน จนแทบจะไม่มีความแตกต่างไปจากตัวรถรุ่นที่สูงกว่าอย่าง 523i Highline / 525d แม้แต่น้อย กำลังของเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความจุเพียงแค่ 2.0 ลิตรให้ประสิทธิภาพมากเกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการขับขี่ไปทำงานภายในเมืองหรือออกเดินทางระยะไกล พละกำลังบนแรงบิดในรอบต่ำของเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแบบ Twin-Scoll ดันตัวถังหนัก 1.7 ตัน ให้พุ่งทะยานไปตามแรงกดของฝ่าเท้าได้อย่างง่ายดายบนราคาค่าตัวที่ต่ำ ที่สุดในรุ่น Series 5 ( 3.69 ล้านบาท)






ตลอด ระยะเวลา 4 วันที่ผมได้มีโอกาสนำรถทดสอบของ BMW Thailand รุ่น 520d ออกตระเวนไปทั่วกรุงเทพมหานครเพื่อขับขี่ทดสอบการใช้งานภายในเมือง หลังจาก เมื่อ 3 เดือนก่อน เคยได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งกับรุ่น 523i Highline ซึ่งให้ความประทับใจในแง่มุมของสมรรถนะมาแล้ว รถ Series 5 รุ่นใหม่ที่วางเครื่องยนต์ดีเซลสุดประหยัดคันนี้ คือ รถยนต์ที่สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีทั้งการวิ่งทางไกลหรือการขับขี่ภายใน เมืองใหญ่ทั่วโลก ถูกออกแบบให้มีภายในที่กว้างขวางขึ้นมาก วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆยังผ่านการคิดคำนึงถึงรูปแบบของการจัดวางในระดับที่ดี เยี่ยม สมราคา มิติของตัวรถที่ใหญ่โตขึ้น ทำให้มันใกล้เคียงกับความยาวของรุ่น Series 7 เข้าไปทุกที รวมถึงราคาที่แตกต่างจากรุ่น 525d เกือบ 7 แสนบาท คือความคุ้มค่า น่าใช้งานที่เหมาะสมกับราคาเชื้อเพลิงในยุคปัจจุบัน






กด ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ทางซ้ายมือใต้กรอบหน้าปัด เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเล็กขนาด 4 กระบอกสูบติดขึ้นมาอย่างง่ายดาย เสียงของเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ตัวนี้ยังเบามาก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่มีเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใกล้เคียงกันแต่มี เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ (เสียงของวาล์ว) ดังมากกว่า วิศวกรของ BMW ยังคงใส่ระบบส่งกำลังซึ่งเป็นชุดเกียร์ออโตเมตริก Step-Tronic 8 สปีดของ ZF ที่ให้อัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว แม้แต่การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งก็เต็มไปด้วยความง่ายดายจากแรงบิดรอบต่ำ ที่มีมาให้อย่างพอเพียง แค่ 1,700-2,000 รอบต่อนาทีกับตัวเลข 380 นิวตันเมตร หากคุณเผลอตัวกดคันเร่งไฟฟ้าลงลึกสุดๆ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 8.1 วินาทีจากการทำงานของเทอร์โบที่ไม่มีอาการรอรอบแม้แต่น้อย จะดึงตัวถังของมันให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แรงดึงดังกล่าว ยังมากพอจนทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไหล ลื่น การไต่ความเร็วไปที่ย่าน 100-120 140-160 180-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาไม่นานจนผมแปลกใจในสมรรถนะของมันแต่ไม่เคยสงสัยเลยว่า ทำไมค่าย BMW มักจะได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีอยู่เสมอเมื่อผมได้ลองขับ ทดสอบผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่ของบริษัทนี้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้สามารถรับรู้ถึงประสิทธิภาพอันเข้มข้นของเครื่องยนต์รุ่นล่าสุด จากค่ายใบพัดสีฟ้า-ขาวได้เป็นอย่างดี






ที่ รอบเครื่องยนต์ต่ำประมาณ 1,100 รอบต่อนาที รถ 520d ที่ใช้ระบบ BMW EfficientDynamics จะมีความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อผมลองเติมคันเร่งไฟฟ้าแบบ Drive By Wire ลงไปอีกเล็กน้อย ในรอบเครื่องยนต์ที่ 1500 รอบต่อนาที ตัวรถ 520d จะมีความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำและประหยัดสุดๆเมื่อเปรียบเทียบกับ น้ำหนักตัวของมันที่หนักถึงกว่า 1.7 ตัน ส่วนการทรงตัวก็แทบจะไม่แตกต่างไปจาก New Series 5 F10 ทุกรุ่นที่ผมเคยทดสอบ มันให้ความมั่นคง นิ่งและเงียบในระดับที่เหนือกว่าตัวรถคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง ถ่ายเทน้ำหนักได้ดี แม้จะมีมวลมากกว่ารถเล็กจากระบบรองรับแบบปีกนกอัลลอย การเก็บเสียงของรถคันนี้ใช้บานประตูที่ทำจากอลูมินัมอัลลอย หุ้มขอบประตูด้วยชิ้นยางขนาดใหญ่ถึงสองชั้น รวมถึงพรมปูพื้นกับวัสดุดูดซับเสียงแบบใหม่ที่ใช้ห่อหุ้มห้องโดยสารที่ หรูหราของมัน เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลและเสียงของยาง Goodyear ไซล์ 255/55/R17 ก็ยังเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ภายในห้องโดยสารของ 520d มีเพียงเสียงการทำงานของพัดลมปรับอากาศภายในห้องโดยสารเท่านั้นที่ดังเข้า มากระทบโสตประสาท แม้แต่รอยต่อถนน หลุมบ่อเล็กๆทั่วกรุงเทพฯ ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ทำจากอลูมิเนียมของมันก็ยังจัดการกับเสียงดังกล่าว จนเงียบเข้าขั้นผิดปกติกันเลยทีเดียว






พวง มาลัยไฟฟ้าแบบ Active Steering ส่งประกายงาน Dynamic ชั้นดีออกมาให้เห็นเมื่อผมลองลากรอบขึ้นไปที่ย่านความเร็วสูงพร้อมกับทำการ เปลี่ยนทิศทางของตัวรถไปด้วยในเวลาเดียวกัน ล้อขนาด 17 นิ้วกับยาง 255/55/R17 ของ Goodyear ถึงแม้จะเล็กกว่ารุ่น 523i Highline ที่ให้ล้อ 18 นิ้วมาจากโรงงานแต่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการควบคุมใดๆทั้งสิ้น แรงม้าทั้ง 184 ตัวถ่ายทอดลงสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหลังผ่านเฟืองท้ายและการปรับเปลี่ยนอัตรา ทดของเกียร์ Step-Tronic 8 สปีด จนไม่สามารถจับความรู้สึกยามตัวรถเปลี่ยนอัตราทดได้เลย มันเนียนจนเหมือนกับเกียร์ CVT ที่ไร้ตะเข็บรอยต่อใดๆที่จะทำให้รับรู้ถึงการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง เกียร์ Over-Drive ที่ตำแหน่งเกียร์ 8 ยังช่วยเข้ามาลดการใช้รอบเครื่องยนต์สูงเกินความจำเป็น ส่งผลให้เกิดความประหยัดเชื้อเพลิงอย่างสูงสุดชนิดที่รถเล็กเครื่องดีเซลบาง คันยังทำได้แย่กว่านี้ด้วยซ้ำ เกียร์อัตโนมัติของ ZF ลูกนี้ยังทำงานประสานไปกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรได้อย่างยอดเยี่ยม แรงบิด 380 นิวตันเมตร หมายถึง อัตราทดจะลดลงเฉลี่ยเพียง 1 เกียร์เมื่อคุณอัดมันไปบนทางโค้งที่คดเคี้ยวซึ่งสร้างความรู้สึกที่ดี และให้จังหวะจะโคนที่แสนจะตรงไปตรงมาบนงาน Dynamic ที่วิศวกรของ BMW ลงมือลงแรงเพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการขับ ส่วนรุ่น 523i Highline ที่วางเครื่องยนต์เบนซิน จะตอบสนองได้ช้ากว่าเล็กน้อย BMW 520d เป็นรถที่เร็วคันหนึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงของการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำ วัน มันขับได้อย่างสบาย หน้ารถเกาะหนึบกับผิวถนน พวงมาลัยน้ำหนักเป็นเลิศ แซสซีส์ก็ยังถูกออกแบบให้ทำงานสอดคล้องไปกับกำลังของเครื่องยนต์ และมีพลังสำรองเหลือพอสำหรับการเร่งแซงรถช้า






เบรค มือไฟฟ้า ยังช่วยทำให้การจอดรถรอการเคลื่อนตัวยามรถติดมีความปลอดภัยและสะดวก ต่อการใช้งานเพียงแค่ผู้ขับขี่กดปุ่ม P บนตำแหน่งหัวเกียร์หรือแป้นรูปตัว P หลังซุ้มหัวเกียร์ ระบบเบรคมือไฟฟ้าที่ล้อหลังจะทำงานทันที ช่วยป้องกันรถไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ และสร้างความปลอดภัยยามมีเด็กเล็กอยู่ในรถ เนื่องจากการปลดล็อกตำแหน่งของเบรคมือไฟฟ้า ผู้ขับจะต้องเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนทำการปลดล็อกสวิตช์เบรคมือ การเหยียบแป้นเบรคทุกครั้งก่อนการเคลื่อนที่ของตัวรถ ยังช่วยให้คุณใส่เกียร์ D เพื่อเดินหน้าหรือเกียร์ R เพื่อถอยหลังได้อีกด้วย โดยการออกแบบในลักษณะดังกล่าวช่วยทำให้การขับขี่ใช้งานมีความปลอดภัยมากยิ่ง ขึ้น






หลัก แนวคิดของระบบ EfficientDynamics ที่มีใช้อยู่ในตัวรถ BMW รุ่นใหม่ล่าสุดทุกคัน มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ เพื่อทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่สูงขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลภาวะลดลงในทุกๆสภาวะของการขับขี่และทุกสภาพ อากาศ ในห้องปฏิบัติการทดสอบเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่จะออกสู่สายการผลิต วิศวกรของ BMW ทำการจำลองสภาพความกดอากาศที่มีความแตกต่างกันจากระดับ 200 เมตรต่ำกว่าระดับน้ำทะเลไปจนถึงที่ระดับ 4,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำการปรับอุณหภูมิในห้องทดสอบเครื่องยนต์ที่ -30 องศาเซลเซียสไปจนถึง 45 องศาเซลเซียสเพื่อตรวจดูการทำงาน จำลองสภาพการวิ่งที่ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสามารถปรับความชื้นและความร้อนจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ตัวแปรดังกล่าวมีผลอย่างยิ่งยวดต่อประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ซึ่งการวิ่งในระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลนั้น เครื่องยนต์จะมีการทำงานที่ลดลงจากความสูงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทุกๆความสูง 1000 เมตร ความกดอากาศจะลดลง 30% ข้อมูลที่เรียนรู้จากห้องทดลองจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพัฒนา เครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงในอนาคต






การ ทดสอบสมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์ในระดับความสูงที่แตกต่างกันทั่วโลกหรือ Altitude Test Chamber รถยนต์ทดสอบจะวิ่งอยู่ในสภาวะของการขับขี่ที่จำลองขึ้นให้เหมือนกับการวิ่ง บนภูเขาสูง เช่น ภูเขาไฟฟูจิในประเทศญี่ปุ่น เมืองลาซาในทิเบต หรือเทือกเขาร็อคกี้ของสหรัฐอเมริกา รถยนต์ทดสอบจะทำการวิ่งไปตามโปรแกรมที่ถูกกำหนดขึ้นเสมือนการวิ่งบนถนนใน สถานที่จริง ทั้งการเร่งเครื่องยนต์เพื่อไต่ทางชัน การเบรคในขณะที่ขับลงเขา อีกทั้งยังสามารถทำการคำนวณน้ำหนักบรรทุกและน้ำหนักลากจูงได้อีกด้วย นอกจากการทดสอบเครื่องยนต์เพื่อมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของการเผาไหม้แล้ว ยังเน้นในเรื่องการทำงานของเทอร์โบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ระบบหล่อลื่นเช่นน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำรวมถึงระบบเบรค หลังจากนั้นจ ะนำรถทดสอบมาผ่านการจำลองสภาพอากาศที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ด้วยการลดอุณหภูมิลงไปที่ -40 องศาเซลเซียส เพื่อดูการทำงานของชุดปรับอากาศ ระบบละลายน้ำแข็งบนกระจก ระบบความปลอดภัยของตัวรถและระบบชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ รวมถึงระบบควบคุมเครื่องยนต์และการสตาร์ท ระบบเกียร์ ระบบไฮดรอลิก ในสภาวะของการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่มีอุณหภูมิต่ำหรือสูงผิดปกติ การทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถ New Series 5 จะถูกจดบันทึกโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการทดสอบลงมาก แถมค่าที่ได้ยังใกล้เคียงกับสภาพความเป็นจริงจนสามารถนำไปพัฒนาต่อได้อีก






ส่วน การทดสอบค่าสัมประสิทธิ์ แรงต้านทานของอากาศในอุโมงค์ลม Environmental Wind Tunnel ของศูนย์เทคโนโลยี ETC ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของ BMW โดยตัวอุโมงค์ลมจะจำลองสภาพการขับขี่ที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน ทั้งแบบร้อนจัดถึง 55 องศาเซลเซียส ไปจนถึงระดับ -20 องศาเซลเซียส รวมถึงการจำลองสภาพพายุฝนฟ้าคะนองและพายุหิมะที่มีกระแสลมความเร็วสูง เพื่อทดสอบสมรรถนะของ New Series 5 ก่อนที่จะเข้าสู่สายการผลิต เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่า ทุกชิิ้นส่วนสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ ภายใต้สภาวะที่สุดขั้วในห้องทดสอบ






เวลา แห่งความสุข สำหรับการขับขี่ทดสอบ BMW New Series 5 F10 520d ทั้ง 4 วัน หมดลงอย่างรวดเร็ว ผมกล้าพูดได้เลยว่า เจ้า 520d จะกลายเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยมที่นิยม ชมชอบเครื่องยนต์ดีเซล หากงบประมาณในกระเป๋าของคุณมีไม่มากพอที่จะซื้อตัวรถในรุ่นที่มีความจุ เครื่องยนต์สูงกว่านี้ ราคา 3,699,000 ล้านบาทที่แลกกับสมรรถนะ อัตราเร่ง งานประกอบและการใช้วัสดุชั้นเลิศ มันมีความเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดแล้วในกลุ่มรถหรูราคาแพงของทวีปยุโรป มันทั้งประหยัดน้ำมันมากกว่า ช่วงล่าง Adaptive ให้ความรู้สึกที่ดีและถ่ายทอดประสบการณ์การขับขี่ที่คุณไม่เคยรับรู้มาก่อน เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดก็มีการทำงานที่ยอดเยี่ยม ส่วนออพชั่นภายใน ก็ให้มาอย่างจุใจและพอเพียงต่อการใช้งานจนแทบไม่ต้องดิ้นรนไปเสียเงินเพิ่ม แต่อย่างใดทั้งสิ้น คุณภาพในงานประกอบห้องโดยสารที่เหนือระดับ ส่งถ่ายความสะดวกสบายยามขับขี่ใช้งานได้ดีสมราคา แซสซีส์ที่ใช้ร่วมกันกับรุ่น Series 7 ยังทำให้ตัวรถมีขนาดที่ใหญ่โตจุใจนั่งสบาย รูปลักษณ์ภายนอกที่ท้าทายสายตาของพวกนักขับและออพชั่นระบบความปลอดภัย กับระบบควบคุมการทรงตัวยาวเหยียดจนแทบจะไม่มีรถรุ่นใหม่ในขนาดเดียวกับมัน ที่จะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมายเท่ากับเจ้า Series 5 F10 520d อีกแล้ว รวมถึงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ทำได้ใกล้เคียงกับที่วิศวกรของ BMW เคลมไว้บนตัวเลข 19 กิโลเมตรต่อลิตร

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook //www.facebook.com//chang.arcom




Create Date : 09 กันยายน 2554
Last Update : 9 กันยายน 2554 8:50:57 น. 0 comments
Counter : 3139 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poprockcool
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




พื้นที่โฆษณาพิเศษ
Friends' blogs
[Add poprockcool's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.